เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
fragmentsgiftmeme
เบียร์
  • "ฝากแช่เบียร์หน่อยสิ ที่ห้องไม่มีตู้เย็น"

    คำไหว้วานเหมือนประโยคแจ้งให้ทราบมาพร้อมเบียร์หนึ่งแพ็คจำนวนหกกระป๋อง ยังสัมผัสได้ถึงความเย็นและชื้นผ่านผิวพลาสติกบาง ๆ แต่คาดว่าเท่านั้นคงไม่ถึงใจอย่างที่เจ้าตัวต้องการ เขาเอ่ยคำว่า "ขอบใจนะ" อย่างลวก ๆ ก่อนจะขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็วเหมือนลมพัดฉิว คงมีใครสักคนบอกเขาว่าผมเพิ่งซื้อตู้เย็นมาใหม่ ไม่ใช่ตู้ขนาดกะทะรัดเหมือนของโมเทลถูก ๆ แต่เป็นตู้เย็นจริง ๆ ขนาดเท่าตัวคนที่ใช้ในบ้าน แม้จะดูฟุ่มเฟือยสำหรับห้องในหอพักแสนคับแคบ แต่อย่างไรก็ไม่มากเกินไปสำหรับคนขี้เกียจขยับไปไหนอย่างผม โชคดีที่ไม่มีเพื่อนร่วมห้อง ผมจึงไม่รู้สึกอึดอัดเมื่อมีตู้เย็นสีเงินมาจับจองพื้นที่ด้วย 

    ผมไม่รู้ว่าเขาอยากให้เบียร์เหล่านั้นเย็นถึงระดับไหน จึงแยกแช่ไว้ตามช่องต่าง ๆ อย่างละสองกระป๋อง ตั้งแต่ชั้นวางตรงประตูตู้ ช่องแช่ธรรมดา ไปจนถึงช่องแช่แข็ง ไว้เขาลงมาเอาเมื่อไหร่ค่อยให้เลือกตามใจชอบ ครั้งแรกที่เขาพบว่าผมทำแบบนี้ เขาถึงกับเกาหัวแกรกเหมือนเด็กที่ตัดสินใจไม่ถูกอยู่หน้าตู้เครื่องดื่มหยอดเหรียญ "บริการดีกว่าร้านสะดวกซื้ออีก" เขาพูดอย่างทึ่ง ๆ ก่อนจะเลือกเบียร์กระป๋องที่อยู่ชั้นบนสุดอย่างที่ผมคาดไว้ ป่านนี้ของเหลวภายในคงเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็งเกือบหมด ผมค่อนข้างภูมิใจกับประสิทธิภาพของตู้เย็นมากทีเดียว 

    "เอาด้วยไหม" เขาชี้ไปยังเบียร์กระป๋องอื่น ๆ ในนั้น ดูพิลึกดีทีเดียวเมื่อคิดว่าตู้เย็นนี้เป็นทรัพย์สินของผมและตั้งอยู่ในห้องผมแท้ ๆ แต่เขาก็ยังเชื้อเชิญผมได้อย่างเป็นธรรมชาติยิ่งกว่าเจ้าของห้องตัวจริงซึ่งรู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางเสมอ แค่คิดว่าต้องจัดวางตัวเองให้เขากับทุกพื้นที่ใหญ่น้อยที่ไปเยือนก็เป็นเรื่องน่าเหนื่อยหน่ายเหลือใจ เพราะอย่างนั้นผมจึงไม่คิดออกไปไหนและกักตุนอาหารรวมถึงสิ่งจำเป็นต่าง ๆ เอาไว้ในห้องและตู้เย็นหนึ่งตู้ เยี่ยงสัตว์ป่าในโพรงที่มีอาณาเขตอยู่ระหว่างหอพัก ร้านสะดวกซื้อฝั่งตรงข้าม และมหาวิทยาลัยใกล้ ๆ กันนั้น

    "ไม่ชอบกินยี่ห้อนี้" ผมตอบเขา ไม่รู้จะทำอย่างไร

    จากประสบการณ์ของผม เขาน่าจะยักไหล่ พูดว่า "ขอบใจ" แล้วจากไปเหมือนลมพัดฉิวอีกครั้ง แต่เปล่าเลย เขาถามว่าขอนั่งดื่มที่นี่ได้ไหม พอผมถามว่าทำไม เขาก็ตอบว่าดื่มคนเดียวมันเหงา ผมไม่เข้าใจแนวคิดนั้นเลย เมื่อเห็นผมขมวดคิ้วไม่พูดไม่จา เขาก็ขอโทษที่ทำให้อึดอัดแล้วจากไป

    ผมคิดว่าดีไม่ดีเขาอาจไม่กลับมาแล้ว มันเป็นอย่างนั้นเสมอ เบียร์ที่เหลืออยู่อีกห้ากระป๋องอาจถูกทอดทิ้งและตู้เย็นของผมกลายเป็นถังขยะ แต่ระหว่างที่เขาหายหน้าไป ปรากฏว่ามีเพื่อนร่วมหอพักแวะมาทักทายผมไม่ขาด จุดประสงค์คือฝากอาหารนานาชนิดมาแช่เย็น ตั้งแต่ไอศกรีม ขนมเค้ก อาหารแห้งและเครื่องเคียงที่ที่บ้านส่งมาให้ ไปจนถึงเนื้อสัตว์และผักสดต่าง ๆ ทุกครั้งที่บอกว่า "รบกวนหน่อยนะ" พวกเขาจะเสริมว่า "ซื้อมาเผื่อนายด้วยล่ะ เอาไปกินได้เลย" หรือไม่ก็ "เราจะทำชาบูกินกันบนดาดฟ้าวันศุกร์นี้ นายก็มาด้วยล่ะ" ราวกับว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผมซื้อมาเพื่อหลีกหนีจากโลกภายนอกจะนำโลกภายนอกมาหาผมถึงหน้าประตู ยิ่งไปกว่านั้นคือผมกลับไม่ได้รำคาญใจอะไรนัก แต่อาจเป็นเพราะไม่เคยได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ มากมายในเวลาไล่เลี่ยกันจนสมองประมวลผลไม่ทันก็เป็นได้

    แม้พวกเขาจะมาหาเพราะต้องการตู้เย็นในห้องของผมมากกว่าตัวผม ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ทุกคนแค่มาหยิบของที่ฝากเอาไว้และจากไปพร้อมคำขอบคุณ มีหลายครั้งที่ผู้มาเยือนพยายามเริ่มบทสนทนาสัพเพเหระ แต่ผมมักลงเอยด้วยการทำให้เขาจนใจจนล่าถอยไปเอง เหมือนว่าพวกเขาก็เข้าใจดีว่าผมเป็นแบบนั้นและไม่ได้กดดันให้เป็นอย่างอื่น พวกเราจึงอยู่ร่วมกันได้อย่างราบรื่นดี บรรดาวัตถุดิบและอาหารต่าง ๆ ยังคงหมุนเวียนเข้าออกไม่ขาดสายราวกับผมเป็นเจ้าของร้านชำไปเสียแล้ว นอกจากจะค้นพบความสงบจากการจัดเรียงของในตู้เย็นให้เป็นระเบียบอยู่เสมอ นานวันเข้าผมยังเริ่มจับคู่ผู้ฝากกับสิ่งของได้อีกด้วย เวลาเป็นฝ่ายหยิบของได้อย่างถูกต้องก่อนที่อีกคนจะเอ่ยปาก ผมจะรู้สึกได้ถึงความภาคภูมิใจของพนักงานรับฝากของความจำเลิศ

    ถ้าจะมีเรื่องที่ทำให้เกียรติประวัติหม่นหมองอยู่บ้างก็คงเป็นเบียร์ห้ากระป๋องนั้น ผมยังไม่ได้เคลื่อนย้ายมันไปจากที่อยู่เดิม หลังจากเขาลงมาเอาเบียร์กระป๋องแรกตอนต้นเทอม เราก็ไม่ได้พบกันอีกเลยแม้แต่จะเดินสวนกันตรงบันได ที่มหาวิทยาลัยเองก็ไร้เงาผู้ชายตัวสูงที่ไม่ว่าเห็นที่ไหนก็ต้องจำได้ อย่างกับว่าบทบาทของเขาคือโผล่มาทิ้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้ให้ผมแล้วหายวับไป แน่นอนว่าเหมือน ลมพัดฉิว แถมยังมิวายเป็นเบียร์ที่ผมไม่ชอบอีกต่างหาก

    ผมรู้สึกไม่สบายใจอย่างไม่สมเหตุสมผลจนคิดว่าควรขึ้นไปเคาะประตูไล่ถามทีละห้องดีหรือไม่ ในเมื่อปิดเทอมหน้าร้อนกำลังใกล้เข้ามาแล้ว แม้ว่าเบียร์ของเขาจะเป็นสิ่งที่เก็บไว้ได้โดยไม่เน่าเสีย แต่ผมก็ไถ่ถามทุกคนที่เอาของมาฝากไว้อย่างเท่าเทียมเพราะกลัวว่าพอพวกเขากลับบ้านแล้วจะลืมโดยสิ้นเชิงว่าทิ้งอะไรไว้ อีกอย่าง ผมต้องการที่ทางให้เสบียงชุดใหญ่ของตัวเองระหว่างช่วงปิดเทอมตามประสาคนไม่กลับบ้านและเกลียดการอยู่กลางแดดแผดเผา 

    ขณะที่กำลังคิดไม่ตกอยู่นั่นเอง เขาก็เป็นฝ่ายโผล่มาหน้าห้องของผม ชูถุงพลาสติกที่มีกระป๋องและขวดเบียร์แทบทุกยี่ห้อที่หาได้ให้ดูเต็มตา เมื่อเห็นคนฉีกยิ้มแป้นแบบนั้นให้ ผมทำตัวไม่ถูก

    "ไม่มีที่ให้แช่แล้ว" ผมพูด ปริมาณมันไม่ใช่น้อย ๆ อยู่

    เขาพ่นลมขำดังพรืด 

    "ไม่รู้ว่าดื่มยี่ห้อไหนก็เลยซื้อมาให้หมด เลือกเอาสิ"




    /



    "สดชื่นจัง"

    ผมเหลือบมองชายหนุ่มข้าง ๆ ที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะแสดงความมีชีวิตชีวาออกมาเป็นครั้งแรก สายลมแรงจากตำแหน่งดาดฟ้าพัดผมเผ้าของเรากระเจิงและทำให้ต้องหยีตาอยู่บ้าง แต่อากาศและวิวพระอาทิตย์ใกล้ตกเหมาะเจาะกับกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้เอาเรื่อง หมายถึงตัวผมเองกับเบียร์เย็นจัดในมือหรอกนะ ไม่ใช่คนที่ผมเกลี้ยกล่อมให้ออกจากห้องและกำลังดื่มน้ำผลไม้แบบกล่องอยู่ในตอนนี้

    "เลือกไม่ได้หรอก" เมื่อกี้เขาว่าไว้แบบนี้ ผมแทบทำถุงพลาสติกในมือร่วง 
    "ทำไมกัน" ผมถาม
    "คือว่า ผมดื่มเบียร์แบบไม่มีแอลกอฮอล์" 

    ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นเป็นมุกเอาไว้ตัดรำคาญหรือเปล่า แต่เขาไม่ได้แสดงท่าทีบ่งบอกไปในทางนั้น อันที่จริงเขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเลยด้วยซ้ำ เหมือนวันที่ผมขออนุญาตนั่งดื่มในห้องของเขาและได้รับความเงียบงันตอบกลับมา ตอนแรกผมคิดว่าคงไปล่วงล้ำอะไรเข้าให้แล้ว เหมือนสัตว์ใหญ่เผลอไปเหยียบถิ่นสัตว์สันโดษตัวเล็กที่ทำอะไรไม่ถูกจนได้แต่นิ่งจังงังไปอย่างนั้น ผมจึงรีบถอยไปก่อนเขาจะตั้งตัวทันและหมายหัวว่าผมเป็นศัตรู นั่นย่อมเป็นอุปสรรคในการทำงานของผมอย่างแน่นอน

    ระหว่างที่ยืนคิดหาแผนสำรองใหม่อยู่ตรงนั้น เจ้าหนุ่มผอมแห้งคนหนึ่งก็เดินขึ้นบันไดมาพอดี "ลูกพี่ ไม่คุ้นหน้าเลย เพิ่งย้ายมาใหม่เหรอ" เขาทักเสียงดังลั่น บนโลกก็มีคนประเภทนี้อยู่เหมือนกัน ประเภทตรงกันข้ามกับคนที่ผมเพิ่งพบมาคนละขั้ว ผมตอบไปว่า เปล่า เพื่อไม่ให้เขาถามซอกแซกหรือมาผูกมิตรด้วย (คนอื่นที่ไม่ใช่เป้าหมาย ผมไม่สนใจหรอก) แต่ก็ยังเสริมว่า มาเอาเบียร์ที่ฝากหมอนั่นแช่เย็นไว้ เพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นคนน่าสงสัยในหอพักนักศึกษาด้วย ใครจะไปรู้ว่านั่นทำให้เขาสนอกสนใจผมยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ถึงได้เอาแต่ถามว่าผมเป็นใคร ผมรู้จักผู้ชายห้อง 201 มานานแล้วหรือยัง หมอนั่นซื้อตู้เย็นมาใหม่แล้วจริงหรือ ได้ข่าวว่าเขาถูกล็อตเตอรี่ที่บังเอิญเจอในกระเป๋าตอนซักผ้า แสดงว่าเขาเอาไปซื้อตู้เย็นใช่ไหม บลา บลา บลา ในเมื่อผมพูดไปตามความจริงไม่ได้ เลยตอบว่า ใช่ คงอย่างนั้น ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายเลิกล้มไปเอง พอหาจังหวะปลีกตัวออกมาได้ ผมได้ยินชายคนนั้นพูดกับตัวเองว่า "หมอนั่นก็มีน้ำใจนะเนี่ย ทีนี้ก็ซื้อไอติมควอทใหญ่มาไว้ได้แล้วสิ" 

    ผมไม่รู้หรอกว่าข่าวจะแพร่ไปได้เร็วขนาดนั้น ไม่รู้จะทึ่งกับเรื่องนี้หรือความหน้าไม่อายของมนุษย์ดี แม้ว่าผมจะใช้วิธีเดียวกันก็เถอะ ต้องขอบคุณผู้ชายผอมกะหร่องคนนั้น ห้องพักของเป้าหมายถึงมีคนมากหน้าหลายตาแวะเวียนมาเป็นประจำทั้งเช้าเย็น อาจเป็นเพราะเขาเรียนอยู่ปีสุดท้ายและพักที่นี่มาหลายปี ทุกคนในหอพักจึงพอรู้จักเขาอยู่บ้าง เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมคณะที่มหาวิทยาลัยอีกสองสามคน แต่ผมค่อนข้างแน่ใจว่าไม่มีใครในนี้เป็นเพื่อนเขาหรอก เพราะว่าเขาไม่มีเพื่อนน่ะสิ — แค่ "เพื่อนเฉย ๆ" ที่ไม่มีอย่างอื่นต่อท้ายน่ะ ตอนแรกผมนึกว่าต้องอาสาไปเป็นเองเสียแล้ว (แถมเหมือนจะหมดโอกาสไปแล้วด้วย) แต่เห็นมีคนพยายามแทนแล้วก็โล่งใจ ทั้งการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเอย ซื้อของมาเผื่อเป็นค่าฝากเอย แม้นั่นจะไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องไปทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ยังทำให้ผมไม่สูญสิ้นศรัทธากับมนุษย์ จากนี้ที่ผมต้องทำคือเฝ้าระวังว่ามีใครล้ำเส้นจนทำให้เป้าหมายไม่สบอารมณ์หรือเปล่า ไม่อย่างนั้นที่ผมทำมาทั้งหมดตั้งแต่แอบหย่อนล็อตเตอรี่ ลดราคาตู้เย็นเป็นพิเศษ ตลอดจนฝากเบียร์มาแช่คงล้มเหลวหมด

    วันแล้ววันเล่าผ่านไป ผมได้เห็นเขาพูดโต้ตอบยาวขึ้นทีละนิด ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้หรือไม่ แต่ผมเพิ่งพบว่ารอยยิ้มเขิน ๆ หลังจากส่งมอบของที่ฝากไว้สำเร็จนั้นน่ารักดี รวมถึงท่าทางตื่นตกใจเล็ก ๆ เวลามีคนทักทายเวลาเดินสวนกัน ก่อนหน้านี้พวกเขามักเดินผ่านกันไปเหมือนต่างฝ่ายต่างเป็นอากาศธาตุ แต่หมู่นี้เขาเหมือนกระต่ายป่าที่หลงอยู่กลางตึกคอนกรีต กำลังชั่งใจว่าจะรีบกลับไปซุกตัวในโพรงหรือดมมือมนุษย์ฟุดฟิดดี พอผมเห็นว่าเขาหนักอกหนักใจกับเบียร์ที่ผมทิ้งไว้ ใจผมก็อดรนทนไม่ไหวอีกแล้ว แบบนี้ต้องเซอร์ไพรส์กันสักหน่อย คาดไม่ถึงเลยว่าจะโดนเซอร์ไพรส์กลับแทน

    "นี่" จู่ ๆ เขาก็หันมาทัก สีหน้าเหมือนถูกลมตีหน้าจนชาไปหมด ตลกชะมัด
    "หือ"
    "คุณเป็นใครเหรอ"

    วิธีที่เขาถามเหมือนกับว่ารู้คำตอบอยู่แล้วอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่เห็นความจำเป็นให้ต้องโกหกอีก

    "ฉันคือเทวดาประจำตัวนาย" 

    เทวดาประจำตัวจะถูกตามตัวกลับมาได้ไม่กี่กรณี หนึ่งในนั้นเป็นเพราะเมื่อเดือนก่อน เขาดันเกาะระเบียงของดาดฟ้าที่เราสองคนกำลังนั่งดูจุดสิ้นสุดของวันกันอยู่นี้และพึมพำว่า "ถ้าเกิดตกลงไปล่ะก็ —" ใครจะไปรู้ เขาอาจจะรำพึงสมมติฐานทางฟิสิกส์อยู่ก็ได้ แต่แค่เสี้ยวหนึ่งที่มนุษย์คิดถึงความตาย พวกผมจะถูกส่งมางัดข้อกับยมทูต (ที่จริง ๆ แล้วน่าจะขอบคุณเรามากกว่าที่ทำให้งานพวกเขาน้อยลง) ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีหรืออภินิหารใดก็ตาม แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเลือกทางที่โจ่งแจ้งน้อยหน่อย หลังสำรวจพฤติกรรมของเขามาได้สักพัก สวรรค์จึงประทานล็อตเตอรี่และตู้เย็นให้ ส่วนตัวผมนั้นก็ผยองว่าจะมาเป็นเพื่อนเขาได้นั่นเอง  

    "ดีจัง" เขาพูดแค่นั้นแล้วดูดน้ำผลไม้เสียงดัง

    สีสันของท้องฟ้าตอนนี้เหมือนกลุ่มสีน้ำที่ซึมลึกบนกระดาษและกระจายปนกัน ส้ม ชมพู ม่วง ฟ้า แสงเหล่านั้นตกกระทบตัวของเราทั้งคู่ แน่นอนว่าผมไม่เห็นตัวเองในร่างมนุษย์หรอก จะเห็นก็แต่เขาที่จ้องไปข้างหน้าและปล่อยให้ดวงอาทิตย์อาบย้อมร่างเหมือนมีใครเอาแผ่นฟิลเตอร์มากรองกั้น ในหัวของเขาตอนนี้ไม่มีความฉงนว่า "หากตกลงไปจากชั้นห้าจะเสียชีวิตได้หรือไม่" หลงเหลืออยู่อีกแล้ว


    ท้องฟ้าสวยจัง ผมได้ยินเสียงในหัวของเขาชัดเจน





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
dddd (@fb1479139878828)
วันนี้น้ำผลไม้อร่อยจังเลยนะคะ
nichAx (@nicha1313_)
คูมเทวดา แง ;-;
Vilanda N. (@fb6193465186347)
มู้ดดีมากเลยคุณ
smile515903 (@smile515903)
เอ็นดูน้องเป็นกระต่าย ;-; ชอบมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ
zone1978 (@zone1978)
อบอุ่นละมุนจังค่ะ อ่านไปอมยิ้มไป ชอบคำว่าท้องฟ้าสวยจัง ฮืออ ดีใจที่เขามาเจอกันเลยค่ะ/แอบอยากมีเทวดาประจำตัวบ้าง><