เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
A day in AmericaAnn Saengsuri
08: ภาคเรียนแรกที่ไม่ใช่การเรียนภาษา
  • 1.

    มาเข้าเรื่องเรียนกันบ้าง ฉันเรียนจบวิศวะอุตสาหการมา หลังจากทำงานสายนั้นมาสองสามปี ฉันท่องไว้ตลอดว่าไม่อยากทำงานสายนี้อีกแล้ว ดังนั้นการเรียนต่อสายวิศวะจึงไม่ใช่ตัวเลือกในรอบนี้ ฉันอยากหาอะไรที่แตกต่างเรียน ตอนนั้นมีตัวเลือก 2-3 แห่งในแอลเอที่ฉันอยากสมัครเรียน นั่นคือ Engineering Management ที่ California State Northridge และที่ USC (University of Southern California) และ Global Logistic ที่ Cal State Long Beach

    ฉันนั่งเครียดอยู่เป็นเดือนเพราะมานั่งบวกลบคูณหารเงินเก็บที่มีอยู่ มันคงไม่พอประทังชีวิตแน่ๆ ฉันรู้ตัวว่าไม่สามารถเรียน Full Time และทำงานหาเลี้ยงปากท้องที่นี่ไปพร้อมๆกันได้ นั่นคือเหตุผลที่ฉันตัดสินใจเรียน Cert. ที่ UCLA Extension ก่อนที่จะเรียนปริญญาโท

    ฉันเริ่มเรียนเทอมแรกเมื่อต้นปี 2006 ผ่านการเรียนภาษาไปไม่ถึงปี เพิ่งจะเริ่มชินกับสำเนียงอเมริกันได้ไม่เท่าไหร่ เจออาจารย์สอนวิชาแรกมาจากประเทศอังกฤษ อยากกรี๊ดดังๆในห้องเรียน ฉันฟังแทบไม่เข้าใจสำเนียงของอาจารย์เลย

    " ทำไงดีวะ จดแลคเชอร์ไม่ได้เลย สงสัยต้องอ่านเองทุกวันแน่ๆ " ฉันเริ่มบ่นตั้งแต่เจออุปสรรคด้านภาษาในวิชาแรกเลย

    ฉันต้องทำอย่างนั้นจริงๆ กลับมาบ้านก็นั่งอ่านหนังสือ จดโน๊ตย่อเป็นภาษาอังกฤษทุกวัน ฟังอาจารย์ไปเรื่อยๆตลอดเทอม เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่พยายามไปเรื่อยๆ ฉันก็ผ่านวิชานี้จนได้

    การเรียนตอนเย็นมีข้อดีที่สามารถทำงานตอนเช้ามาเรียนตอนเย็น ที่จอดรถในมหาลัยราคาถูกกว่าเวลาปกติและหาที่จอดได้ตลอด เลิกเรียนหลังสามทุ่มรถก็ไม่ติด ขับไม่เกินสิบนาทีถึงบ้าน แต่ข้อเสียคือง่วงนอนง่ายมาก อารมณ์ไม่สดใสเหมือนเรียนตอนเช้า ยิ่งวันไหนทำงานมาทั้งวัน มานั่งเรียนต่ออีกสามชั่วโมง ทำให้สมองประมวลผลช้ามาก

  • เพื่อนร่วมชั้นเรียนส่วนใหญ่เป็นนักเรียนต่างชาติประมาณ 70% ฉันเจอเพื่อนที่ลงเรียนด้วยกันหลายๆวิชา ทำงานกลุ่มด้วยกันบ่อยๆ ทำให้เริ่มสนิทกันมากขึ้น ฉันมีกลุ่มเพื่อนใหม่ที่เริ่มไปสังสรรค์กันบ้างหลังเลิกเรียน มี Jamal จากฝรั่งเศส Ily จากอินโดนีเซียและสองหนุ่มบราซิล Pedro กับ Nilo พวกเรายังคงติดต่อกันจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าเพื่อนๆจะกลับประเทศไปหลายปีแล้วก็ตาม 

    การเรียนที่นี่ส่วนใหญ่จะมีรายงานให้ส่งแทบทุกสัปดาห์ เน้นให้อ่านกรณีศึกษาเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศต่างๆ การลงทุนในประเทศต่างๆ แล้วเขียนสรุป 3-5 หน้าส่งในคาบถัดไป  ยากนะสำหรับนักเรียนที่ไม่ได้เรียนบริหารมาอย่างฉัน แต่ฉันก็พยายามทำส่งไปได้ทุกครั้ง

    เทอมแรกของการเป็นนักเรียนที่เรียนหลักสูตรที่ไม่ใช่การเรียนภาษา มันช่างต่างกันมากมายจริงๆ เพราะตอนเรียนภาษาฉันแค่ท่องศัพท์และไวยกรณ์ แต่พอมาเรียนวิชาการค้าระหว่างประเทศ ทำให้ฉันต้องทำความเข้าใจเนื้อหาโดยรวม จับใจความและสรุปความสำคัญในแต่ละบทให้ได้

    ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคะแนนสอบโทเฟลไม่ถึงเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ทางมหาลัยจะไม่ยอมรับให้เข้าเรียน เพราะว่าภาษาต้องพร้อมจริงๆ ไม่มีใครมาฝึกหรือแก้แกรมม่าที่ผิดให้เรา คำศัพท์ก็หลากหลายและเฉพาะทางขึ้น อ่านหนังสือต้องเร็ว ทำความเข้าใจและสรุปออกมาได้เร็ว แถมต้องวิจารณ์ใส่ความคิดเห็นเราไปด้วยเวลาทำข้อสอบ นักเรียนต่างชาติที่ไม่เคยใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองอย่างฉัน เลยต้องฝึกหนักกว่าชาวบ้านไปอีกเท่าตัวนึง 

  • เพื่อนร่วมคลาสเรียนในภาคเรียนแรกที่ UCLA Extension

  • 2.

    Social Security Number (SSN#)

    เอาละหลายคนคงอยากรู้แล้วสิ ว่าทำอย่างไรให้ได้ทำงานในโรงเรียน สำหรับคนไม่อยากมาเป็นนักเรียนแล้วทำผิดกฏหมายของที่นี่ ฉันก็มีวิธีที่ถูกต้องมาเล่าให้ฟังด้วยเช่นกัน

    ถ้าเราเป็นนักเรียน Full Time สามารถสมัครทำงานในโรงเรียนได้สบายมาก หลังจากลงทะเบียนเรียนเป็นนักเรียนของที่นั่นแล้ว เราก็สามารถไปสมัครงานที่ประกาศไว้ที่แผนกต่างๆได้เลย มหาลัยส่วนใหญ่จะมีหนังสือพิมพ์รายวันหรือรายสัปดาห์ ลองหาในหน้าโฆษณา (classified advertising) จะมีประกาศรับสมัครงานตลอด

    หลังจากได้รับเข้าทำงานแล้ว ทางหน่วยงานนักศึกษาจะออกหนังสือยืนยันว่าได้รับเราเข้าทำงานในแผนกอะไรก็ว่าไป และให้เราไปขอ Social Security Number เราก็นำหนังสือที่ทางมหาลัยออกให้ไปยื่นที่สำนักงาน Social Security Office พร้อมกับพาสพอร์ตและ I-20

    เราจะได้ตัวเลขประจำตัว (SSN#) มา หลังจากนั้นก็เอา SSN# ไปให้แผนกที่รับเราเข้าทำงาน มหาลัยสามารถจ่ายค่าจ้างและหักภาษีเราได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย ดูแล้วไม่ยากเลยใช่มั้ย เป็นนักเรียนลงทะเบียนเต็มหน่วยกิจ ก็สามารถทำงานในมหาลัยได้แล้ว

    " แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น สำหรับนักเรียนต่างชาติที่เรียนมหาลัยในแอลเอต้องเตรียมทำใจไว้นะ "  ฉันขอเตือนจากประสบการณ์จริง

  • เด็กนักเรียนต่างชาติส่วนใหญ่รวมถึงเด็กไทยอย่างเรา ก็พยายามหาวิธีที่จะให้ได้ SSN# กันทั้งนั้น แต่ทางมหาลัยรู้ทัน เพราะว่าเด็กส่วนใหญ่มักจะขอ SSN# เพื่อเอาไปทำงานนอกมหาลัยกัน เลยทำให้มหาลัยในแอลเอส่วนใหญ่ ไม่ยอมออกหนังสือรับรองการทำงานให้เด็กต่างชาติทำงานในมหาลัย การได้ SSN# จากรัฐแคลิฟอร์เนียเลยเป็นเรื่องที่ยากมาก

    เลยส่งผลไปถึงเด็กนักเรียนที่มารุ่นหลังๆแทบไม่มีโอกาสได้ทำงานในมหาลัยกันเลยทีเดียว รวมถึงตัวฉันก็ไม่สามารถขอ SSN# ในช่วงตลอดสองปี (2006-2007) ที่เรียนอยู่ที่ UCLA เช่นกัน

    ทำไมทุกคนถึงอยากได้เลข SSN# ?

    Social Security Numbers คือ ID number ที่บอกว่าบุคคลนั้นเป็นใครและสามารถเชื่อมต่อข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมด้านการเงินของบุคคลนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน รายได้ การเสียภาษี เครดิตความน่าเชื่อถือในการจ่ายเงิน การเช่าที่อยู่อาศัย ซื้อบ้าน ซื้อรถ และอื่นๆอีกมากมาย

    การได้ SSN# ทำให้การใช้ชีวิตในอเมริกาง่ายขึ้นหลายเท่าตัวเลยทีเดียว เช่นการเช่าอพาร์ทเม้น การเปิดบัตรเครดิต การสร้างเครดิตให้ตัวเอง และรวมถึงโอกาสหางานที่เสียภาษีจ่ายเงินเป็น paycheck (ทั้งในและนอกโรงเรียน) ได้มากขึ้นด้วย

    คำเตือน

    สำหรับคนที่ใช้ SSN# ทำงานนอกมหาลัย ต้องระวังอย่าให้รายได้มากเกินจากสถานะนักเรียน ถ้ารายได้สูงเว่อร์กว่าการทำงานอาทิตย์ละ 20 ชั่วโมงและค่าแรงขั้นต่ำ อาจจะทำให้ IRS (Internal Revenue Service) เข้ามาตรวจสอบ และอิมมิเกรชั่นเข้ามามีบทบาทในการเพิกถอนสถานะนักเรียน และส่งกลับประเทศได้ทันที (Deportation)

  • เพื่อนๆฉันที่สนิทกันตอนเรียนที่ UCLA ก็บ่นกันอุบเรื่องไม่สามารถทำงานในมหาลัยได้ แต่ละคนต้องหางานพิเศษนอกโรงเรียนทำ Jamal ไปเป็นพนักงานจอดรถ (Valet parking) ให้กับร้านอาหารหรูในย่านฮอลลี่วูด ส่วน Pedro กับ Nilo ไปเป็นการ์ด (Security) ให้กับผับในย่านเฮอโมซ่าบีช (Hermosa Beach) 

    ส่วน Ily ไม่ได้ทำงานเพราะอาศัยอยู่กับพี่สาว แต่รับเลี้ยงเด็ก (Baby sitting) บ้างในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่วน Chantal ได้ทำงานในร้านขายหนังสือ (Bookstore) ของซานต้าโมนิก้าคอลเลจหลังจากสมัครเป็นนักเรียน full time ของที่นั่น พร้อมกับทำงานจูงหมาที่เธอรักไปด้วย 

    ฉันเริ่มเข้าใจการใช้ชีวิตในต่างแดนมากขึ้น ไม่ใช่ฉันเพียงคนเดียวที่ดิ้นรนทำงานไปเรียนไป เพื่อนๆฉันส่วนใหญ่ก็อยู่ในสถานะเดียวกันทั้งนั้น ฉันไม่ได้รู้สึกเดียวดายอีกต่อไป แต่กลับรู้สึกว่ามีคนเดินร่วมทางในการตามหาความฝันครั้งนี้เพิ่มขึ้นอีกหลายคนเลยทีเดียว

  • UCLA Store ที่เคยวนเวียนไปสมัครทำงานมาหลายครั้ง
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in