10 ชั่วโมงผ่านไป ลืมตาตื่นขึ้นมาแบบไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่ น่าจะเป็นเพราะหลับไม่ค่อยสนิท รู้สึกตัวกลางดึกเป็นระยะ ๆ ไม่แน่ใจว่าเพราะแปลกที่หรือที่นอนไม่พอดีกับแผ่นหลัง
เริ่มแก่แล้วสินะ...
เราพลิกข้อมือดูนาฬิกา ใช่แล้ว...เราใส่นาฬิกาข้อมือนอน เฮ้ย ยังไม่ 7 โมงเลยอะ ถ้าเป็นที่ไทยก็ยังไม่ 6 โมงเช้าเลยมั้ง แต่จะนอนต่อก็รู้สึกไม่ง่วง อีกทั้งกลัวจะหลับเพลินจนเสียดายเวลา
ปฏิทินบนหน้าจอมือถือโชว์เลข 7 เดือน 2 ซึ่งตามกฎหมายไทยแล้ววันนี้เราจะมีอายุเพิ่มขึ้น
แปลสั้น ๆ ว่าวันนี้เป็นวันเกิดเรานั่นเอง
พอคิดว่าวันนี้เป็นวันเกิดตัวเอง เลยมีความคิดที่ว่าอยากจะทำอะไรที่มันดูพิเศษกว่าวันอื่น ๆ แต่เอาเข้าจริงก็นึกไม่ออก เลยลุกจากเตียงแล้วอาบน้ำแต่งตัวออกไปหาอาหารเช้ากินที่แมคโดนัลด์
อันที่จริงการเที่ยวคนเดียวในวันเกิดนี่จะเรียกว่าเป็นสิ่งที่พิเศษดีไหม
เราใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งในการเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและสิ่งของ เช็คดูพยากรณ์อากาศแล้ววันนี้ยังมีแดดอยู่ เลยเลือกฟิล์มที่คิดว่าน่าจะได้ใช้ เช่นพวก ISO200 เอามาใส่เป้ พอจัดข้าวของจำเป็นเสร็จแล้วก็เดินออกมาที่แมคโดนัลด์ที่อยู่ใกล้ ๆ สถานี Taipei Main ดูจากคูปองอาคารเช้าแล้วเลือกอาหารได้ในราคาไม่เกิน 90 NTD เราเลยเลือกแซนด์วิชไก่ทอดกับกาแฟร้อนมาแก้วนึง รสชาติก็พอใช้ได้ ส่วนกาแฟนั้นตอนนี้เอาให้ตื่นเป็นพอ
Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
ท้องอิ่มแล้ว คาเฟอีนเติมแล้ว คิดว่าพร้อมออกไปผจญภัย(?) เลยมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟ TRA ซึ่งเป็นรถไฟธรรมดา แน่นอนว่าหาไม่ยากเลย เดินตามป้ายไปเดี๋ยวก็เจอ อีกอย่างเรามีประสบการณ์ขึ้นรถไฟธรรมดาของที่นี่แล้วเลยไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร
จุดมุ่งหมายของเราในวันนี้คือเมือง Keelung (เสิชกูเกิลแล้วเขาอ่านว่าจีหลง) สาเหตุที่อยากไปเมืองนี้เพราะเคยเห็นรูปของชาวไต้หวันคนนึงใน instagram เป็นภาพวิวผืนทะเลสีน้ำเงินเข้มกับโขดหินอ่อน ๆ มองดูแล้วไม่ได้มีหินประหลาด ๆ แบบเย่หลิว แต่ดูเรียบ ๆ เราว่ามันสวยดี เลยบันทึกเอาไว้ในหัวว่าถ้าได้มาไต้หวันอีกจะต้องไปที่นี่ และนอกจากนั้นเราก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเมือง Keelung เลย
อันที่จริงเราใช้ Easy Pass ผ่านประตูเข้าไปได้เลย แต่อยากลองกดซื้อตั๋วจากตู้ดูบ้าง หน้าตาดู Analog เล็กน้อย ขั้นตอนก็ง่ายมาก กดเลือกจำนวนตั๋ว ประเภทตั๋ว (ธรรมดาหรือด่วน) เลือกจุดหมายปลายทาง ไม่ยากเลยสักนิด ซึ่งจะว่าไปมันก็ขั้นตอนมาตรฐานทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ
ซื้อเสร็จก็ได้ตั๋วกระดาษหน้าตาแบบนี้มาแล้วก็เข้าไปที่ชานชาลาได้เลย
iphone 6s
ก่อนขึ้นจะไปรอรถไฟ เราแวะซื้อลูกอมสมุนไพรอันนี้มาเพราะแพคเกจมันที่เห็นตั้งแต่วันแรก หน้าตาประหลาดดี ไก่ใส่สูทเพราะส่งเสียงขั้น Good Good Good คือแพคเกจชนะเลิศไปเลย ชอบมาก แต่รสชาติน่ะเหรอ.... มันก็คือสมุนไพร ให้ความรู้สึกเหมือนกินลูกอมตะขาบในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นนิดนึง
iphone 6s
เรารอรถไฟไม่นานเท่าไหร่ เดินไปเดินมาบนชานชาลาแล้วมานั่งไม่ถึง 2 นาทีรถไฟก็มาแล้ว มาถึงก่อนเวลาด้วยล่ะ เรามองเข้าไปในขบวน กวาดสายตามองรอบเดียวก็เห็นที่นั่งว่างเยอะแยะ แค่คิดว่าจะนั่งตรงไหนดี แต่ดูแล้วยังไม่มีที่นั่งที่ถูกใจเท่าไหร่เลยเลือกตัวว่าง ๆ สักตัว
Nikon FE + Fuji Color 400 Japan
Nikon FE + Fuji Color 400 Japan
รถไฟขบวนที่เราขึ้นเป็น Local Train ราคาแค่ 41 NTD ถูกกว่านั่ง MRT จากรัชดาภิเษกไปหัวลำโพงอีก (หรือคูณออกมาแล้วคงพอๆกัน) ซึ่งจะไป Keelung มันมีขบวนที่เป็น Express ด้วย ราคาประมาณ 70 กว่า ๆ NTD แต่เราดูเวลาแล้วต้องรออีกนาน นั่ง Local ไปก็ได้ เพราะคิดว่าการใช้เวลารอ Express อาจจะนานกว่านั่ง Local ตั้งแต่ตอนนี้
พอเงยหน้าขึ้นมองฝั่งตรงข้าม เห็นป้ายรณรงค์ไม่ให้เล่นโทรศัพท์มือถือขณะเดินเลยยกกล้องขึ้นมาถ่าย คุณป้าแกก็มองตามประมาณว่า มันถ่ายอะไรของมัน
Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
นั่งรถไฟไปได้สักพักพอเริ่มออกนอกตัวเมืองไทเป รถไฟก็ขึ้นมาวิ่งบนพื้นหลังจากที่มุดดินอยู่สักพัก เราขยับไปนั่งช่วงกลางขบวนเพื่อจะได้หันไปถ่ายรูปนอกหน้าต่างได้ แต่พอคิดอีกทีแล้วลองหยุดถ่ายรูปแล้วมองด้วยตาบ้างก็ดี (อันที่จริงมันสั่นเลยไม่อยากถ่ายให้เปลืองฟิล์ม) ทิวทัศน์รอบตัวก็ค่อย ๆ เปลี่ยนจากตึกรามบ้านช่องเป็นต้นไม้สีเขียวไม่ต่างจากเวลาที่เรานั่งรถไฟออกนอกเมืองหลวงแห่งอื่นเท่าไร
ด้วยความสงสัยเลยลองกดดูกูเกิลแมพอีกครั้งว่ารถไฟจะใช้เวลานานแค่ไหน ดู ๆ แล้วอีกประมาณครึ่งชั่วโมงเศษ เหมือนจะนาน แต่ก็ไม่นานเท่าไหร่ เพราะคิดว่าเวลาเราขับรถไปทำงานยังใช้เวลานานกว่านี้
Nikon FE + Fuji Color 400 Japan
แต่ก็ไม่นานจริง ๆ นั่นแหละ เพราะรถไฟเริ่มชะลอความเร็วและประกาศชื่อสถานีแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in