เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SAY YES TO LOVE - ใครๆ ก็เคยรัก... หรือว่าไม่จริง?Maya Jett
Love is Blind : เรารักเค้าหรือรักคนที่เราสร้างขึ้นมาเอง
  •     ใครๆ ก็คงจะเคยตกหลุมรัก แต่เคยนึกสงสัยมั้ยว่าการที่เราชอบใครสักคน เรารู้จักเค้าดีแค่ไหน? และคนที่เราชอบอยู่ ความจริงเค้าเป็นคนที่เราอยากชอบจริงเหรอ?

        ที่จริงก็ไม่เห็นต้องคิดมากอะไร แต่พอได้คิด ก็คิดเข้าไปใหญ่ สืบเนื่องมาจากประสบการณ์ความรักที่น่ารักและน่าตีของตัวเองที่เคยชอบคนๆ นึงอยู่มาก มากแบบว่าไม่เคยรู้สึกกับใครได้เท่านี้ และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แม้ขาดการติดต่อและอยู่ห่างไกลกันเป็นพันๆ ไมล์ จนมาถึงวันนี้เราก็ยังชอบเค้า ยังรู้สึกเหมือนเดิม เหมือนกับวันแรกและแวบแรกที่เห็นหน้าเลยจริงๆ เราคิดเรื่องนี้บ่อยมากและนานมาก พยายามวิเคราะห์ด้วยหลักการอะไรก็ตาม เราก็รู้สึกสงสัยว่า.. ไอ้คนที่เราชอบอยู่น่ะ เราชอบเค้าเพราะอะไร? แล้วชอบเค้าจริงๆ เหรอ? เค้าเคยทำอะไรให้เรามากมายขนาดนั้นเลยเหรอ?

    อืม.. มันก็มีนะ

        อาจจะเป็นเพราะวันนั้นที่เรานัดเจอกัน เธอยิ้มให้เรา เดินเข้ามากอดทักทาย กลิ่นน้ำหอมที่หอมจนจากที่ตกหลุมรักแบบ Love at first sight แล้ว ก็ต้องหลงเข้าไปอีก ทั้งน้ำเสียง แววตา ท่าทางการแสดงออก การดูแล เอาใจใส่ พาไปเลี้ยงข้าว ถามนู่นนี่ให้ ถามทาง อะไรก็ตาม.. นี่ไง สิ่งที่เค้าเคยทำให้เรา แต่ก็ยังไม่หายสงสัยอยู่ดี ในเมื่อคนๆ นี้ เป็นคนที่เราเจอกันแค่ไม่กี่วัน เพียงแค่ไม่กี่วันเราสามารถชอบใครคนนึงได้มากมายขนาดนั้นเลยเหรอ? ใช่ เราเชื่อในอะไรแบบนี้นะ เราว่าคนเราแค่เจอวันเดียว และถูกใจอะไรนิดหน่อย ความชอบมันก็เกิดขึ้นได้แล้ว

    แต่หลังจากนั้นล่ะ? ทำไม...

        หลังจากที่ต้องจากเธอไกลและไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งการเข้าขั้น suffer อย่างหนักที่เราต้องเผชิญ กับการพร่ำเพ้อพูดถึงเธอให้ใครต่อใครฟัง การพยายามติดต่อกับเธอ เขียนจดหมายหา พรรณนาต่างๆ ลงบนเฟสบุคและนู่นนี่นั่น จนเธอก็คงกลัว จากช่วงเวลาที่เราได้ตกหลุมรักใครสักคนมากๆ เราเชื่อว่าตั้งแต่วันนั้นในสมองเราอาจสร้างความคิดขึ้นมาแบบหนึ่ง ที่คล้ายๆ เวลาเล่นเกมแล้วเรา create new character เพียงแต่นี่มันอ้างอิงกับคนจริงๆ ที่เราเคยเจอ แต่คาแร็คเตอร์ตัวเนี้ย สมองเราดันแอบใส่ความชอบส่วนตัวเพื่อเติมแต่งให้คาแร็กเตอร์นี้มันสมบูรณ์มากกว่าความเป็นจริง อาจเป็นเพราะเราไม่ได้รู้จักเค้าพอ อาจเป็นเพราะเพิ่งเคยเจอไม่กี่วัน อาจเป็นเพราะไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่ต่อให้เจอกันได้บ่อยๆ หรือสนิทกันแค่ไหน ไม่ว่ายังไงกับคนที่เราชอบ สมองเราก็อยากจะเติมแต่งให้เค้ากลายเป็นตัวละครที่ “สมบูรณ์แบบ” ที่เรารัก และจะเก็บเค้าไปนานๆ ว่ามั้ยล่ะ? ที่พูดมาทั้งหมดนี้ไม่ได้มีหลักเกณฑ์จากจิตวิทยาหรือวิทยาศาสตร์ใดๆ แม้แต่นิด เพราะไม่ได้มีความรู้ในเชิงลึกสักเท่าไหร่ แต่เราตระหนักได้เพราะประสบการณ์ของตัวเองกับคนๆ นึง..

        เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน มองอะไร เห็นอะไร ทุกอย่างก็มีเธออยู่ในนั้น แต่ก่อนอาจเป็นความรู้สึกพร่ำเพ้อ ชอบคิดว่าเนี่ย ถ้าเธอมานี่คงชอบ ถ้าเธอมากินร้านนี้ด้วยกันคงสนุก แต่ ณ ปัจจุบัน หลังจากผ่านเหตุการณ์ดราม่า (เล็กน้อย) ผ่านโซเชียลมีเดียจนทำให้เราเลิกติดต่อกันไปเกือบสมบูรณ์แล้ว และหลังจากความรู้สึกมากมายที่ต้องฝ่าฟัน ไม่ว่าจะเป็นความเศร้า ความผิดหวัง ความโกรธแค้นเคือง ความริษยา ความอยากตบ (แต่ทำไม่ได้เพราะไกล) และอื่นๆ จนกระทั่งทุกวันนี้ไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไรก็มักจะมีนางมาปรากฏอยู่ทุกที่ และชอบคิดโดยอัตโนมัติว่า... “ถ้าเธอมาเห็นนี่คงชอบแน่ๆ เลยเนอะ” พลางตบด้วยความคิดที่ว่า “อีเหี้ย ช่างแม่งดิ อีควาย” *ขออภัยสำหรับคำหยาบ แต่ใช้เพื่อความสมจริง*

        คนที่เราชอบมากคนนี้ เธอมีความแปลกและไม่เหมือนใครทั้งชีวิตที่เคยเจอมา และไม่รู้ว่าในอนาคตจะเจอที่แปลกและเด็ดกว่านี้มั้ย ไม่อยากการันตีเพราะชีวิตคงเจอคนอีกเยอะ แต่เธอคนนี้ก็ยังเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อความคิดเรา เปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่างและเข้ามาควบคุมสมองเราในหลายๆ ส่วนมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศิลปะ เธออินสไปร์เราเยอะมาก เยอะถึงขนาดว่าเดี๋ยวนี้วาดรูปอะไรออกมาก็จะมีความเป็นเธออยู่ในนั้น จากนั้นเป็นเรื่องวัฒนธรรม ด้วยพื้นเพและอะไรหลายๆ อย่างในตัวเธอ ทำให้เรามีความหมกมุ่นกับการค้นหาความรู้เพิ่มเติมเรื่องวัฒนธรรมต่างประเทศที่ค่อนไปทางแถบบ้านเกิดบ้านเธอ และจากนั้นก็กลายมาเป็นเรื่องสไตล์ ทั้งครอบคลุมมาทางงานศิลปะเรา ทางงานเขียน และอะไรหลายๆ อย่าง ที่ไม่รู้จะอธิบายต่อยังไงดี ที่บอกมานี้มันก็ไม่ได้ทำให้เราสูญเสียตัวตนไปแต่อย่างใด เรายังคงเป็นตัวเรา อย่างที่คิดมาตลอดว่าไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรเราต้องเป็นตัวของตัวเองไว้ เราไม่เคยทำมันหายไปเพราะใคร แต่นังเนี่ย... โคตรมีอิทธิพลต่อเรามาก ไม่ว่าจะกับเรื่องอะไร

        เราเองก็เป็นศิลปินคนนึงที่ทำงานศิลปะออกมา เธอเองก็เป็น เพียงแต่มันคนละสาย และการที่เรายังคงติดตามเธออยู่ในโลกโซเชียล บางครั้งมันทำให้เราหัวเสีย รู้สึกโกรธ รู้สึกแค้น และริษยาเมื่อเห็นเธอมีดีและเจ๋งอะไรหลายๆ อย่าง เพื่อนที่น่ารักของเราหลายคนก็คอยย้ำเตือนเสมอว่า “มึง.. อย่าลืมว่ามึงเป็นใคร และอย่าลืมว่าทุกคนก็มีหน้าที่ที่ต้องทำกันอยู่แล้ว ใครๆ ก็เป็นแบบนางได้ แต่คนที่เป็นมึงมีคนเดียว อย่าไปรู้สึกเฟลเพราะใครคนนึง” เราชื่นชมนางอย่างน่ากลัวเพราะสมองส่วนหนึ่งก็รู้ว่าเราควรเลิกคิดและลืมๆ มันไปได้ละ แต่อีสารเคมีบ้าบอบางอย่างในสมองมันก็ยังคงรักแต่อีเนี่ย ไม่ยักกะลืมซักที เค้าร้ายแค่ไหนไม่ว่ายังไงก็ยังมีอิทธิพลต่อเราอยู่เสมอ (เรื่องสารเคมีในสมอง ไม่มีอ้างอิง แต่อ่านเจอจากในเฟสบุค ลืมชื่อเพจไปแล้ว แต่เค้าพูดเรื่อง ‘ทำไมเราถึงตกหลุมรักคนๆ นี้’) และการที่เราคอยอิจฉานางอยู่เรื่อยๆ นั้นเพราะเราไปคิดเอาซะเองว่านางเลิศ นางเก่งและก้าวหน้าในการงานมากกกกก จนเรารู้สึกว่า “แล้วเรากำลังทำอะไรอยู่วะ?” ไม่อยากจะพูดออกนอกเรื่องมาก แต่ด้วยสาเหตุหลายๆ อย่างที่ทำให้เรายังคงชื่นชมนางก็คงเป็นเพราะเราไปเติมแต่งความคิด ไปเอานางขึ้นหิ้งขึ้นบัลลังก์ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วนางก็เป็นนาง เป็นคนธรรมดาคนนึงที่เราแทบจะไม่รู้จักอะไรเลยด้วยซ้ำ..

        สองวันก่อนเราเจอบทความนึง เค้าขึ้นหัวข้อว่า  ‘เมื่อความทรงจำไม่ใช่ความจริง’  โอย เห็นแค่หัวข้อก็ต้องเข้าไปอ่านอย่างช่วยไม่ได้ละ เพราะช่วงหลังๆ มานี่พบว่าตัวเองยังคงติดอยู่กับความทรงจำ (ดีๆ) บางอย่างที่ทำให้เราไม่สามารถทิ้งอะไรบางอย่างไปได้ ค่อนข้างเจ็บปวดนะ แต่พอนึกกลับไปมันก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ทุกครั้ง บทความที่ว่านี้พูดประมาณว่า ความทรงจำทุกอย่างที่เรามีอยู่น่ะ มันไม่ได้ตรงเสมอไป  ‘รู้มั้ยว่าเราเติมแต่งเรื่องราวใหม่เพิ่มเข้าไปใส่มันทุกครั้งเวลาเราเล่าออกมาให้ใครต่อใครฟัง ไม่ว่าจะครั้งไหนก็ตาม เราแต่งใหม่เพิ่มเข้าไปทุกครั้งนั่นแหละ’  โห... อ่านเจอประโยคนี้ถึงกับอึ้ง และเพิ่งนึกได้ว่ามันจริง เราไม่เคยคิดในแง่นี้มาก่อน และเราก็รู้สึกกลัว ว่าจริงๆ แล้วความทรงจำพีคๆ ที่เราโปรดปราน มันเคยเกิดขึ้นแบบนั้นจริงๆ เหรอวะ? แต่ก็อีกอ่ะ เราไม่ได้บ้านี่หว่า มันเคยเกิดขึ้นจริง เรายังจำเรื่องหลักๆ ของมันได้ แต่รายละเอียดบางอย่างน่ะ เราคงไปเติมแต่งให้มันดูสดใสและไม่ซีดๆ จางไปเหมือนภาพถ่ายล่ะมั้ง จริง โคตรจริง เรามีเรื่องๆ นึงที่มักจะนึกถึงอยู่บ่อยๆ และเล่าให้หลายคนฟัง มันก็เป็นเรื่องราวกับคนๆ นี้ที่เราชอบมากๆ รักมากๆ และยังคงรักอยู่ ทุกวันนี้เวลากลับไปดูรูปที่ถ่ายกันเมื่อปีที่แล้ว รูปเองก็เล่าเรื่องเหล่านั้นย้ำๆ อยู่ในสมองเราตลอด มันก็อดยิ้มไม่ได้ ที่เรารักและติดอยู่กับความทรงจำพวกนี้มาก ก็เพราะว่ามันอาจจะไม่มีอีกแล้ว อาจจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว และอาจจะไม่มีอะไรสนุกเหมือนเดิมหากเราได้เจอกันอีก... โคตรเศร้าอ่ะ มันเศร้าจริง บางครั้งการที่รู้ว่าบางสิ่งจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วมันก็ทำให้เราคิดนะว่า รู้งี้สิ่งที่เคยเกิดขึ้นแม่งไม่น่าเกิดขึ้นมาเลยว่ะ เพราะถ้ามันจะต้องจบลง แล้วจะเกิดขึ้นทำไม? แต่อีกใจนึงมันก็คิดว่าเราควรดีใจกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้น แม้ว่าตอนนี้มันจะหายไปหมดแล้วก็ตาม...

        เราไม่รู้จักเธอเท่าไหร่ แต่จากความทรงจำที่น่ารักที่เราเคยมีกัน เราก็แอบเติมแต่งตัวละครและเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นได้เพื่อทำให้เรายังคงยิ้มเมื่อนึกถึง เรารู้ดีว่าตอนนี้เธอคงไม่ใช่เธอคนเดิม คนที่เคยมาซบ มากอดเราตอนอยู่ที่ผับที่เมืองของเธอคืนนั้น เธอคงไม่ใช่คนเดิมที่อยู่ๆ ก็หันมาเล่นผมเรา และโอบไหล่เราไว้ตอนเดินข้ามถนน เธอคงไม่ใช่คนเดิมที่ให้เราเลือกว่าจะกินอะไรดีมื้อนี้ และบอกให้เราไปนั่งรอที่โต๊ะ และจากนั้นก็เดินมาที่โต๊ะพร้อมอาหารให้เรา ทุกคนย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ทุกวันนี้เรายังรู้สึกว่าเราเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เปลี่ยนไปจากอาทิตย์ก่อน และเดือนก่อนๆ เลย

        คนเราเรียนรู้อะไรเพิ่มทุกวัน ทุกอาทิตย์ ทุกเดือน ทุกปี ถ้าเรากลับไปคราวนี้ หากได้มาเจอกันอีก อะไรๆ ก็คงไม่เหมือนเดิมแล้ว อาจจะดี หรืออาจจะแย่ เราไม่รู้ แต่มันก็คงกลายมาเป็นความทรงจำที่น่ารักของเราอีกเช่นเคย

    เธอคงจะเปลี่ยนไป... แต่ไม่รู้ว่าเธอจะคิดว่าเราเปลี่ยนไปมากมั้ย ในเมื่อเรายังคงรักเธอเหมือนเดิม 
    แต่ใครจะไปรู้ เราไม่ได้เจอกันมาปีนึงแล้ว บางทีครั้งนี้หากเจอกันอีก อะไรๆ มันคงจะเปลี่ยนไปจากเดิม

    และเธอเอง อาจไม่ใช่คนที่เรารักเหมือนเมื่อวาน

    เลิกเวิ่นเว้อดีกว่า ฟังเพลงกันเถอะ..


    ทิ้งท้าย..
    ขอบคุณรูปจาก MJ's WORLD (ก็เพจตัวเองอะ)


    รักเธอ
    ถึงแม้จะรู้จักกันแค่นั้นก็ตาม...

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in