เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Before the 14th CupTippuri~ii*
chapter 2
  • There was a time when I would have believed them

    If they told me you could not come true

    Just love’s illusion

    But then you found me and everything changed

    And I believe in something again

     

     

     

    *****

     

     

    Chapter 2

     

     


                   

    “เอสเพรสโซร้อน…ทานที่นี่นะ”

     

     

     

     

     

    นิวท์พูดชื่อรายการอันดับที่สี่ของคาเฟ่เดอะเมซแห่งนี้กับบาริสต้าด้านหลังเคาเตอร์…จากการแวะเวียนเข้ามา เขาพอจะเดาได้แล้วว่าคนคนนี้คือเจ้าของร้าน…ชายหนุ่มชาวเอเชียผู้มีมาดนิ่งสุขุม ชวนให้นึกถึงหินผากับผืนน้ำอันกว้างใหญ่…ความเรียบนิ่งที่แท้จริงแล้วแฝงอัธยาศัยใจดีที่ทำให้รู้สึกอุ่นๆ ในใจอย่างประหลาดชอบกล

     

     

     

     

     

    “โอเค” คุณเจ้าของร้าน – หรือมินโฮ – พยักหน้า ก่อนจะถามต่อ “จะให้ใส่น้ำตาลด้วยไหม? หรือนายจะเติมเอง?”

     

     

     

     

     

    อย่างหนึ่งที่ทำให้นิวท์ชอบเดอะเมซนักก็เพราะว่ามันไม่พลุ่กพล่านหรือต้องเร่งรีบอะไรแบบคาเฟ่ดังๆ…มอบเวลาให้กับคำถามเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ อะไรที่แสดงถึงความเอาใจใส่ของทางร้านเป็นอย่างดี

     

     

     

     

     

    “ไม่ล่ะ” นิวท์ส่ายหน้า “ขอเอสเพรสโซเพียวๆ เลยดีกว่า”

     

     

     

     

     

    คงเพราะวันนี้เขาเข้ามาในช่วงหลังเที่ยงที่คนน้อยแล้ว มินโฮจึงมีเวลามาไถ่ถามและเล่นมุกอย่างประโยคหลังนี้…ยิ้มกวนๆ นิดๆ มาให้ “กะไม่นอนเหรอคืนนี้? เพราะถ้าจะเป็นอย่างงั้น ฉันแนะนำให้นายสั่งเป็นดับเบิ้ลช็อตดีกว่า”

     

     

     

     

     

    ข้อสงสัยว่าคำเรียกหาของพวกเขากลายมาเป็นอะไรที่สนิทสนมแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อใดลอยผ่านเข้ามา…ใยความคิดอันบางเบา ไม่ติดค้างหรือทำให้รู้สึกไม่ชอบใจเลยแต่อย่างใด

     

     

     

     

     

    “ไม่ล่ะ…ขอเอสเพรสโซธรรมดานี่แหละ ขอบคุณนะ” นิวท์พูดนิ่มนวล จบบทสนทนาอย่างสุภาพ หยิบใบเสร็จขึ้นมาถือ แอบมองแผ่นป้ายเมนู…คิดสิ่งที่ไม่ได้พูดต่อออกไปเงียบๆ ในใจ

     

     

     

     

     

    …เพราะดับเบิ้ลช็อตเป็นเมนูของวันที่สิบน่ะสิ 

     

     

     

     

     

     

    **

     

                   

     

    นิวท์ไม่เคยถือตัวว่าตนเป็นคนเด่นดังอะไร…เขารู้สึกเหมือนสิ่งเดียวที่ตัวเองทำคือการเขียนบันทึกความคิดเห็นว่าร้านอาหารหรือคาเฟ่ต่างๆ ที่ตนเคยได้ไปนั้นเป็นอย่างไร แต่เมื่อรู้ตัวอีกที…บล็อกส่วนตัวของเขาก็มียอดติดตามสูงจนน่าตกใจ ข้อความที่เขาเขียนกลายเป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่ทุกคนเชื่อถือ คำติชมที่มีกลายเป็นคำตัดสินอนาคตยอดขายของร้านที่ถูกกล่าวถึง

     

     

     

     

     

    และในวูบถัดมา…นิวท์ก็พบว่าตัวเองกำลังเซ็นชื่อลงในสัญญางานของนิตยสารเดอะเกลดในฐานะคอลัมนิสต์ประจำอยู่

     

     

     

     

     

    ถึงจะไม่เคยวางตัวเปลี่ยนไปจากเดิม…ชายหนุ่มก็รู้ดีถึงสถานะที่เปลี่ยนไปของตัวเอง นั่นจึงทำให้เขาชินแล้วที่จู่ๆ จะโดนทักทายอย่างสนิทสนมจากเจ้าของร้านหรือพ่อครัวและได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคนเหล่านี้…การกระทำที่นิวท์เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้น แต่บางทีชายหนุ่มก็แอบรู้สึกไม่ดีไม่ได้…เพราะรู้ดีว่าถ้าเขาเป็นคนปกติ การต้อนรับระดับนี้คงไม่ใช่สิ่งที่จะพึงได้รับแน่นอน

     

     

     

     

     

    คนพวกนี้ต้องการจะต้อนรับชื่อเสียงของเขา…ไม่ใช่ตัวเขาเท่าไหร่หรอก… 

     

     

     

     

     

    แต่นิวท์ก็พยายามจะไม่คิดแบบนี้แล้ววางตัวอย่างสุภาพกับการต้อนรับทุกรูปแบบที่ตนได้รับ…หากก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าบางครั้ง ความเคลือบแคลงใจนี้ก็ทำให้เขารู้สึกเหงาๆ ปนวูบโหวงได้เสมอ

     

     

     

     

     

    เพราะไม่รู้เลยจริงๆ…ว่าความเอื้อเฟื้อใจดีที่ได้รับนั้นจะมาจากความจริงใจหรือเปล่า… 

     

     

     

     

     

    “…เอสเพรสโซ คอน แพนนาได้แล้วนะ”

     

     

     

     

     

    นิวท์เงยหน้าขึ้นมาจากสมุดโน้ตของตัวเองเมื่อได้ยินเสียง…ก่อนจะยิ้มให้คุณบาริสต้าหมายเลขหนึ่งของคาเฟ่เดอะเมซ พึมพำคำขอบคุณเมื่อร่างหนานั่นก้มลงมาวางถ้วยกระเบื้องลงบนโต๊ะเล็กเบื้องหน้า

     

     

     

     

     

    มินโฮตอบรับสั้นๆ หากนุ่มนวลว่าไม่เป็นไรตามมารยาทแล้วก็เดินกลับไปทางเคาเตอร์ กิริยาใจดีแต่ก็ไม่ได้มากมายเป็นพิเศษอะไรนี้เป็นสิ่งที่ทำให้นิวท์ยิ่งเชื่อมั่นว่าท่าทางอีกฝ่ายคงจะไม่รู้จักตนจริงๆ…ในวันแรกนั้น ชายหนุ่มยังอดมองโลกในแง่ร้ายนิดหน่อยไม่ได้ว่ามินโฮจะแกล้งทำแบบนี้หรือเปล่า แต่เมื่อการปฏิบัติตัวแบบนี้ยังดำเนินเหมือนเดิมมาจนถึงวันที่ห้า…นิวท์ก็คิดว่าไม่ผิดอะไรนักที่จะสรุปว่าอีกฝ่ายคงไม่เคยได้ยินชื่อตนมาก่อนเลยจริงๆ

     

     

     

     

     

    นั่น…นั่นจะหมายความว่ารอยยิ้มอ่อนโยนในบางทีนั่นคือสิ่งที่ตั้งใจมอบให้เขาอย่างจริงใจหรือเปล่านะ…? 

     

     

     

     

     

    นิวท์รีบจิบกาแฟรสขมเข้มเจือวิปครีมนั่นเข้าไปเพื่อหยุดคิดต่อ…หากก็รู้อยู่แก่ใจว่าความร้อนที่วูบวาบบนผิวแก้มไม่ได้มาจากอุณหภูมิของเครื่องดื่มเลยสักนิด

     

     

     

     

     

     

    **

     

     

    เครื่องดื่มหมายเลขหกบนป้ายเมนูคือสิ่งที่นิวท์สั่งในวันนี้…คาเฟ่ มอคค่า กาแฟที่รสเข้มข้นนุ่มนวลด้วยนมร้อนและวิปครีม เข้ากันดีนักกับความหวานของช็อกโกแล็ตไซรัปที่ผสมมาด้วย

     

     

     

     

     

    ทั้งๆ ที่น่าจะชินแล้วว่าเขาจะสั่งแค่กาแฟถ้วยเดียว…มินโฮก็ยังคงถามอยู่ดีว่านิวท์สนใจจะสั่งเบเกอรี่หรืออะไรเพิ่มเติมอีกไหม ซึ่งชายหนุ่มผมทองก็ตอบปฏิเสธอย่างทุกวัน…เพราะถึงจะรู้ดีว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่นิวท์ก็เลิกนิสัยไม่ชอบทานมื้อเช้าไม่ได้จริงๆ

     

     

     

     

     

    ก็มันไม่หิวนี่นา…แล้วยิ่งเวลาที่มีเดดไลน์จ่อคออยู่แบบนี้ ใครที่ไหนมันจะไปอยากกินอะไรลงล่ะ… 

     

     

     

     

     

    ผิดกับนักเขียนสมัยนี้…นิวท์ไม่เคยชอบการพิมพ์ต้นฉบับบนคอมพิวเตอร์เลย เขาจะต้องจดมันลงในสมุดด้วยลายมือเสียก่อน แก้จนกว่าจะพอใจ แล้วถึงจะเอาไปพิมพ์อีกทีได้ วิธีทำงานที่เขาใช้ทั้งในการเขียนคอลัมน์และบล็อกส่วนตัว นั่นจึงทำให้นิวท์ต้องเผื่อเวลาในการทำงานไว้ให้สำหรับการพิมพ์ต้นฉบับทั้งหมดให้ทันก่อนเส้นตายด้วย

     

     

     

     

     

    แถมเดือนนี้เขาก็ยังไม่ได้แม้แต่จะเริ่มจดอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่เลย… 

     

     

     

     

     

    ปลายปากกาหยุดขีดเขียนตอนที่ถ้วยกระเบื้องถูกวางลงมาให้บนโต๊ะ ก่อนที่นิวท์จะเงยหน้าขึ้นมองอย่างงงๆ เมื่อเห็นว่ามีจานอีกใบโดนวางลงมาด้วย…ซินนามอนโรลชิ้นกลมหอมกรุ่นราดไอซิ่งสีขาวน่าทาน

     

     

     

     

     

    “เฮ้ มินโฮ” เขาพยักเพยิด “ขนมนี่ผิดโต๊ะแล้วล่ะ…ฉันไม่ได้สั่งนะ”

     

     

     

     

     

    “ฉันรู้” คุณเจ้าของร้านพูดหน้าตาเฉย ก่อนจะยักไหล่นิดๆ “แต่นายกินเถอะ…ฉันแถมให้ เช้าๆ นายจะกินแค่กาแฟได้ไง…มันไม่ดีนะ”

     

     

     

     

     

    ว่าจบก็ยิ้มบางๆ มาให้…รอยยิ้มจากคนยิ้มยากที่ทำให้นิวท์พึมพำประโยคขอบคุณออกไปได้อย่างไม่รู้เรื่องที่สุด กิริยาอึกอักที่คงทำให้อีกฝ่ายยิ่งรู้สึกขันๆ…เพราะมินโฮยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด ตอบสั้นๆ

     

     

     

     

     

    “ไม่เป็นไรหรอก…ตั้งใจทำงานเข้านะ”

     

     

     

     

     

    แล้วร่างหนาก็เดินกลับไปที่หลังเคาเตอร์…รับออเดอร์และชงกาแฟต่อได้อย่างเป็นปกติจนน่าโมโหนัก

     

     

     

     

     

    นิวท์พ่นลมหายใจอย่างงุ่นง่านกับตัวเอง…ก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาไว้ในมืออีกครั้ง ส่วนมืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็ยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบสลับกับเอาส้อมจิ้มชิ้นซินนามอนโรลขึ้นมากัด รสชาติอบอุ่นหวานอร่อยที่เข้ากันเป็นอย่างยิ่ง

     

     

     

     

     

    และหลังจากขีดฆ่าประโยคแรกของย่อใหม่เป็นครั้งที่สี่…นิวท์ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องยอมรับความจริงว่าตอนนี้ตนกำลังเขินจนลืมไปหมดแล้วว่าต้องการจะเขียนอะไร

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    tbc.

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in