แม้จะล่วงเลยมาหลายวัน ล่วงเลยมาเป็นสัปดาห์ๆ ล่วงผ่านเวลาจนอารมณ์ก็ผ่อนลงและความคิดก็เปลี่ยนไป แต่ในที่สุดข้อเขียนนี้ก็เกิดขึ้นจนได้
วันที่ 22 มิถุนายน ถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 เป็นช่วงเวลาสิบวันที่สร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้มากที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิต 23 ปีที่ผ่านมา
ตั้งแต่วันแรกที่รู้ข่าวที่เราช็อกกันทั้งครอบครัว ต่อให้ไม่พูด พวกเราต่างก็รู้ว่าเราคิดเรื่องนี้กันตลอดเวลา คิดทุกวัน คิดทุกครั้งที่ว่าง ไม่ว่าตัวจะอยู่ที่ไหน ใจเราอยู่ที่โรงพยาบาล
เราคิดมากจนคิดไม่ออก และคิดว่าจะเขียนบล็อกตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน บอกตัวเองเอาไว้แบบนั้น แต่พอตั้งท่าจะเขียนจริงๆ ก็ไม่กล้า และก็ไม่ได้เขียนสักที ผ่านไปวัน สองวัน ยังรู้สึกอยากเขียนอยู่ตลอด แต่ก็รู้สึกไม่กล้าเขียนอยู่ซ้ำๆ รวมทั้งไม่เริ่มจรดปากกา ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรแม้แต่ในไดอารีของตัวเอง ได้แต่พูดประโยคเดิมๆ ที่เคยพูดให้ตัวเองฟัง “บางอย่าง จะเขียนลงไดอารียังไม่กล้าเลย”
วันที่ 29 มิถุนายน เราไปพูดให้เพื่อนสนิทฟัง พูดเพื่อเรียบเรียงอะไรในใจออกมาบ้าง เพราะพูดกับตัวเองแล้วรู้สึกก้าวไปข้างหน้าไม่มากพอ
วันที่ 30 มิถุนายน เรากลับไปโรงพยาบาลอีกครั้ง
วันที่ 2 กรกฎาคม เรากลับมาบ้าน ครั้งนี้ความรู้สึกถาโถมท่วมท้น ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้วจริงๆ เรากลับบ้านทุกสัปดาห์ แต่ครั้งนี้เป็นการกลับบ้านที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิม เรารู้ตัวว่าเศร้ากว่าทุกวันที่ผ่านมา
วันที่ 3 กรกฎาคม วันที่จะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกตลอดกาล การจากไปของยาย ผู้ซึ่งเป็น “แม่ของบ้าน” นำมาซึ่งเรื่องราวอีกสารพัดที่พวกเราในครอบครัวต้องจัดการ ในวันถัดๆ มาเราต้องยุ่งกันจนลืมเศร้า แต่สิ่งหนึ่งที่แวบเข้ามาในความคิดท่ามกลางช่วงเวลาแสนวุ่นวายนั้น คือ หลังจากนี้ตั้งใจจะบันทึกเรื่องราวเหล่านี้ให้ได้
เพราะเรื่องของยายเป็นเรื่องสำคัญ และในวันที่ทุกอย่างจบบริบูรณ์ไปอย่างสวยงาม เราคงไม่ต้องกลัวที่จะเขียนอะไรออกมาอีกแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in