เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
KAT-SAN DIARY 2 -Tokyo ReturnVuttiphong Mahasamut
วันที่ 2 - Cat Temple / Vintage Town / Totoro House



  • เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยพลังเกินร้อย แคทซังตื่นตั้งแต่หกโมง เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้าเพื่อไปตามหาสถานที่แรกของวัน "วัดแมวกวัก" หรือ Gotokuji Temple ในย่านSetagaya  การเดินทางไปย่านเซตากายะต้องนั่งรถไฟสาย Odakyo Line จาก Shinjuku มาลงที่สถานี Gotokuji (ประมาณ20นาที) แต่ที่น่าสนใจคือการเดินตามหาวัดจากสถานี ซึ่งต้องใช้เวลาเดินต่อไปอีก 15-20นาที (ถือว่าค่อนข้างไกลในการเดินด้วยเท้า) และที่สำคัญ วัดตั้งอยู่ในแหล่งชุมชนไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นเส้นทางต้องเดินผ่านย่านที่อยู่อาศัย และGPS ไม่ค่อยถนัดย่านที่อยู่อาศัยเท่าที่ควร


    แพตตี้ร่วมก๊วนเดินทาง!!




    แต่มีอีกจุดหมายที่แคทซังอยากจะแวะก่อนไปไหว้พระ คือร้านเบเกอรี่ที่ชื่อ Uneclef  จากสถานี Gotokuji เราเดินผ่านถนนเส้นหลักที่จะมีตึกอยู่สลับกันไปกับอพาทเมนต์ต่างๆ แถวนี้ดูเหมาะกับวัยรุ่นที่ชอบความสะดวกสบายแต่ไม่ชอบความวุ่นวายเกินไปนัก 







    แต่พอมาถึงร้าน คิวยาวมากจริงๆ นี่ขนาดมาตั้งแต่เช้านะเนี่ย


    มุมติดกระจกน่านั่ง แต่ต้องรอคิวหน่อยนะ

    พวกเราต่อคิวรอกันซักพัก สุดท้ายจึงตัดสินใจ ไปหาร้านอื่นรองท้องกันแทน 

    เดินมาไม่ไกลเจอร้านนี้...

    ขนมปังน่ากินเหมือนกันนะ!!


    เมื่อท้องอิ่มจึงมุ่งหน้าไปหาวัดแมวกวัก เดินตามGPSผ่านเข้าซอยย่อยที่เริ่มมีบ้านหลังเล็กๆให้เห็น ผมเป็นคนนึงที่ชอบถ่ายรูปบ้านคนมาก (ทำมาตั้งแต่สมัยได้ไปเมืองนอก เมื่อเดินไปเจอบ้านสวยๆ) แต่บ้านที่ญี่ปุ่นมีมนต์เสน่ห์เฉพาะตัว แต่ละหลังมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง 








    เดินมาเรื่อยๆจนเริ่มเกิดอาการท้อเล็กน้อย เพราะดูยังไงก็ไม่น่าจะมีวัดอยู่แถวนี้ แต่ในที่สุดก็ได้เจอตัวนี้
    เริ่มมีความหวัง วัดน่าจะอยู่แถวๆนี้แหละ



    ถึงจนได้ทางเข้า (ข้อเสียของGPSคือมันสามารถบอกจุดหมายเราได้ แต่บอกทางเข้า ให้เราไม่ได้ ตอนแรกไปหยุดตรงกำแพงวัดและต้องเดินหาทางเข้าเอาเองนะ)



    แมวกวักเยอะจริงๆ


    (เหมียวตัวเล็กๆหลบอยู่)


    ///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

    SIDE QUEST
    -ร้านขนม まほろ堂蒼月 (ไม่มีชื่ออังกฤษ)
    (ภาพจาก Instagram)


    หลังจากกลับจากวัดแมวกวัก แคทซังยังมีเป้าหมายร้านขนมอีกร้านที่อยากไปกิน แต่ด้วยที่ร้านมีแต่ชื่อภาษาญี่ปุ่น เราจึงต้องเดินตามGPSที่เขาระบุไว้ใน IG และเมื่ิอถึง กลับพบว่าร้านปิด นี่เป็นอีกร้านนึงที่ตั้งใจจะไปกินแต่ไม่ได้กิน  

    ลองส่องเข้าไปดูข้างในแล้วมืด



    แต่โชคยังเข้าข้าง ที่ยังไปเจอร้าน Takoyaki ตรงหัวมุม เราจึงต้องรองท้องกันอีกรอบก่อนไปหาอะไรกินกันในที่ต่อไป 

    มีรถราง monorail ให้ขึ้นด้วย เมืองนี้ก็น่าอยู่ดีนะ



  • ย่านวินเทจที่เดินได้ทั้งวัน - Shimokitazawa
     
    ก่อนที่จะมาญี่ปุ่นรอบนี้ แคทซังได้ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี(กว่าครั้งก่อนอีก) ถึงสถานที่ๆเธออยากไป ขนมที่เธออยากกิน ปักหมุดทุกอย่างไว้หมด และจดรายละเอียดเอาไว้ในสมุด โดยที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่ใหม่ ไม่ซ้ำกับครั้งที่แล้ว แต่ก็ยัมีอยู่ที่นึง ที่แคทซังอยากจะมา(และต้องมา)ในทุกๆครั้งที่มาโตเกียว นั่นก็คือที่นี่แหละ Shimokitazawa

    ตัวผมเองในครั้งที่แล้วก็ได้มาย่านนี้ แต่ก็รู้สึกว่าเป็นย่านนึงที่น่าสนใจดี แต่ครั้งนี้มีบางสิ่งต่างไป ผมกลับรู้สึกว่านี่อาจจะเป็นย่านที่ผมชอบมากที่สุดในการมาทริปนี้ก็เป็นได้ มันมีความน่ารัก มีความเท่ มีวินเทจ มีความทันสมัย มีความสนุก ครั้งนี้เราใช้เวลาส่วนใหญ่ของวัน เดินในย่านนี้จนแทบจะทุกซอย  







    //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

    ร้านแนะนำ  / Kat-san Recommended Shop: ร้าน Bed Vintage 

    ที่นี่รวมของวินเทจที่มีระดับและความหรูหรา ราคาไม่ถูกแต่ก็ไม่แพงเกินไปสำหรับคนที่รักในของพวกนี้จริงๆ




    ///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


    มื้อเที้ยงของวันจบลงด้วยข้าวแกงกะหรี่(ขอไม่ลงรูปเพราะเป็นแกงกะหรี่ที่ธรรมดาๆ) แต่ที่โปรดของผมวันนี้กลับเป็นร้านกาแฟที่บังเอิญเดินเจอ อยู่บนชั้น2ของตึก



    กาแฟรสชาติดี บรรยากาศก็เก่าๆชวนให้มานั่งสนทนาอะไรส่วนตัว นั่งพักขาร้านกาแฟสักพักก็เดินกันต่อ... ไปยังเป้าหมายต่อไป (*แคทซังไม่ดื่มกาแฟ การมาที่นี่เป็นความต้องการของผม เพื่อพักขาและเอาแรง)



    Sweet Twist เป้าหมายที่แท้จริงของเธอล่ะ


    อีกสิ่งนึงที่เป็นเหมือนธรรมเนียมของที่นี่และผมเพิ่งรู้ คือ เวลาไปร้านอาหารหรือคาเฟ่ แต่ละคนต้องมีสิ่งที่ตัวสั่งอย่างน้อย1อย่าง(เจ้าของร้านบังคับมา) คนญี่ปุ่นจะไม่นิยมสั่งอาหารแล้วมาแบ่งกันกินเหมือนคนไทย ผมเลยต้องกินไอติมด้วยอีกคนนะ * _ *


    กินเสร็จก็เดินกันต่อจนพระอาทิตย์ตกดิน 
    ซุปเปอร์มาเก็ตตึกป้ายสีแดงนี้ได้กลายเป็นที่พึ่งพิงสำคัญเวลาแคทซังปวดท้องหนัก-เบาไปแล้ว เธอเข้าทุกรอบที่ผ่านมาที่นี่



    Darwin's Room ร้านที่เคยรีวิวไว้ครั้งที่แล้ว ครั้งนี้ไม่ได้แวะนะ




  • บ้านโทโทโร่ เพื่อนรัก

    ภาระกิจสุดท้ายของวัน (อันนี้เป็นความต้องการของแพตตี้) คือการไปร้านนี้สักครั้ง
    ต้องใช้เวลาเดินพอสมควร จนถึงจุดนี้ทุกคนเมื่อยกันมาก แต่พอมาถึงแล้วก็รู้สึกคุ้มค่า

    ร้าน Shirohige's Cream Puffs




    จบภาระกิจของวัน นั่งรถไฟกลับบ้าน นอนเอาขาพาดกำแพง
    วันนี้สนุกมาก (สำหรับผมอาจจะสนุกที่สุดถ้าไม่นับวันที่4 แต่ขออุบไว้ก่อนว่าไปที่ไหน) 

    สำหรับผม การได้มาที่นี่อีกครั้งเป็นสิ่งที่ดีต่อใจมาก แต่โมเมนท์ที่ผมชอบที่สุดกลับเป็นตอนหัวค่ำ ช่วงที่เดินไปร้านโทโทโร่ ที่เป็นเหมือนจุดหมายสุดท้ายของวัน ในความเงียบระหว่างทาง ผมได้ยินเสียงรถจักรยาน ผมเห็นคุณแม่ยังสาวคนนึง ปั่นจักรยานที่พ่วงด้วยลูกน้อยข้างหลังมาจอดซื้อขนม(คาดว่าเป็นไทยากิ(ขนมรูปปลา)) ผู้ชายหุ่นผอมใส่เสื้อยืดสีขาว(บนบ่าพาดด้วยผ้าเช็ดเหงื่อ)ออกมาต้อนรับ ร้านของเขาเป็นเพิงไม้เก่าที่ดูเหมือนทำขึ้นด้วยงบที่จำกัด แต่ประดับตกแต่งในร้านห้อยโหนด้วยสิ่งของต่างๆจนเต็ม ดูไม่สวยมากแต่ไม่สกปรก ดูเป็นกันเอง เขาเดินมาต้อนรับด้วย hi hi แล้วก็พูดคุยกันเล็กน้อย(แปลไม่ออก) ตอนนั้นอากาศเริ่มเย็น มีลมพัดโชยเบาๆ ถ้าได้กินของร้อนๆคงทำให้อุ่นขึ้นมา 

    มีความรู้สึกนึงแว่ปเข้ามาหาผม  คืนนี้อยากค้างที่นี่จัง อยากมีบ้านอยู่ในเมืองนี้...

    นี่อาจจะเป็นแค่ความรู้สึกของนักท่องเที่ยวคนนึง ที่พกเงินมาเที่ยวโดยไม่ต้องกังวลใจอะไร และเหนื่อยล้าจากการเดินมาทั้งวัน อยากจะอาบน้ำและเอนตัวลงนอนบนที่นอนอุ่นๆ 

    แต่พอได้สติกลับมาที่ความเป็นจริง ก็รวบรวมแรงฮึดเดินต่อ วันนี้ยังไม่จบ หลังจากนี้ ที่พักของผมยังต้องนั่งรถไฟและเดินต่อไปอีกไกล และบ้านที่แท้จริงของผมยิ่งอยู่ห่างไกลออกไปอีกหลายร้อยเท่า และไม่มีรถไฟในญี่ปุ่นสายใดนั่งไปถึง

    ความรู้สึกแบบนี้... รอกลับไปใช้ที่บ้านเรากันเถอะ

    (ติดตามต่อ day3)





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in