เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
KAT-SAN DIARY 2 -Tokyo ReturnVuttiphong Mahasamut
วันที่ 3 - Sunday Bake Shop / Raw Tokyo / Omote-san , Hara-kun


  • เข้าสู่วันที่สามด้วยอากาศแจ่มใส ตื่นเช้ามาด้วยพลังที่ดูเหมือนจะกลับมาเกือบเต็ม อาการเหนื่อยล้าไม่หายขาดแต่ร่างกายดูเหมือนว่าจะปรับตัวให้ชินได้ ที่แรกที่แคทซังอยากจะไปต้องตื่นเช้าอีกตามเคย ครั้งนี้เธออยากลองขึ้นรถประจำทางไป ด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบแน่ชัด 

    พวกเรานั่งรถประจำทางมา 3 ป้าย แล้วก็ลง ใช่แล้ว..ผิดทางอีกตามเคย ครั้งนี้เลยต้องพึ่งแท็กซี่อีก เนื่องจากระยะทางไม่ไกล (จากที่ดูในGPS) 


    ในที่สุดก็ถึง.. ร้านที่ต้องมาในวันอาทิตย์เช้า แบบนี้คือ...

    ...ร้าน Sunday Bake Shop (คิวยาวอีกและ)

    คนญี่ปุ่นชอบต่อคิวมาก ถึงยาวเขาก็รอ ส่วนเราในเมื่อมาถึงที่แล้วก็ต้องรอต่อ แต่ว่าคิวไม่นานอย่างที่คิด ในร้านยุ่งมากแต่พนักงานก็ทำเต็มที่ ตอนสั่งเขาจึงถามชื่อ(ไว้เรียก) เราบอกไปว่า Kat เขาทำหน้างงนิดๆ เลยบอกใหม่ว่า Neko ซักพักจึงได้ยินเสียงเรียก Neko-sama! Neko-sama!

    เกือบเรียกว่าเป็นมื้อเช้าได้เลยนะ!

    ตัวเรียกลูกค้าในร้าน


    ***************************************************************************


    เมื่อเติมพลังกันเรียบร้อย ก็มุ่งหน้าไปภารกิจสำคัญอีกอย่างของวัน(สำหรับแคทซังดูเหมือนจะสำคัญทุกอันเลย) งาน Raw Tokyo ซึ่งสถานที่จัดก็เป็นแหล่งคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ที่เดียวกับที่มีการจัด Farmer's Market นั่นแหละ(ย้อนอ่านได้ใน Kat-san Diary ภาคแรก) 

    พวกเราเดินจากร้านมาขึ้นรถไฟที่สถานี Hatsudai แล้วไปลงที่สถานี Omotesando

    --ระหว่างทาง--

  • Raw Tokyo สุดยอดตลาดสำหรับคนรักของวินเทจ

    วันนี้เหมือนมาที่เดียวได้เที่ยวสองงาน เนื่องจากด้านหน้าก็มีงาน Farmer's Market และด้านหลังก็เป็นงาน Raw Tokyo (นึกภาพตลาด JJ Green) 





    พอเดินเข้ามาด้านในก็พบที่ขายอาหารและบูทต่างๆเยอะกว่าที่คิด


    เท่าที่สังเกตุมา ของวินเทจที่ญี่ปุ่นไม่ได้มีราคาถูก(โดยเฉพาะของเก่าที่อยู่ในสภาพดีมาก)  อาจจะเป็นเพราะพวกเขาให้คุณค่ากับสิ่งของต่างๆที่มีเรื่องราว มูลค่าของมันจึงมีราคาที่สูงตาม บางชิ้นอาจจะแพงกว่าของใหม่ในห้างด้วยซ้ำ แคทซังสามารถมองหาของที่ชอบในหนึ่งร้านภายใน5วินาที และคำนวณไซส์ได้โดยไม่ต้องลอง (แต่ทำไมไม่ชอบคำนวณเงินในประเป๋าด้วยนะ ??)



    (เสื้อshirt กำลังส่งต่อให้เจ้าของใหม่ 7,900 ลดให้เหลือ 7,000 เยนนะ ใจดีจัง!)


    แค่ที่นี่ก็กินเวลาไปเกือบเที่ยง ถึงเวลาของอาหารกลางวัน แต่แคทซังมีอาณาจักรที่อยากจะแวะไปก่อนระหว่างทาง

  • Omotesando ย่านหรูของคนเมือง ที่มีอะไรมากกว่าร้านแบรนด์เนม

    Omotesando เต็มไปด้วยตึกแฟชั่นแบรนด์เนมทุกระดับ ตั้งแต่ของแบรนด์ญี่ปุ่นเอง ไปจนถึงแบรนด์ระดับโลกแทบทุกยี่ห้อ นอกจากร้านขายเสื้อผ้าแล้ว ยังเต็มไปด้วยร้านอาหารหรูหรือคาเฟ่หรู เหมือนจะเป็นย่านของไฮโซ แต่ก็ปะปนไปด้วยคนวัยทำงาน นักท่องเที่ยวและวัยรุ่นแต่งตัวล้ำสมัย เดินแฝงอยู่ด้วยกัน เพราะในบริเวณนี้เป็นเหมือนการรวมกันของสามย่าน Omotesando / Aoyama / Harajuku




    แคทซังดูเหมือนจะชอบแวะมาย่านนี้ในทุกครั้งที่ได้มาญี่ปุ่น ด้วยที่มันเป็นแหล่งแฟชั่น ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นย่านที่หรูหราเหมาะสำหรับคนมีเงินเยอะ แต่มันก็ยังมีความเป็นกันเอง เข้าถึงได้ มีอะไรน่าสนใจซ่อนตัวอยู่ตามตรอกซอยต่างๆ



    //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

    ร้านแนะนำ  / Kat-san Recommended Shop: ร้าน Le Monde De Nathalie


    ร้านนี้เป็นร้านของศิลปินชาวฝรั่งเศสชื่อ Nathalie Leto เธอมีผลงานที่ร่วมทำกับหลายๆแบรนด์ ออกมาเป็นงานศิลปะ หรือสิ่งของ เครื่องใช้ต่างๆ พอเข้าไปจะรู้สึกเหมือนกับว่าเข้าไปในห้องพักของเธอ มีห้องนั่งเล่น ห้องนอน และสิ่งของต่างๆ วางเรียงรายและประดับไว้บนกำแพง


    แน่นอนว่าเธอก็ต้องไม่พลาดมีของติดมือกลับออกมา


    //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////





    แวะพักกินข้าวกลางวัน ไม่ได้มีอะไรพิเศษ


  • Cat's Street - ซอยละลายทรัพย์ที่ใครๆก็อยากมา

    แคทซังเป้าหมายต่อไปของเธอคือร้านวินเทจอีกร้านที่อยู่แถวๆ Cat's Street 



    ร้านอยู่ชั้นสองของตึกทางขวานี้แหละ เป็นห้องพักที่ทำเป็นร้านขายของ (ผมไม่ได้เข้าไป แต่แวะไปเดินเล่นแถว Cat's Street แทน)


    //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////





    ร้านนี้คิวยาวมาก มีในหนังสือแนะนำร้านกินแทบทุกเล่มนะ



    กลับมารวมตัวกันล่ะ แน่นอนว่ามีที่จะไปกินอีก

    ร้าน Dominique Ansel Bakery เคยรีวิวไปแล้วในภาคแรก


  • Harajuku - ตามหาร้านรองเท้าในฝัน

    มีอีกสิ่งนึงที่ผมแอบสังเกตุจากคนบนรถไฟและคนเดินตามถนน คือ คนญี่ปุ่นเขาจะเก่งในเรื่องการใส่รองเท้ามาก แทบทุกคนที่ผมมอง มีสไตล์การจับคู่รองเท้าให้เข้ากับชุดที่เขาใส่ แม้แต่คนที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้แต่งตัวเก่ง แต่รองเท้าของเขาก็ดูไม่ธรรมดา เหมือนว่าในญี่ปุ่นมีญี่ห้อและแบบรองเท้าให้เลือกใส่เยอะ และแต่ละแบรนด์ก็ทำออกมาสวยๆทั้งนั้น เขาถึงมีแต่รองเท้าสวยๆใส่ พอผมได้มาเดินย่านฮาราจูกุ ผมถึงได้เข้าใจ เขามีร้านรองเท้าเยอะจริงๆ!!!! แบบว่าเยอะมาก เฉพาะแค่ในตรอกที่ผมเดินหลงเข้าไปก็10กว่าร้าน และไม่ใช่แค่แบรนด์ดังๆอย่างเดียว แต่มันมีแบรนด์ท้องถิ่น หรือแบรนด์แปลกๆที่ไม่เคยรู้จักอยู่มากเช่นกัน







    จบท้ายวันด้วยอาการเมื่อยตามเคย แต่พอได้รองเท้ามาก็รู้สึกโอเคขึ้น (ผมได้เอง)
    วันนี้จบลงไป แต่ยังเหลืออีกหลายวัน วันพรุ่งนี้เป็นตอนพิเศษ (เพราะว่ามันเป็นวันของผมเอง!!!) 
    ทริปนี้มีทั้งหมด 6 วัน เป็นของแคทซัง 4 ของผม 1 และน้องสาวแคท 1 (ไม่ลำเอียงเลยสุดยอดจริงๆ!!)

    พรุ่งนี้ผมจะได้ไปในที่ๆเคยแต่ดูในทีวี (แชมเปี้ยน) มานาน ความฝันจะเป็นจริง? อาจจะไม่ถึงขนาดนั้น
    มันต่างจากที่ผมวางแผนไว้พอสมควร สิ่งที่ผมอยากทำมันไม่สามารถทำได้ในวันๆเดียว แต่มันก็เป็นอีกประสบการณ์นึงที่ดีมากเลย เพราะเป้าหมายของผมจริงๆไม่ใช่การไปทำสิ่งที่คนอื่นเห็นแล้วต้องชอบหรืออิจฉาหรือดีใจ ผมแค่ต้องการไปสัมผัสกับบรรยากาศของที่นั่น รู้ไหม เวลาผมเห็นสิ่งที่สวยงามแล้วไม่ได้ชูกล้องขึ้นถ่าย แสดงว่าสิ่งนั้นดีกว่า ถ้ามองด้วยตาเปล่าๆ

    (ติดตามตอนต่อไป)


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in