เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
KAT-SAN DIARY 2 -Tokyo ReturnVuttiphong Mahasamut
วันที่ 4 - Kamakura Wind




  • 4 สิ่งที่ดีต่อใจ -- ทะเล แสงแดด สายลม วันใหม่


        ยืนอยู่ชานชาลา ต่อแถวรอเพื่อจะขึ้นรถไฟ รถไฟเอโนะเด็น(Enoden)เคลื่อนตัวมาจอดด้วยความเท่ พอมันหยุดนิ่ง ทุกคนในแถวเริ่มขยับตัวเล็กน้อย มองในระยะใกล้ สภาพของมันยังดูใหม่ แต่ก็รู้สึกได้ถึงความมีอายุ (เพิ่งมารู้ทีหลังว่าคันที่ได้ขึ้น (มีเลข 305อยู่ด้านหน้า) คือรุ่นที่สร้างเมื่อปี 1960 หรือ 57 ปี ก่อน)  คนขับรถเปิดประตูออกมาด้วยความคล่อง มองย้อนกลับไปส่งสัญญาณมือ เสร็จเข้าไปกดปุ่มบางอย่าง ประตูเปิดออก ผู้คนในแถวต่างรุดหน้าเพื่อเข้าไปด้านใน 

    ต่างคนต่างมีเหตุผลที่ต้องขึ้นรถไฟขบวนนี้ ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นอาจจะมีบ้างที่เดินทางกลับบ้าน แต่ในเวลาเช้าแบบนี้ จึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว (ใกล้ผมยืนคือนักท่องเที่ยวชาวจีน) ที่มีทั้งคนญี่ปุ่นและคนชาติอื่นด้วย ทันทีที่รถไฟเริ่มเคลื่อนตัว ผมรู้สึกได้ถึงความโยกไปโยกมาของตัวรถ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกังวล รถไฟคันนี้ดูเหมือนว่าจะวิ่งต่อไปได้อีกถึง100ปี และที่น่าทึ่งคือ ทุกอย่างข้างในอยู่ในสภาพดีมากๆ


    มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ผมอยากมาที่นี่  ผมอยากลองขึ้นรถไฟเอโนะเด็นและมองวิวนอกหน้าต่าง ผมอยากเห็นวิวของบ้านเรือน ต้นไม้ ดอกไม้ ชายฝั่ง ภาพของแสงแดดที่ส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกาย แสงแดดคือความหวัง สายลมคืิอกำลังใจ เคยสังเกตุไหม? ทุกครั้งที่ตื่นนอนแล้วมองไปที่แสงแดดนอกบ้าน มันคือสัญญาณของการเริ่มต้นใหม่ ไม่ว่าเมื่อวานนี้จะเป็นอย่างไร มันกลายเป็นอดีตเสียแล้ว หากยังมีรุ่งเช้า แสดงว่ายังมีหวัง ไม่ว่าสิ่งที่หวังจะยากหรือง่ายเพียงใดก็ตาม 

    สายลมทำให้จิตใจเย็นลง ถึงแม้ว่าอากาศจะร้อนแค่ไหน แต่ถ้านานๆยังมีลมพัดมา ก็ยังมีความสุขให้คอยแอบถวิลหา และทุกครั้งที่มันพัดผ่านเราเหมือนจะพัดเอาบางสิ่งติดไปด้วยเสมอ

    วิวทะเลจากหน้าต่างรถไฟ




  • Komachi-dori ถนนที่เดินไปไม่สุดสักที



    การเดินทางมาครั้งนี้ ผมเลือกที่จะใช้บัตร Enoshima Kamakura Free Pass (1,470 Yen) ที่นั่งสาย Odakyo มาลงที่สถานีสุดท้ายของเส้นEnoden (สถานี Fujisawa) แล้วนั่งรถย้อนกลับมาที่สถานีแรก สถานีคามาคุระ ซึ่งสถานที่แรกของวันที่เราต้องการจะไปคือ ถนนโคมาจิ  และเป้าหมายที่เราต้องการจากที่แห่งนี้คือ มื้อแรกของวัน ข้าวหน้าลูกปลาน้อย (Shirasu Don)



    สถานีคามาคุระ




    พอมาถึงทางเข้า ยังไม่ทันได้เข้าไปดี ตาของแคทซังและแพ็ตตี้ก็ลุกขึ้นเป็นประกายพร้อมๆกัน กระท่อมน้อยของสตูดิโอจิบลิ ด้านในเต็มไปด้วยของต่างๆที่เกี่ยวกับอะนิเมชั่นในเครือ 

    ---กรอไปข้างหน้า 15 นาที---

    เสร็จแล้วก็เดินต่อไปเรื่อยๆตามทาง


    ได้เซมเบ้มาลองชิม แต่เค็มมากเลย (เจ้าของรู้หรือเปล่านะ)

    อันนี้ก็มีลูกปลา แต่ยังไม่ใช่อันที่ตามหา

    อันนี้ยิ่งไม่ใช่ใหญ่... แต่ต้องขอรีวิว เบียร์ประจำเมืองคามาคุระ ผมได้ลองชิมไป 2 รสชาติ อันที่ถือเป็น Moon รสชาตินุ่ม เบาดี อีกอันซื้อกลับบ้านเป็น Flower จะเข้มกว่าและเป็นสีดำ (คล้ายStout)  ส่วนตัวผมชอบMoon ที่ผมเพิ่งรู้ภายหลังคือ ถนนนี้เขาให้เดินไปกินไปได้ แถมเดินไปดื่มเบียร์ก็ได้ด้วยนะ


    ใช่แล้ว อันนี้แหละ!! ข้าวหน้าลูกปลาน้อย (เพิ่งมารู้ทีหลังอีก ว่าปลาไม่ดิบแต่เหมือนต้มให้สุกแล้วเลยเป็นสีขาว ปลาดิบตัวจะใสๆ) โดยรวมแล้วอร่อยดี มันๆ เค็มๆ เพลินๆ เต็ม10 ให้ 8 ดาว








    ซอยนี้ลึกกว่าที่คิดไว้ และมีอะไรน่าสนใจเยอะกว่าที่คิดเอาไว้มาก เวลาผ่านไปสองชั่วโมง เรายังไม่ได้ไปไหนไกลกว่าสถานีแรก แต่ถ้าตามหลักสูตรของคามาคุระคือ ช้าไว้ อย่าไปไวกว่าเอโนะเด็น (ผมคิดเอง)  ไปไม่ทั่วไปเป็นไร ครั้งหน้ามาใหม่จะค้างที่นี้ซักคืน


    เดินมาจนสุดแล้ว ไม่อยากกลับทางเก่า เลยอ้อมไปอีกทาง



    ร้านนี้คนเยอะจังนะ




  • ร้านแนะนำ  / Kat-san Recommended Shop: ร้าน Romi Unie Confiture

    CREDIT-ภาพจากกูเก้ล

    ระหว่างทาง แคทซังก็ได้รีเควสที่ๆอยากจะไปมาหนึ่งที่ นั่นคือร้านขายแยมและบิสกิต ชื่อ Romi Unie Confiture 

    ร้านนี้โดดเด่นที่ทำแพ็กเกจจิ้งน่ารัก แค่เห็นกล่องก็อยากซื้อแล้วไม่ต้องกินขนมด้านในก็ได้ พอเข้าไปก็เจอกับบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง มีรอยยิ้มบนใบหน้าพนักงานคอยต้อนรับ ร้านเรียบง่าย แต่รู้สึกได้ถึงคุณภาพและความตั้งใจของเขา

    CREDIT-ภาพจากกูเก้ล

    นี่คือขนมที่ได้กลับบ้านมา 


    ///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

  • Kotoku-in Temple / พระไดบุตสึ


    นั่งรถไฟจากสถานีคามาคุระมาลงที่สถานีฮาเซ จากนั้นก็เดินตามฝูงชนไปยังวัดที่ขึ้นชื่อที่สุด ถ้าได้มาจำเป็นต้องมาเห็นสักครั้ง วัด Kotoku-in ที่ประดิษฐานพระใหญ่ไดบุตสึ



    บรรยากาศระหว่างทางคล้ายๆกับการเดินลงเขาไปยังชายหาด ไกลออกไปสามารถรู้สึกได้ถึงทะเล ลมทะเลที่พัดมา แดดจ้า บวกกับผู้คนที่ดูครึกครื้นเป็นพิเศษ ทำให้การเดินไปวัดดูตื่นเต้นไปอีกแบบ



    วัดในญี่ปุ่นเรียบง่าย และพระไดบุตสึก็ดูมีความขลังและพิเศษ ผมซื้อเครื่องรางจากวัดนี้มา 2 ชิ้น อันนึงไว้ในรถให้ปลอดภัย และอีกอันเป็นรูปเกี๊ยะ ให้แคทซัง เวลาทำงานจะได้ไม่ปวดขา


    ตอนเดินกลับแวะลองชิม Kamakura Cider 


    ///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
  • วัดฮาเซเดระ (Hasedera Temple)


    วัดนี้อยู่ห่างจากวัด Kotoku-in ไม่ไกลนัก และเป็นอีกวัดนึงที่ถ้ามาหน้าร้อนจะดีมาก(นี่มาหน้าใบไม้ร่วง) จะมีดอกไฮเดรนเยีย(Hydrangea)บานสะพรั่งไปทั่ววัด แต่แค่ได้มาเห็นอาคารวัดที่ทำจากไม้ และวิวที่มองเห็นจากในวัดก็คุ้มมาก ทุกอย่างในนี้ดูมีความสุขและสุขภาพดี แม้แต่สิ่งปลูกสร้างต่างๆยังดูสุขภาพดีเลย


    ดูใหม่จัง เขารักษากันยังไงนะ





    จุดชมวิว1

    จุดชมวิว2




    //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

    SIDE QUEST: แพตตี้ตามหารูปปั้น พระจิโซ่ (Ryoen Jizo)

    ในหนังสือไกล์บุ๊คบอกว่า ถ้าหารูปปั้นเจอทั้ง3จุด จะมีโชคเรื่องความรัก แพตตี้จึงเริ่มต้นภารกิจพิเศษนี้ด้วยความมุ่งมั่น เจอจุดแรก จุดที่สอง.. แต่หายังไงก็ไม่พบจุดที่สาม สุดท้ายก็หาไม่ครบ ถอดใจ แต่ก่อนกลับแคทซังก็แอบไปซื้อเครื่องรางความรักในวัดมาให้ ทุกวันนี้ยังห้อยอยู่ที่พวงกุญแจของเธอ

    *ภาพจากหนังสือไกล์บุ๊ค Omotenashi Travel Guide - Kamakura

    //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////



  • สายลมของคามาคุระ


    สิ่งที่ผมคาดไม่ถึงเกี่ยวกับเมืองคามาคุระคือ คน ที่เยอะมากแม้ในวันจันทร์ของฤดูใบไม้ร่วง
    ที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง มีทะเล ภูเขา และมนต์เสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งก็ไม่แปลกที่จะมีคนมาตลอดทั้งปี การมาเที่ยวคามาคุระที่ถูกต้องควรมีเวลา(อย่างน้อย 2 วัน)เพื่อให้ไม่รีบทำสิ่งต่างๆ แต่ค่อยเป็นค่อยไป 



    พอได้มาเดินตรงถนนริมชายหาด ผมรู้สึกว่าวันนี้กำลังจะจบลง พระอาทิตย์เริ่มลดระดับลงไปด้านล่าง ที่ชายหาดมีผู้คนมากมาย ส่วนใหญ่รวมตัวกันถ่ายรูปคู่ หรือแยกตัวกันถ่ายภาพวิว คนเล่นกระดานโต้คลื่นเริ่มน้อยลง  นานๆทีจะมีนกบินผ่านมา เด็กผู้ชายวิ่งไล่จับนกบนหาด เสียงแม่ของเขาตะโกนห้ามพร้อมกับยกมือขึ้นทำเป็นรูปกากบาท เด็กน้อยหันมองแล้วเดินบ่นพึมพำ

    ลมเย็นพัดต่อเนื่อง คนที่มาเป็นกลุ่มดูสนุกสนาน มาเป็นคู่มีความสุข คนที่มาคนเดียวเหมือนมีอะไรในใจ บางคนยืนมอง นั่งมอง หรือนั่งกินอาหาร  ไม่นานบางคนก็เดินออกไป และคนใหม่เดินเข้ามา 


    พวกเราขึ้นรถไฟกลับที่สถานี Kamakurakokomae เด็กนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมคามาคุระกรูกันขึ้นมาเกือบเต็มคันรถ(โรงเรียนในเรื่อง Slamdunk) ส่วนใหญ่จะหอบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่กันคนละใบสองใบ ใส่อุปกรณ์กีฬาต่างๆ และส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้ชายตัวมอม เด็กผู้หญิงมีให้เห็นประปราย 

    มีคุณลุงกับเด็กผู้หญิงเดินขึ้นมา ผมลุกขึ้นยืนและเด็กผู้หญิงเดินไปนั่งแทนที่ ถึงสถานีปลายทางเพื่อเปลี่ยนสาย ทันทีที่รถไฟหยุด เด็กผู้หญิงลุกขึ้น คุณลุงคนนั้นหันมาที่ผม โค้งขอบคุณ แล้วพากันลงรถไฟไป

    มีอะไรอีกที่ยังไม่ได้ทำที่นี่ ...ขอบใจ... ครั้งหน้าจะมาใหม่ แล้วมีอะไรอีกที่ยังไม่ได้ทำที่เมืองไทย อีกเยอะแยะมากมาย สายลมที่เมืองไทยก็ทำให้ง่วงนอนได้ไม่แพ้กัน ชั่วครู่นึงระหว่างทาง ผมแอบงีบหลับไป
  • //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


    แอปเปิ้ลลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในตึก 


    ภารกิจสุดท้ายของวัน แคทซังพุดไอเดียขึ้นมาหลังจากเรากลับมาถึงชินจูกุ ร้านขายแอปเปิ้ลเสียบไม้ลึกลับ ที่เจอตำแหน่งในIG และเป็นตำแหน่งที่คลุมเครือใช้ได้ เราต้องเดินวนกันถึงสามรอบ เพื่อกลับมาถึงจุดเดิมที่เป็นเหมือนอพาท์เมนต์ที่พักอาศัย ไม่มีเค้าของร้านขายของแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ต้องถึงมือ เอโดงาวะ โคนัน เพราะแคทซังเหลือบไปเห็นป้ายเล็กๆ บนกล่องรับจดหมาย
    มีรูปวาดคล้ายกับแอปเปิ้ลเสียบไม้ที่เราตามหา..ต้องใช่ที่นี่อย่างแน่นอน.. แคทซังรุดหน้าขึ้นบันไดไป แล้วเปิดประตู...





    และแล้วก็เหมือนการเดินมาถึงปลายสุดของถ้ำ แล้วมองไปเจอกองสมบัติ ความรู้สึกดีใจ โล่งใจ หมดแรง ถาโถมเข้ามาพร้อมๆกัน ได้นั้งพักและได้กินแอปเปิ้ลที่ต้องการ (พนักงานผู้หญิงก็เป็นกันเอง) ตอนแรกผมไม่ค่อยพอใจ ที่แคทซังดึงดันจะมาที่นี่ให้ได้ แต่เมื่อมาแล้ว และได้ลองกิน ผมจึงรู้ว่ามันคุ้มค่ามาก แอปเปิ้ลแช่เย็นของเขาอร่อยจริงๆ กรอบ สด หวาน และน้ำตาลที่เคลือบผิวก็ช่วยเพิ่มรสสัมผัสที่แปลกไปอีกแบบ กินแล้วเพลินดี สดชื่น เต็ม 10 ให้เลย 10 คะแนน!!
    รสธรรมดาอร่อยสุด โกโก้ไม่ค่อยเข้ากับแอปเปิ้ลเท่าไหร่นัก


    YES, THE PARTY IS OVER.. for today


    (ติดตามตอนต่อไป)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in