แมร์ริแค็ท แบล็ควูด คือหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุวางยาพิษฆาตกรรมหมู่ ซึ่งเกิดขึ้นที่บ้านของเธอเองเมื่อหลายปีก่อน แต่แล้วพบว่า โลกยังมีบางสิ่งที่พิษสงร้ายกาจกว่ายาเบื่อหนูหลายเท่านัก สิ่งนั้นเรียกว่าความเกลียดชัง
พบกับวิบากกรมของแมร์ริแค็ท และสารพัดวิธี เพื่อจะอยู่ให้ได้ท่ามกลางความเกลียดชังนั้น
เธอพึ่งเครื่องรางป้องกันภัย เธอคิดว่าตนเองกำลังเล่นเกมส์เศรษฐี เวลาที่ต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เธอภาวนาซ้ำๆ ขอให้ทุกคนล้มตายแทบเท้า ฝันหวานเห็นภาพตนเองขณะเดินย่ำไปบนศพของพวกมัน
และบ่อยครั้งเธอคิดที่จะหนีไปบนดวงจันทร์ "เพราะบนนั้น ทุกอย่างปลอดภัย"
จากคำโปรยปกหลัง เราได้รู้จักตัวละครชื่อแปลกๆ เหตุการณ์ที่ตัวละครต้องเจอ และคำคำหนึ่งที่ถูกย้ำเหลือเกิน ความเกลียดชังเป็นธีมหลักของหนังสื้อเรื่องนี้ และรสชาติของมันยังรุนแรงขนาดที่สามารถเขียนบอกโต้งๆ ไว้ที่ปกหลังได้เลยว่าตัวเอกมีความเกลียดชังต่อผู้คนจนอยากให้ตายๆ ไปซะ
เป็นเรื่องที่เราอ่านแล้วหายใจหายคอไม่ค่อยสะดวก คนเขียนเก่งมากจริงๆ ที่สามารถใช้บรรยากาศของความเกลียดชังเพียงอย่างเดียวดำเนินเรื่อง ขับเคลื่อนการกระทำของตัวละคร ปรุงแต่งมันลงไปในทุกตัวอังษรจนเราไม่ได้สามารถรู้สึกถึงมุมมองหรือมิติอื่นๆ ได้เลย ทุกครั้งที่พลิกหน้ากระดาษเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหวาดกลัว (กล่าวด้วยด้วยความชื่นชมและเคารพ) ว่าความเกลียดชังนี้จะพัดพาเนื้อเรื่องไปทางไหน จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีก กลัวแม้กระทั่งการจะเลื่อนไปอ่านบรรทัดถัดจากบรรทัดข้างล่าง คือต้องอ่านคำต่อคำแบบกระชั้นชิดเลยทีเดียว
เอาจริงๆเลยคือพล็อตเรื่องไม่มีอะไรนอกเหนือจากที่หลักปกบอกเลย ครอบครัวแมร์ริแคทโดนฆาตกรรมหมู่ แต่ไม่มีการกล่าวถึงฆาตรกรตัวจริงให้คนอ่านตะหงิดๆ ใจตลอดเวลาว่าใครกันมันจะกล้าลงมือทำเรื่องแบบนี้ เขาทำเพราะอะไรหรอ ความโลภ ความโมโห ความเบื่อหน่อย หรือความเกลียดชัง
ซึ่งบอกได้เลยว่าเราจะได้รู้แน่นอนว่าใครเป็นคนทำ แต่หลังจากรู้แล้ว ไม่เหมือนเรื่องผูกปมอื่นๆ ที่บรรยากาศเมฆหมอกค่อยๆจางหายไป แสงอาทิตย์สาดส่องอะไรทำนองนั้น ไม่เลย ความคลื่นเหียนและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงใจยังคงปกคลุมอยู่อย่างนั้น อ่านจบแล้วเหมือนไม่มีทางออกจากบรรยากาศความเกลียดชังที่คนเขียนปูทางและล่อลวงมาให้เราติดกับอยู่ในบ้านแบล็ควูด (อีกครั้ง ด้วยความชื่นชมและเคารพ) กลิ่นของมันยังคงติดตามหน้ากระดาษ เหมือนเวลาคนมาพ่นยากันยุงแล้วควันยังโดนอัดแน่นอยู่ในบ้าน เผลอๆ ร่องรอยของมันอาจจะติดตามนิ้วมือที่เราใช้พลิกหน้าหนังสืออีกด้วย
สารภาพเลยว่าอ่านแล้วนอนไม่หลับ แนะนำให้อ่านวันที่สมองโล่ง อากาศเปิด ถ่ายเทดี ส่วนเราคงต้องขอตัวไปอาบน้ำ ดื่มน้ำเยอะๆ เผื่อกลิ่นอายจากหนังสือเล่มนั้นจะเจือจางไปจากตัวบ้าง
ป.ล. อ่านจบ เรานึกถึงหนังที่เพิ่งเข้าเมื่อไม่นานมานี้เรื่อง Mother! หรือมารดา เรื่องนั้นก็เจ๋งเหมือนกันตรงที่การดำเนินเรื่องและตัวละครทั้งหมดถูกผูกไว้กับเรื่องๆ เดียวเหมือนกัน แนะนำให้ไปดูถ้าว่าง อาการตอนดูหนังจบก็พอๆ กันกับตอนอ่านเล่มนี้จบเลย
ชื่อหนังสือ: บนดวงจันทร์ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
ผู้แต่ง: Shirley Jackson
ผู้แปล: โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล
ราคา: 210 บาท
สำนักพิมพ์: Merry Go Round
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in