เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
A day in AmericaAnn Saengsuri
12: Intro to Snowboard
  • หลังจากอยู่ที่อเมริกามาสองปี  ฉันมีกลุ่มเพื่อนเด็กไทยตอนทำงานใกล้ๆ UCLA เด็กต่างจังหวัดมาเจอกันเลยเข้ากันได้ง่ายมาก แก๊งเด็กเหนือมาเจอเด็กใต้ ความแตกต่างที่ลงตัวเมื่อลูกพ่อเลี้ยงมาเจอลูกนายหัว พวกเราเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยทีเดียว ชวนคุยกันเรื่องไปเล่นหิมะ ลองจัดทริปสกีหรือสโนว์บอร์ดดูหน่อย เลยตกลงว่าจะไปกันช่วงเดือนมกราหลังหิมะตก

    เด็กชาวเลอย่างฉันก็ได้มีโอกาสไปเล่นกีฬาหน้าหนาวสักที พวกเราต้องเช่ารถไปเพราะว่าเส้นทางไปสกีรีสอร์ตส่วนใหญ่วกวนขึ้นเขา รถถูกๆมือสองของแต่ละคนคงไม่สามารถพาพวกเราไปถึงจุดหมายปลายทางแน่นอน

  • Ski ที่ Mount Baldy

    เม้าท์บอลดี้ (Mouth Baldy) อยู่ไม่ไกลจากแอลเอ ห่างไปประมาณชั่วโมงครึ่ง เป็นที่แรกที่พวกเราเลือกไปสำรวจ คืนก่อนไปพวกเราไปนอนรวมกันที่อพาร์ทเม้นของเด็กเหนือ เพื่อออกเดินทางตอนเช้าตรู่ ฉันนอนแทบไม่หลับ เพราะตื่นเต้นและกังวลว่าจะเล่นได้หรือป่าว  

    พวกเราขับรถวกวนขึ้นเขากันไปไม่นานก็ถึงสกีรีสอร์ต อากาศบนเขาดูขมุกขมัวดีแท้ ไปถึงยังไม่ทันไร หิมะก็เริ่มตกโปรยปรายซะแล้ว ฉันตัดสินใจอยู่นานว่าจะลองเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดดี ในที่สุดก็ตัดสินใจลองเล่นสกีดู เพราะเห็นว่ามันมีไม้ค้ำคงจะไม่ล้มง่ายๆ กว่าจะเช่าอุปกรณ์และรองเท้าเสร็จ ใช้เวลาพอสมควรทีเดียว เพราะต้องกรอกเอกสารและลองใส่รองเท้าดูว่าพอดีเท้าหรือไม่

    ฉันถามสต๊าฟเด็กแนวแถวนั้นว่าสกีเล่นยังไง เค้าก็สอนพื้นฐานเรื่องการหยุด การเลี้ยว ทรงตัวย่อเข่า แล้วก็ไล่ให้ไปลองเลย ตัวใครตัวมันละงานนี้ พวกเราต้องขึ้นสกีลิฟท์ไปบนเขา แล้วเล่นอยู่ข้างบนเลย ตอนขึ้นลิฟท์นี่น่าวาดเสียวมาก ใครกลัวความสูงฟังทางนี้ สกีลิฟท์ส่วนใหญ่จะมีแค่ไม้กั้นอันเดียว หลังจากนั่งก็ดึงลงมาดักตัวเราไว้ ไม่ให้ขมำตกลงไป เวลาจะลงจากลิฟท์ก็ยกไม้กั้นขึ้น

    นั่งสกีลิฟท์ หิมะตกและหมอกลงจัดมากที่ Mt. Baldy, CA

  • ก่อนนั่งบนลิฟท์ ใครเล่นสกีต้องใส่สกีติดเท้าไปเลยทั้งคู่ ส่วนสโนบอร์ดต้องถอดเท้าออกจากบอร์ดข้างนึง เวลาลงก็กระโดดลงไปที่ทางลาด แล้วไถลออกไปทางขวาหรือซ้าย แล้วแต่ถนัด ใครไม่กล้ากระโดดหรือกระโดดไม่ทัน เจ้าหน้าที่จะต้องหยุดลิฟท์และรอให้เราลงมา บางครั้งกระโดดช้าล้มลุกคลุกคลาน ก็โดนคนจากลิฟท์ตัวหลังกระโดดมาชนก็มี กระโดดลงมาแล้วให้ออกจากบริเวณนั้นโดยด่วน ถ้าไม่อยากเจ็บตัว เพราะฉันเคยโดนบอร์ดของคนข้างหลังชนเข้าเต็มๆ เขียวคล้ำไปหลายวันเลยทีเดียว

    มาพูดเรื่องเส้นทางวิ่งที่สกีรีสอร์ตจัดไว้บ้าง ส่วนใหญ่จะมี 3 ระดับ เริ่มตั้งแต่ระดับพื้นฐาน (สีเขียว) สำหรับมือใหม่ฝึกหัด ยากขึ้นมาหน่อยก็เป็นระดับกลาง (สีฟ้า) คนที่เล่นวันแรกฝึกการทรงตัวได้แล้ว ก็ขยับมาเล่นระดับกลางได้สบายๆ และสุดท้ายคือระดับยากถึงยากโคตรๆ (สีดำหรือแบล็คไดมอนด์) ถ้าไม่มั่นใจอย่าเพิ่งขึ้นลิฟท์ไปที่ระดับยากสุด เพราะอาจจะลงมาไม่ได้ มือหัดใหม่อย่างฉันก็วิ่งทางง่ายๆแบบกระต่ายน้อยไปก่อน

    การเล่นสกีไม่ได้ยากมากอย่างที่ฉันคิด ฉันใช้เทคนิคเดียวกับการเล่นโรลเลอร์เบลด ยืนย่อๆให้เข่าเข้ามาใกล้กันแล้วก็ไหลๆไป ตอนจะเบรกก็เอาเข่ามาชิดกันแล้วให้สกีตั้งอยู่เหมือนรูปพิซซ่าเพื่อหยุด หลังจากวิ่งวนๆอยู่หลายลูป ก็เริ่มไปได้เร็วขึ้น ฉันเลยลองวิ่งแบบเต็มที่ดูสักตั้ง ไงละเข้าโค้งหยุดไม่อยู่ เลี้ยวไม่ทัน พุ่งออกนอกเส้นทางเข้าไปชนกับตีนเขาอีกลูกนึง เจ็บตัวจนได้ ประสบการณ์ครั้งแรกถือว่าสนุกมาก ฉันเริ่มติดใจหิมะปุยๆกับกีฬาหน้าหนาวเข้าแล้วสิ

  • Mountain High....Intro to Snowboard

    หลังจากนั้นไม่นาน เพื่อนๆกลุ่มเดิมชวนไปลองเล่นสโนบอร์ดที่ Mountain High ซึ่งเป็นสกีรีสอร์ตอีกแห่งนึง อยู่ห่างจากแอลเอไปสองชั่วโมงกว่า พี่มอส ปฏิภาณชอบมาเล่นที่นี่มาก ฉันเลยติดสอยห้อยตามเพื่อนไปลองด้วย เผื่อจะได้เจอพี่มอสบ้าง ฮ่าๆ 

                                                   วิวทะเลเมฆจากยอดเขาที่ Mt. High, CA

  • เฮ้ย สโนบอร์ดเล่นง่ายกว่าสกีเยอะเลย ฉันวิ่งอยู่ที่ทางกระต่าย (Bunny loop) สองสามรอบ แล้วลองขึ้นไปเล่นเส้นทางสีฟ้า ที่มีความยากระดับกลางได้ตั้งแต่วันแรก ฉันเอาตัวเองกลับลงมาถึงลิฟท์ตัวล่างสุดทุกรอบ แต่ห้ามถามว่าล้มกี่ครั้ง เพราะว่ามันนับครั้งไม่ถ้วนจริงๆ รักจะเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม เจ็บตัวเลยเป็นเรื่องปกติ โปรดเตรียมใจไว้เลย

    การเล่นสโนบอร์ดเป็นกีฬาที่เจ็บตัวพอสมควรสำหรับมือใหม่ ต้องมีล้มก้นกระแทก กระโดดลงจากสกีลิฟท์ แล้วล้มหรือไถลไปชนคนที่ลงมาพร้อมกันก็มีบ่อยๆ ไถลไปชนชาวบ้านที่เล่นไม่เป็นเหมือนกัน หลบไม่ทันทั้งสองฝ่ายนี่ก็เยอะ แต่ทุกอย่างอาศัยการฝึกฝน การล้มบ้างเจ็บตัวบ้าง ก็เพิ่มรสชาติไปในตัว

    ดรีมทีมหน้าตายังสดใส ที่ความยากระดับกลาง Mt. High, CA

  • สภาพร่างกายหลังจากเล่นวันแรกนี่ไม่ต้องพูดถึง ปวดเมื่อยไปทั้งตัว คิดว่าตัวเองเป็นทรานฟอร์มเมอร์ แปลงร่างไปสู้รบกับใครมาอย่างนั้นเลย สำหรับใครที่อยากเล่น แนะนำให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆทำงานและยืดหยุ่นบ้าง รับรองว่าจะไม่ปวดมาก แค่ขัดยอกนิดหน่อย

    ฉันพยายามฝึกไปเรื่อยๆ เช่น การยืนให้ได้ทันทีหลังจากล้ม ฝึกการหยุด การเลี้ยว การเล่นแบบหันหน้าลงเนิน (toe-side traverse) หันหน้าขึ้นเนิน (heel-side traverse) การไถลแบบใบไม้ (falling leaf) ส่วนใหญ่เป็นการเล่นแบบไหลจากยอดเขาลงมาเรื่อยๆ สลับกับเทคนิคพื้นฐานที่ฝึกไป ไม่ได้เล่นอะไรผาดโผนแบบที่ไปกระโดดบนบาร์ บนท่อ half pipe ฉันพยายามไม่ทำตัวเองให้เจ็บปวดไปมากกว่าก้นกระแทกเป็นพอ แค่เบสิกๆก็สนุกจนอยากไปเล่นทุกสัปดาห์เลยทีเดียว

    หิมะปุยๆหนาๆ บนยอดเขาที่ Mt. High, CA

  •  ไปเยือน Big Bear Mountain

    ต้นปีที่สามของการอยู่ในแอลเอ ช่วงหน้าหนาวเลยกลายเป็นเวลาที่ฉันชอบมากที่สุด  พวกเราพยายามหาที่ใหม่ๆ เพื่อไปลองกันเสมอ ครั้งนี้ฉันเลือกไปที่บิ๊กแบร์สกีรีสอร์ต (Bear mountain) อยู่ห่างจากแอลเอไปสองชั่วโมงครึ่ง รอบนี้ไปกับเพื่อนอีกกลุ่มนึง นอนค้างคืนที่เคบินและเตรียมอาหารไปปิ้งย่างกัน

    ฉันเป็นคนนอนดึกตื่นสาย กว่าฉันจะนอนหลับลงก็ตีสอง ตื่นมาตีสี่ เพื่อไปเจอกันที่บ้านเพื่อนตอนตีห้า การเดินทางขึ้นไปที่บิ๊กแบร์เลยไม่เข้าทางฉันเท่าไหร่ โค้งเยอะอย่างกับเส้นทางไปปาย ถนนวกไปวนมา จนฉันรู้สึกเวียนหัวมาก ทั้งที่เป็นคนที่ไม่เมารถแต่รู้สึกป่วยขึ้นมา การพักผ่อนเพียงพอเลยเป็นสิ่งสำคัญมาก ไปถึงสกีรีสอร์ตเลยหมดพลังไปเยอะ ฉันต้องจัดอาหารเช้าแบบอเมริกันเบรคฟาสต์ ให้ร่างกายก็ชาร์ตพลังขึ้นมา สู้ไม่ถอยไหนๆมาแล้ว หลังจากเช่าสโนว์บอร์ดเสร็จ ก็ลุยทันที วิ่งขึ้นๆลงๆสกีลิฟท์ เล่นไปตั้งแต่สิบโมงยันบ่ายสาม 


    วิวบนสกีลิฟท์มองเห็นทะเลสาบทีี่ Big Bear, CA

  • ตกเย็นพวกเรากลับลงมานอนที่เคบินแถวทะเลสาบ ฉันหลับเป็นตายตั้งแต่หกโมงเย็น เลยไม่ได้สำรวจเมืองว่ามีอะไรน่าเที่ยวบ้าง ตื่นมาอีกครั้งตอนสามทุ่มด้วยความหิว เพื่อนๆเริ่มสังสรรค์กันแล้ว ฉันก็ร่วมแจมนั่งคุยกันจนเที่ยงคืน แต่ละคนเริ่มหมดพลังเลยแยกย้ายกันไปนอน 

    อากาศบนเขาบิ๊กแบร์หนาวไม่หยอกเลย ฮีตเตอร์ทำงานทั้งคืนจนเริ่มร้อน เพื่อนฉันคนที่นอนตรงกลาง ลุกมาปิดฮีตเตอร์เพราะโดนเบียดและผ้าห่มหนาทำให้มันร้อนจนหายใจไม่ออก ฉันนอนจนใกล้จะเช้า ทำไมมันเย็นอย่างนี้ แต่ละคนนอนสั่น ไม่ได้ยินเสียงฮีตเตอร์ทำงาน ตอนแรกนึกว่าไฟดับ ที่ไหนได้มีมือดีมาปิดซะงั้น 

    บิ๊กแบร์มีทะเลสาบใหญ่อยู่บนเขาและเมืองเล็กๆน่ารักให้เดินเล่น ตื่นเช้ามา พวกเราเดินไปสำรวจรอบทะเลสาบที่เป็นน้ำแข็ง มีป้ายเตือนห้ามเดินลงไป เพราะอากาศที่นี่ไม่ได้หนาวจนติดลบเหมือนทางเหนือ น้ำข้างล่างอาจจะไม่แข็งพอ น้ำแข็งข้างบนอาจจะแตกได้ ส่วนในเมืองก็มีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารหลายแห่งให้แวะชิมกันได้ ทริปนี้เลยได้ทั้งเล่นสโนว์บอร์ดสมใจและได้เที่ยวด้วย 

                                            ทะเลสาบเป็นน้ำแข็งที่ Big bear lake, CA

  • บางคนอาจจะสงสัยว่า เล่นวันนึง 6-8 ชั่วโมง ถ้าหิวแล้วทำยังไง รีสอร์ตส่วนใหญ่จะมีโรงอาหาร (Cafeteria) ใหญ่ๆไว้รองรับลูกค้า หิวก็แวะลงมานั่งกินได้ ถอดบอร์ดวางไว้นอกร้าน ไม่ต้องกลัวหาย แต่ถ้าเป็นบอร์ดใหม่ๆซื้อมาเองต้องระวังหน่อย อาหารส่วนใหญ่เป็นฟาสฟู๊ด เช่น พิซซ่า ไส้กรอก แซนวิช กินพอประทังหิวไปได้ ราคาก็ไม่ได้แพงมาก

    ฉันมักจะพกน้ำขวดเล็กๆติดตัวไปเสมอ ถึงอากาศจะหนาวแต่ร่างกายสูญเสียน้ำ (dehydration) เพราะตอนเล่นเหงื่อออกเยอะ บางครั้งกว่าจะลงมาจากยอดเขาได้ คอแห้งมาก น้ำที่เตรียมไปช่วยได้แน่นอน ฉันยังพกพวกอาหารที่ให้พลังงานสูง (energy bar) ติดตัวไปด้วยเสมอ บางครั้งหิวแต่เล่นเพลิน ไม่อยากหยุดลงมากินที่ร้านอาหาร ก็นั่งแทะขนมบนยอดเขาแถมได้ดูวิวกับทะเลเมฆไปด้วย

    ชมพระอาทิตย์ตกบนยอดเขาที่ Mt. High, CA
  • สโนว์บอร์ดเป็นกีฬาที่เปลืองเงินพอสมควร ค่าเสื้อผ้า (กางเกงและเสื้อแจ๊กเก็ตกันน้ำและกันหนาว) หมวก ถุงมือกันน้ำ แว่นตาหรือหน้ากากก๊อกเกิ้ล รองเท้าสโนบอร์ด และตัวสโนบอร์ด รวมๆกัน ราคาเยอะทีเดียว ฉันพยายามสะสมเงินและซื้อทีละชิ้นตอนลดราคา แต่ตัดสินใจไม่ซื้อบอร์ดเพราะแพงมาก รอให้มีเงินเก็บมากกว่านี้ก่อน เลยเลือกไปเช่าเอาแทน ไหนยังจะมีค่าสกีลิฟท์อีก ช่วงหน้าหนาวฉันงดเที่ยวต่างเมืองเลยทีเดียว เพื่อเก็บเงินไว้ไปเล่นสโนว์บอร์ดแทน

    สกีรีสอร์ตทุกแห่งจะมีรองเท้าและบอร์ดให้เช่า ส่วนใหญ่ตกวันละ $20-$30 ค่าสกีลิฟท์วันละ $50-$100 ขึ้นอยู่กับว่าเราไปที่ไหน ถ้าเป็นสกีรีสอร์ตใหญ่ๆก็จะแพงกว่ารีสอร์ตเล็กๆมาก ฉันเคยไปเล่นที่ทะเลสาบทาโฮ่ (Lake Tahoe) และแมมมอธ (Mammoth Mountain) จ่ายค่าสกีลิฟท์วันละเกือบร้อยเหรียญ แพงมากสำหรับนักเรียนจนๆอย่างฉัน บางคนชอบรีสอร์ตใหญ่ๆเพราะมีหลายเส้นทางให้วิ่งและมีลิฟท์ใหญ่ๆแบบกอนโดล่า นั่งแล้วปลอดภัย ไม่น่าหวาดเสียว ในแคลิฟอร์เนียมีรีสอร์ตให้เลือกมากมายตามความชอบและกำลังทรัพย์ของแต่ละคน

    ส่วนใครที่เล่นไม่เป็น แต่อยากจะเรียนกับครู แต่ละรีสอร์ตจะมีคลาสสอนทุกวัน ที่ Mt. High มีโปรแกรม 3 Peat for Success เป็นโปรแกรมการเรียน 3 วัน วันละ 1 ชั่วโมง 45 นาที ความยากเพิ่มขึ้นไปวันละระดับ (โปรแกรมนี้รวมค่าอุปกรณ์และค่าลิฟทุกวัน คุ้มแสนคุ้มเพราะราคาแค่ประมาณ $180) เวลาที่เหลือจากนั้นก็สามารถฝึกเล่นได้ตามอัธยาศัย

  • แก๊งเด็กไทยหัวใจรักสโนว์บอร์ด บนยอดเขา Mt. High, CA

    ส่วนฉันและเพื่อนๆชอบไปเล่นที่ Mt. High เพราะราคาถูกและใกล้ LA มากที่สุด ทุกวันอังคารมีตั๋วซื้อหนึ่งแถมหนี่ง (buy one get one free) แค่ $50 ก็จัดไปสิ รออะไรละ จ่ายกันคนละ $25 เอง ประหยัดเงินไปเยอะเลย ส่วนค่าน้ำมันรถก็หารกัน ตอนหลังๆไม่ได้เช่ารถ เวลาจะไปเล่น ฉันจะโทรไปขอยืมรถน้ากลาง เป็นนิสสันรถ SUV รุ่น XTerra น้ากลางไม่ได้ใช้รถคันนั้นบ่อย เลยใจดีและอนุญาตให้ฉันเอาไปใช้ได้เสมอ

  • ที่ Mt. High ที่จอดรถมักจะเต็มเสมอในวันเสาร์อาทิตย์ พวกเราก็จอดข้างถนนไว้ มีครั้งนึงจอดแล้วได้ตั๋วที่ห้ามจอด ต้องจ่ายเงินค่าตั๋วอีก มีครั้งนึงแย่กว่า เล่นเสร็จเตรียมตัวกลับ เดินไปถึงรถ ดันหากุญแจรถไม่เจอ ความซวยมักจะไม่ปราณีเราเสมอ เดินหากันจนทั่วจะเจอมั้ยเนี่ย รีสอร์ตตั้งกว้างใหญ่ ฟ้าเริ่มมืด ชาวบ้านทยอยกลับกัน ห้าโมงครึ่งรีสอร์ตจะปิดแล้ว ฉันเลยชวนเพื่อนเดินกลับไปถามที่รับแจ้งของหาย (lost and found) โชคดีที่เจ้าหน้าที่ยังไม่กลับหรือว่ารอพวกเราอยู่

    " มีใครเจอกุญแจรถบ้างมั้ยคะ พวกเราหามันไม่เจอ " ฉันบอกเจ้าหน้าที่ไปด้วยสีหน้าหมดหวัง

    " มีคนเจอกุญแจรถตกในร้านอาหาร พวกเธอขับรถอะไรละ " เจ้าหน้าที่ตอบมาด้วยสีหน้ายิ้มๆ

    " รถฮอนด้า แอคคอร์ด " เพื่อนฉัน (เจ้าของรถ) แย่งตอบขึ้นมาอย่างเร็ว 

    " มันใช่กุญแจรถของเธอหรือป่าว คันนี้ก็เป็นฮอนด้านะ" เจ้าหน้าที่บอกพร้อมกับยื่นกุญแจรถให้ฉัน

    ฉันแทบจะวิ่งไปกอดเจ้าหน้าที่ที่รอจนมีคนถามหากุญแจรถ มันเป็นกุญแจรถของพวกเราจริงๆ ด้วย เฮ้อ นีกว่าต้องให้ใครเอากุญแจสำรองมาให้หรือนอนค้างที่นี่ซะแล้ว พวกเรายังมีความโชคดีในโชคร้ายเสมอ อยากเตือนเพื่อนๆว่า กุญแจรถหรือของมีค่าให้เช่าล็อกเกอร์ฝากไว้ดีที่สุด ราคาไม่ได้แพงมาก

  • เล่นสโนบอร์ดตอนกลางคืน

    ฉันได้ลองมาเล่นตอนกลางคืนครั้งนึงที่ Mt. High ทางรีสอร์ตจะเปิดไฟสปอร์ตไลท์สว่างไปทั่วบริเวณด้านล่าง ลิฟท์ที่เปิดจะมีแค่ระดับพื้นฐานและกลางเท่านั้น ทุกอย่างเหมือนกันกับกลางวัน ต่างกันแค่บรรยากาศกลางคืนจะมีไฟสว่างสวย แดดไม่ส่องหน้าไม่แสบตา ไม่ต้องใส่แว่นกันแดดหรือทาครีมกันแดด อากาศจะหนาวกว่ามาก ตั๋วถูกกว่าเยอะ แต่เล่นได้แค่สี่ชั่วโมง แค่นั้นก็แทบจะเต็มที่แล้วสำหรับฉัน เพราะอากาศจะเย็นลงเรื่อยๆ เล่นไปไม่เกินสองชั่วโมง หน้าเริ่มชา ถุงมือเริ่มเย็น ต้องหนีมานั่งกินช็อคโกแลตร้อน ก่อนจะกลับไปเล่นต่อจนกว่าจะหมดเวลา

    บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องทาครีมกันแดด ยิ่ง SPF สูงๆยิ่งแนะนำ เพราะว่าแสงแดดจะสะท้อนหิมะมาโดนหน้าเราเต็มๆ ไหนจะแดดที่ส่องลงมาตรงๆอีก เวลาขึ้นไปบนยอดเขาสูงๆที่สูงกว่าเมฆ แดดจะโดนตัวเราเต็มๆ มีเพื่อนคนนึงไปเล่นแล้วไม่ได้ทากันแดด โดนรังสียูวีจากแดดเผาจนหน้า หูและเปลือกตาเป็นตุ่มน้ำใสๆ ไข้ขึ้น ต้องไปหาหมอ หมอบอกว่าเกิดอาการเป็นพิษจากรังสียูวีทำลายผิวหนังแบบรุนแรง (Sun Poisoning) ต้องให้ทั้งยากินและยาทากันไปหลายวันเลยทีเดียว

    ช่วงปลายฤดูกาลเป็นช่วงที่ฉันไม่ชอบไปเล่น เพราะหิมะเริ่มละลาย จับกันเป็นก้อนแข็ง ไม่มีหิมะนุ่มเหมือนแป้งแล้ว เวลาเล่นจะลื่นมากอย่างกับเล่นบนน้ำแข็ง ฉันเคยไปสองครั้ง เจ็บตัวมากกว่าสนุก เลยหยุดไป ไว้รอฤดูกาลหน้าแทน


  • Spring break in Colorado

    มีช่วงสปริงเบรคนึงได้ไปเล่นสโนบอร์ดที่โคโรลาโด (Colorado) กับเพื่อนๆในคลาสเรียน มีเพื่อนจากตุรกี ไต้หวัน และนักเรียนไทยอีกสองสามคน พวกเราเช่าบ้านเคบินหนึ่งหลัง มีสี่ห้องนอน ทำอาหารทานกันเองทุกมื้อ ทุกคนมีหน้าที่หมุนเวียนกันทำอาหารและล้างจาน ตอนเช้าทำอาหารเช้าแบบง่ายๆ กลางวันไปอยู่บนเขาเล่นสโนบอร์ด ตกเย็นไปแช่น้ำพุร้อนให้คลายปวดเมื่อย ตอนเย็นกลับมาช่วยกันทำอาหารง่ายๆ กินกันแบบเรียบๆ เน้นพักผ่อน เล่นเกมส์ พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ บางคนเล่นครั้งแรกแต่สามารถขึ้นไปได้ถึงระดับยากสุดได้ 

    ดึกๆก็ทำโกโก้ร้อนมาดื่มกัน เพื่อนบางคนดื่มแอลกอฮอล์ ฉันไม่แนะนำให้ดื่มเยอะ เพราะการอยู่บนที่สูงจากระดับน้ำทะเล (high altitude) เยอะๆจะทำให้เมาง่ายมาก เพื่อนคนนึงดื่มเยอะจนแฮงค์ข้ามวันและปวดหัวมาก จนไม่ได้ไปเล่นสโนบอร์ดในวันถัดไป

    ทุกคนมีอุปกรณ์ พร้อมลุย Wolf creek ski resort, Colorado

  • วันที่สอง ฉันและเพื่อนชายชาวไต้หวัน (Abel) ขึ้นลิฟท์ไปที่ระดับยากสุด (Black Diamond) ขาลงยาวมากและบางจุดเป็นลูกระนาดตะปุ่มตะป่ำ ทำให้ลงยากมาก พวกเราเล่นกันมาทั้งวันจนขาเริ่มล้า Abel ตะคริวจับเพราะเกร็งขาเยอะ เลยต้องถอดสกีออกเพื่อนั่งนวดขา ฉันอยู่เป็นเพื่อนได้สักระยะจนใกล้จะมืด เลยอาสาลงไปบอกเจ้าหน้าที่ให้ขึ้นมาช่วยเอาเพื่อนลงไป กว่าจะลงไปถึงลิฟท์หยุดทำงานแล้ว คนส่วนใหญ่ทยอยลงมาหมดแล้ว ฉันบอกเจ้าหน้าที่ให้ไปยังจุดที่ Abel รออยู่ เพื่อนทุกคนมารอลุ้นอยู่ข้างล่าง รอกันสักพักนึง ยังไม่เห็นวี่แวว Abel

    หน่วยกู้ภัยวิทยุมาข้างล่างว่า " หาเพื่อนของเธอไม่เจอ เขาอยู่ตรงไหน ขอพิกัดใหม่ "

    ฉันยืนยันกลับไปว่า " Abel อยู่ใต้สกีลิฟท์ ใกล้กับเส้นทาง black diamond ที่เป็นตะปุ่มตะป่ำ "

    เจ้าหน้าที่ค้นหาเพื่อนฉันต่อ สุดท้ายก็เจอ Abel เดินแบกสกีลงมาเรื่อยๆ เขาเดินนอกเส้นทางหลักที่รีสอร์ตทำไว้ หน่วยกู้ภัยจับ Abel นอนในแปลผ้าใบต่อเข้ากับสกี แล้วลากลงมาอย่างปลอดภัย 

    ฉันเข้าใจ Abel ว่าอยากลงมาให้ถึงข้างล่างเร็วๆก่อนมืด เลยไม่รออยู่ตรงจุดที่นัดแนะไว้ แต่มันยิ่งทำให้เสียเวลาในการหาตัวเขามากขึ้น เขาอาจจะหลงทางหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ เลยอยากเตือนทุกคนว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์คล้ายๆกันแบบนี้ ให้รออยู่จนกว่าคนจะมาช่วย แถมข้อคิดอีกอย่างนึงสำหรับมือใหม่ ถ้าร่างกายและขาล้ามากแล้ว อย่าขึ้นไปเล่นที่ระดับยากหรือสูงมาก ให้หยุดเล่นไปเลย เพราะร่างกายที่ไม่เต็มที่ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

                       แผนที่โชว์ระดับความยากและจุดที่แต่ละคนไปเล่นกัน Wolf Creek, Colorado 

  • การออกไปเที่ยวแบบนี้ ทำให้ฉันเรียนรู้การเข้าสังคม การอยู่ร่วมกับคนอื่น การเอาใจเขามาใส่ใจเรา การแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า แถมยังได้สนุกตอนเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดลงมาจากยอดเขาด้วยกัน ได้ช่วยเหลือแบ่งปันกัน เพื่อนเหนื่อย เราเหนื่อย เพื่อนหยุดรอ เพื่อนล้ม เราฉุดให้เพื่อนลุก เพื่อนปวดขา ตะคริวกิน เราช่วยนวด เพื่อนหิว กระหายน้ำ เราแบ่งให้ 

    การเล่นสโนว์บอร์ดสอนให้ฉันเห็นความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ การไปถึงเส้นชัยเป็นเรื่องรอง ฉันใจเย็นและมีความอดทนมากขึ้น การเดินทางแต่ละครั้ง ทำให้ฉันรู้จักตัวเองมากขึ้นจริงๆ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in