มันมาอีกแล้ว หอบร่างสูง 185 เซนติเมตรที่บรรจุจิตวิญญาณขนาดสิบยกกำลังลบสามเท่าของกายหยาบมาเถลือกไถลบนเคาน์เตอร์บาร์ของผม ไม่มีความเกรงใจต่อสุภาพสตรีที่นั่งไขว่ห้างอยู่ข้าง ๆ ก่อนหน้านั้นสักนิด สภาพมันเหมือนหมาในวันฝนตก ถึงจะพรมน้ำหอมทอม ฟอร์ดที่ผมเคยซื้อให้มาเป็นอย่างดี ผมก็ยังได้กลิ่นความสิ้นหวังโชยมาเตะจมูกเหมือนผ้าที่ลืมไว้ก้นตะกร้า เห็นทีไรเป็นต้องรำพึงว่า นี่สินะ ชะตากรรมของนักเขียนมือสมัครเล่นไร้ชื่อ (มันไม่ได้ใช้ชื่อจริงเป็นนามปากกา ไม่เคยเลย)
ในเมื่อมันเป็นเสียอย่างนี้ หลังเคาน์เตอร์ของผมถึงได้มีเครื่องปั่นอย่างกับเป็นคาเฟ่ดาด ๆ และในตู้เย็นถึงมีนมเปรี้ยวขวดใหญ่กับขนมเจลลีไร้สารอาหารถุงเบ้อเริ่มติดไว้เสมอ เผื่อว่าวันไหนนักเขียนหน้าโง่จะซมซานเข้ามาเพราะเกิดผิดหวังกับตัวเองอย่างแรงกล้า (น่าเศร้า, ก็คือแทบทุกวัน) ทุกครั้งที่มันทะเล่อทะล่าเข้ามาสั่ง ลูกค้าที่เผอิญได้ยินจะทำท่าสนใจอย่างเนียน ๆ พวกเขาคงอยากรู้ว่ามันกวนตีนผมใช่หรือไม่ และผมจะบ้าจี้ทำเมนูนอกรีตให้มันหรือเปล่า เมื่อได้เห็นว่าผมลงมือทำจริง บางคนก็จ้องจนตาแทบถลน ส่วนบางคนซ่อนรอยยิ้มอยู่หลังแก้วค็อกเทล มีบ้างเหมือนกันที่อยากรู้อยากลอง แต่ผมต้องขอโทษที่ไอ้ยาคูลท์ปีโป้ปั่นมีไว้ให้มันแค่คนเดียวนั่นแหละ
ผมไม่ค่อยแน่ใจว่ากลไกอะไรในเครื่องดื่มพรรค์นี้ช่วยปลอบประโลมใจมันได้ เป็นเพราะน้ำตาลตกช่วงบ่ายงั้นหรือ หรือว่าเพราะท้องผูกจนเครียดกันแน่ ปกติผมจะฟังมันตัดพ้อจนพอใจด้วยทักษะสนใจแต่ก็ไม่สนใจของบาร์เทนเดอร์ พอมันดื่มหมดแก้วและเหนื่อยไปเองก็จะเดินขึ้นไปจำศีลที่ชั้นสอง เพราะผนังด้านบนเป็นแบบกันเสียง ผมเลยไม่รู้ว่ามันจะกลับไปรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์หลังพรั่งพรูความสมเพชเวทนาต่อตัวเองออกมาจนหมดสิ้นแล้วหรือเปล่า หรือว่าจะล้มตัวลงนอนเยี่ยงคนหมดอาลัยตายอยากไปในทันที เพราะพอเลิกงานแล้วตามขึ้นไปทีไร ผมมักเจอมันห่อตัวอยู่ในผ้าห่มเหมือนขนมครีมฮอร์นชิ้นยักษ์บนฟูกทุกที รู้ดีว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็ตื่นมานั่งหน้าคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ไก่โห่เพื่อรอเวลาระเบิด
“กูไม่ใช่คนตลกเลย ทำไงดี” มันโอดครวญ บ่นว่าเขียนเรื่องใหม่ยังไงก็ไม่ตลก พอผมถามว่าจำเป็นต้องตลกด้วยหรือ มันก็ยิ่งกระฟัดกระเฟียดเข้าไปใหญ่ อ่านท่าทีแล้วพออนุมานได้ว่ามันคงไปเจอเรื่องที่เขียนได้ตลกจนท้องคัดท้องแข็งมา ถึงได้เศร้าโศกปนอิจฉาริษยาจนต้องการยาคูลท์ปีโป้ปั่นเอาตอนห้าทุ่มเช่นนี้ ขั้นตอนการรำพึงรำพันของมันแทบไม่ต่างกับการรับมือความสูญเสียในห้าขั้น เพียงแต่จบลงอย่างรวดเร็วในชั่วน้ำแข็งหนึ่งแก้วละลาย ผมไม่แน่ใจว่ามันเคยไปถึงขั้นตอนของการยอมรับจริง ๆ หรือไม่ เพราะดูเหมือนมันอ้อยยิ่งที่ความโกรธและหดหู่นานเป็นพิเศษ
“ใคร ๆ ก็ชอบอ่านงานตลก” มันว่า “ถ้าตลกนำไว้ก่อนแล้วมีสาระด้วยก็ยิ่งชอบ แต่ถ้ามีสาระมากกว่าตลกมาก ๆ เข้า อัตราส่วนมันจะไม่ได้ เหมือนใส่ปีโป้กับยาคูลท์ไม่สมดุลกัน มันก็กินได้แหละ แต่ไม่อยากกินอีก” ผมไม่รู้ว่ามันพูดเปรียบเปรยเฉย ๆ หรือวันนี้ผมผสมได้ไม่เข้าท่าจริง ๆ ทั้งที่อุตส่าห์ใส่เจลลีสีแดงกับม่วงที่มันชอบให้เป็นพิเศษ แต่ก็อย่างว่า ผมเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ทำทุกอย่างตามตำราเพราะว่าตัวเองคออ่อนเกินกว่าจะกินเหล้าได้บ่อย นักเขียนเก๊กับบาร์เทนเดอร์เก๊ เราสองคนใต้ชายคาเดียวกันก็เป็นอย่างนั้นแหละ ผมอ่านงานที่เขาพิมพ์ออกมาจากพรินเตอร์มือสอง ส่วนมันก็ชิมค็อกเทลที่ผมคิดค้นด้วยการผสมมั่ว ๆ โดยอ้างอิงเอาจากคุณสมบัติวัตถุดิบแต่ละอย่างที่จำได้
“สมองคนที่คิดอะไรตลก ๆ ได้นี่เป็นยังไงกันวะ” มันเพ้อต่อ “ต้องมีประสบการณ์อะไรมาก่อน หรือมีระดับฮอร์โมนอะไรต่างจากเราหรือเปล่า บางคนที่ด้นสดหรือคิดมุกเฉพาะหน้าขึ้นมาได้นี่ฉลาดเป็นบ้าเลย” หลังจากดูดน้ำไปอึกใหญ่ มันก็ทำท่าเย็นจี๊ดขึ้นสมอง โคตรโง่เลย “นี่เป็นสิ่งที่กูไม่มีทางทำได้ ต่อให้ไปเรียนรู้และวิเคราะมุกตลกมา มันก็ไม่น่าทำให้กูเป็นคนตลกได้แน่ ๆ แล้วคนอย่างกูน่ะ ถ้าไม่ตลกก็เขียนเรื่องตลกไม่ได้หรอก”
ฟังแล้วปวดหัวเป็นบ้า คุณผู้หญิงที่นั่งอยู่แต่แรกวางเงินไว้บนเคาน์เตอร์แล้วจากไปโดยไม่รอเงินทอน คงเหลืออดกับมลภาวะทางเสียงและสติปัญญาของมันเต็มที ผมอยากบอกมันเหลือเกินว่า ไม่เลย ตัวมันเองนี่แหละที่เป็นเรื่องตลกที่เล่าไม่มีวันจบอยู่แล้ว แต่ก็กลัวมันจะร้องไห้ เกรงว่าใครมาเห็นเข้าจะสงสัยว่าเหล้ากับนมเปรี้ยวเป็นอย่างเดียวกัน ไม่งั้นก็อาจจะงงว่าคนเราเมาโดยไร้แอลกอฮอล์ในเลือดได้อย่างไร ให้ตายเถอะ มันยังไม่ตอบผมด้วยซ้ำว่าจำเป็นต้องตลกด้วยหรือ คำถามสำคัญกว่านั้นก็คือ จำเป็นต้องตลกให้คนมาชอบด้วยหรือไง ผมว่ามันเป็นคนตลกจะตายตอนสั่งยาคูลท์ปีโป้ปั่นในบาร์แบบหน้าด้าน ๆ ไหนจะตอนโผล่แต่หัวออกมานอกผ้าห่มก็ขำดีจะตาย อีกทั้งคำพูดคำจาที่โพล่งขึ้นมาเวลาเตรียมอาหารเช้าด้วยกันก็ยังทำผมหัวเราะได้อยู่ กับอีแค่สมองสั่งการปลายนิ้วให้เรียบเรียงคำเพื่อทำให้คนอื่นขำไม่ได้ มันเป็นเรื่องน่าละอายแค่ไหนกันเชียว
“ไปนอนดีกว่า” มันลุกขึ้นอย่างหงอย ๆ หลังจากดูดอึกสุดท้ายเสียงดัง โดยไม่ให้เกียรติเสียงของเอลล่า ฟิตซ์เจอรัลด์จากแผ่นแอลพีของผมแม้แต่น้อย มันจะรู้ไหมว่าท่าทางเหมือนวิญญาณในปรโลกของมันก็ตลกเหมือนกัน แค่เพราะภาพที่ผมเห็นนั้นบรรยายออกมาเป็นมุกขำขันไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่ามันสร้างความบันเทิงไม่เป็นสักหน่อย อารมณ์ขันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนเขียนแต่เพียงฝ่ายเดียว มันคือความเข้ากันทั้งรสนิยม ค่านิยมศีลธรรม และจิตวิญญาณ ทุกครั้งที่เราทำตัวตลก เราคาดหวังว่าคนที่หัวเราะคือบุคคลที่ฟ้าดินกำหนดมาให้พบเจอ ผมไม่ต้องเป็นนักเขียนยังรู้เลย
“กูชอบตอนมึงเขียนเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตามากกว่า” ผมตะโกนไล่หลัง คิดว่าน่าจะเป็นการให้กำลังใจ มันชะงักก่อนจะค่อย ๆ หันมาหา ยกมือเกาหัวแกรกด้วยสีหน้าเด๋อด๋าที่เห็นแล้วทำให้หัวใจคันยุบยิบทุกที
“ก็เขียนอยู่” มันตอบ “แต่มันถึงตอนที่จำเป็นต้องตลกน่ะสิ”
“แต่เพราะมันไม่ตลกไง” ผมย้อน “ถึงได้กลายเป็นเรื่องโคตรเศร้า ไม่ดีเหรอวะ”
มันทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาและยังหัวเราะต่อไปตลอดทางขึ้นบันได มุมปากของผมน่าจะยกขึ้นนิดหนึ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าสรุปแล้วเมื่อกี้นี้ถือเป็นเรื่องตลกได้หรือไม่ แต่ผมว่าน่าจะใช่ เพราะอย่างน้อยมันก็หัวเราะ
วันต่อมา มันลองพิมพ์สิ่งที่เขียนเอาไว้มาให้ผมอ่าน วิธีการก็เหมือนเดิม นั่นคือแอบเอามาวางไว้บนเคาน์เตอร์บาร์ที่แก้วยาคูลท์ปีโป้เคยวางอยู่เมื่อคืน เพื่อที่ผมซึ่งกำลังเตรียมเปิดร้านในตอนบ่ายแก่ ๆ จะได้เดินมาเจอ ระหว่างที่มันกำลังงีบหลับเพราะความขี้เกียจดุจแมวอยู่ ผมอ่านแล้วไม่เห็นเจอมุกตลกประเภทที่ใคร ๆ เขาน่าจะขำกัน นางเอกของเรื่องก็ดูจะไม่ขำเหมือนกับผม แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังคงเป็นเรื่องราวที่ดี
ผมถอนใจ มองดูไปรอบ ๆ บาร์ร้างไร้ผู้คน จู่ ๆ ก็เกิดขี้เกียจขึ้นมาเหมือนโดนโรคติดต่อจากคนที่นอนอุตุอยู่ข้างบน จนกระทั่งตัดสินใจทิ้งผ้าขี้ริ้วและไม้ถูพื้นไว้อย่างนั้น ไม่เป็นไร อย่างน้อยวันนี้คงไม่มีใครต้องการยาคูลท์ปีโป้ปั่น หรือถ้าต้องการขึ้นมาเป็นกรณีเร่งด่วน เมนูนี้ไม่ต้องพลิกป้ายเปิดบาร์ก็ทำได้ทุกเมื่อ อันที่จริง ผมอยากให้มันเป็นเมนูประจำที่มันอยากดื่มเมื่อไหร่ก็มาดื่มโดยไม่ต้องใช้สิทธิ์คนเศร้า ปล่อยให้นมหมดอายุคาขวดไปบ้างก็ได้ ไม่ใช่ต้องซื้อมาเติมบ่อยอย่างกับน้ำเปล่า ถ้าหากมันยังมาสั่งเมนูนี้ด้วยเหตุผลนี้อยู่ ผมก็ฝันถึงวันที่มันจะเลิกดื่มของแบบนี้ราวยาเสพติดสักที ขอแค่นี้แหละ
fin.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in