เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
KAT-SAN DIARY 2 -Tokyo ReturnVuttiphong Mahasamut
วันที่ 1 - Tokyo Art Book Fair / Teapond / Night Shinjuku 1


  •        

         ทันทีที่มาถึงโตเกียวบรรยากาศอึมครึม ครั้งนี้แคทซังเลือกที่จะพักในโซน Shinjuku เพื่อการเดินทางและเพื่อง่ายในการช็อปปิ้งยามค่ำคืน แต่ที่พักของเรา(ขอใช้นามสมมุติว่า "ที่พักลุยสวน") ไม่ได้หาง่ายอย่างที่คิด เครื่องลงเวลา 9 โมงเช้า เรารีบทำเวลา จากสนามบินนาริตะ ขึ้น Sky Liner ไปลงที่Nippori และต่อรถไฟฟ้ามายัง Nishi-Shinjuku แล้วเสริจGPS เพื่อเดินไปยังที่พัก(ในนั้นบอกใช้เวลา5นาที) เราเดินเข้าซอยธรรมดาๆซอยนึง เดินมาจนถึงร้านขายดอกไม้แล้วเลี้ยวขวา
    เดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ และ หาไม่เจอ! แคทซังเริ่มมีอาการกังวล เธอบอกให้ผมเอาที่อยู่มาเพื่อเสริจเลขที่บ้านลงไป คราวนี้GPS บอกให้ไปอีกทางนึง เดินประมาณ 15 นาที เราสองคนรีบเดินไปต่อ(มีกระเป๋าสัมภาระคอยเป็นภาระอยู่หลายใบทำให้ลำบากพอควร) ผ่านสวนขนาดใหญ่ที่มีคนมาวิ่งออกกำลังกาย ผ่านโรงแรมHyatt / Hilton / ผ่านตึกขนาดใหญ่มีสัญลักษณ์Olympic ปี 2020 (ขอนอกเรื่องนิดนึง ตอนนี้สถานีรถไฟฟ้าต่างๆในโตเกียว มีการใส่หมายเลขกำกับรวมกับสัญลักษณ์เพื่อให้ง่ายต่อการที่นักท่องเที่ยวจะจดจำ เพื่อรองรับโอลิมปิค ปี2020 ที่จะมาถึง นี่เขาเตรียมการกันล่วงหน้าจริงๆนะ!!) 

    เราเดินมาอีก 15 นาที ผ่านอากาศที่เย็นใช้ได้ ฝนทำท่าว่าจะตก เพื่อมาถึงสถานที่ที่คิดว่าไม่น่าจะใช่ หลงทางแน่นอน!!! แคทซังตัดสินใจ ต้องโบกแท็กซี่ เมื่อเอาที่อยู่ให้คนขับดู ถึงได้รู้ว่ามันอยู่ตรงที่เราไปหยุดอยู่ตอนแรก แต่เลยไปอีกไม่ถึง 10 เมตร เราเสียเวลาไปเกือบชั่วโมง เพื่อที่จะกลับมาที่เดิม ( T - T )

    เข้าที่พักแล้ว เจ้าของห้องได้ส่งรหัสเปิดประตู กับรหัสกล่องที่ใช้ใส่กุญแจไว้ให้ เราเข้าไปเก็บของแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังจุดหมายแรกของวัน Tokyo Art Book Fair 2017 


    (หมายเหตุ- ผมไปเจอที่พักนี้ใน Booking.com ราคาตกคืนละ 2,700฿(อยู่ได้3คน) ได้ห้องพัก2ชั้น มีห้องน้ำ ห้องครัว อุปกรณ์ครบ แต่ทั้งหมดทั้งมวล ผมไม่แนะนำต่อให้ใครพัก ใครที่คิดจะพักที่นี่ ต้องมีสกิลดังนี้ 1. มีแอป what's app เพื่อสื่อสารภาษาอังกฤษ เพราะเจ้าของเป็นคนจีน 2. มีความเป็นกันเองค่อนข้างสูง เพราะอยู่มา 6 คืน ผมรู้สึกเหมือนเข้ามาแอบพักบ้านใครก็ไม่รู้ ผมไม่ได้เจอเจ้าของห้องหรือใครเลย คุยกันผ่านแอปเท่านั้น และจ่ายเงินโดยการวางเอาไว้แล้วเขาเข้ามาเก็บเอาไป ตกลงเจ้าของห้องเขามีตัวตนจริงไหมนะ ?!? )

  • TOKYO ART BOOK FAIR 2017

      
    พอมาถึงหน้างาน จะมีบูทให้คนที่มารับแผนที่และถุงพลาสติก(เพื่อใช้ใส่ของที่ซื้อในงาน) ที่ออกแบบให้หิ้วและสะพายข้างได้ อีกสิ่งนึงที่ผมเรียนรู้จากการมาญี่ปุ่นคือ เขาจะพยายามชะลอจำนวนคนที่เข้าไปชมงานต่างๆไม่ให้คนเข้าไปเยอะเกินไปในทีเดียว ที่ต้องมาต่อแถวไม่ใช่เพราะต้องรอคิวแต่อย่างใด แต่เพราะต้องรอจังหวะที่จะเข้าไปนั่นเอง



    มีบูทของศิลปินไทยด้วยนะ







    ก่อนหน้านี้ผมได้มีโอกาสไปร่วมงาน Bangkok Art Book Fair ที่จัดขึ้นครั้งแรกที่ Bangkok City City Gallery และก็ประทับใจในศิลปินไทยที่นำหนังสือทำมือหรืองานศิลปะของตนมาวางขาย แต่ที่โตเกียวนี้ ใหญ่กว่ามากและก็มีการจัดการที่ดูจะเป็นงานขนาดกลาง(ไม่ใช่งานขนาดเล็กแบบบ้านเรา) ภายในงานมีศิลปินที่หลากหลายกว่า และศิลปินที่มาขายมีทั้งที่เป็นมือสมัครเล่นไปจนถึงมืออาชีพที่ขายของในราคาสูงขึ้น แต่ที่ผมรู้สึกเหมือนกันคือความเป็นมิตรของผู้คนในนี้ พวกเขานำของที่มีมูลค่าทางใจมาแบ่งปันและใช้เงินเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ผมไม่ได้รู้สึกถึงการตลาดหรือการทำธุรกิจ แต่เป็นบรรยากาศของชุมชนศิลปินที่มารวมตัวกันเพื่อค้าขายแลกเปลี่ยน ถึงแม้ว่านี่อาจจะเป็นอาชีพหลักของเขาก็ตาม ผมได้เห็นถึงรสนิยมของแต่ละคน การแต่งตัว กิจกรรมที่เขาชอบทำ ในเมืองไทยเองก็เริ่มมีกลุ่มคนแบบนี้เกิดขึ้น(หรืออาจจะมีมานานแล้วแต่ผมเพิ่งรู้) เช่นสตูดิโอทำภาพสกรีนมืออย่าง The Archivist หรืองานพิมพ์ Letterpress อย่าง Pianissimo Press หรือสตูดิโอทำงานกระดาษอย่าง Teaspoon หรือแม้กระทั้งศิลปินที่ได้ไปโชว์งานต่างประเทศมาหลายที่อย่าง Tae Parvit และอีกหลายๆท่าน 

    แคทซังมีข้อเสียอีกอย่างที่แก้ยังไงก็ไม่หาย เมื่อเธอเห็นสิ่งน่ารัก เธอจะแวะดู และเมื่อมีคนขายมาคุยกับเธอแบบเป็นมิตร เธอจะเกรงใจและซื้อมาตลอด จนบางครั้งผมต้องเบรคเธอเอาไว้(แต่มักจะไม่สำเร็จ)
    นี่คือสิ่งที่เธอได้มาจากงาน


    (บนซ้ายในกล่อง- แมวกวักทำจากน้ำตาล(แต่กินไม่ได้) เรียก Kinikato ทำโดย Chinastu Higashi
     / บนขวา-หนังสือของเล่นเด็ก Thaumatrope(ที่ดึงเชือกแล้วตัวกระดาษกลมๆจะหมุน รูปสองด้านดูเหมือนรูปเดียวกัน) โดย  Emoto Kumiko / ซ้ายล่าง-พวงกุญแจArty โดย Misaki Kawai / กลางล่าง-เข็มกลัดเลียนแบบคุ๊กกี้ Fragola)


    ///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


  • Teapond ร้านชาตรงสถานี Kiyosumi-shirakawa

    ระหว่างเดินทางกลับจากงาน Art Book Fair ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ดีที่ร้านชานี้อยู่ไม่ห่างจากสถานีมากนักจึงใช้เป็นที่หลบฝนไปในตัว ทันทีที่เปิดประตูเข้าด้านใน จะได้ยินเสียงเพลงแจ๊สเปิดอยู่เบาๆ และด้านหลังมีพนักงานกำลังนำชาใส่ถุง ทุกคนดูมีความสุขดีที่ได้นั่งล้อมวงทำงาน บนชั้นต่างๆมีตัว Tester ให้ลองดมกลิ่นชาที่เราต้องการจะซื้อกลับบ้านด้วย


    เหมือนจะคุยกันรู้เรื่องนะ
  • ปิดท้ายวันด้วย Night Shinjuku เมืองที่ไม่ยอมหลับ
    เนื่องด้วยที่แคทซังต้องไปรับน้องสาวที่จะมาสมทบตอนหนึ่งทุ่มที่ชินจูกุ เราจึงพอมีเวลาเดินเล่นแถวๆนี้ในวันแรกโดยยังไม่ได้แวะอะไร ในตอนกลางคืน ย่านแถวนี้เต็มไปด้วยแสงสีที่สว่างไสวอยู่ตลอด 


    มนุษย์กล่องใต้สะพาน เขาดูมีครบทุกอย่างที่จำเป็นนะ!!




    วันแรกจบลงโดยไม่ค่อยได้ทำอะไรมาก การเดินทางไป Tokyo Art Book Fair ครั้งนี้กินเวลาไปพอสมควรเนื่องจากต้องนั่งรถหลายต่อและใช้เวลาเกือบชั่วโมง แต่ทริปนี้เพิ่งเริ่มต้นเองนะ

    (ติดตามต่อ day 2)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in