Coffee Lab (커피랩) เป็นร้านที่ฉันชอบหลบมานั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสือเป็นประจำแบบไม่สม่ำเสมอเพียงลำพัง ไม่แน่ใจว่าเคยบอกไหม ว่าร้านกาแฟทั้งแมสทั้งอินดี้ผุดขึ้นมาเต็มบ้านเต็มเมือง เรียกได้ว่าเดินไปไม่เกินสิบก้าวจะเจอร้านกาแฟหรือคาเฟ่ตั้งอยู่เต็มไปหมด บางร้านเปิดถึงเที่ยงคืน บางร้านเปิดตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเพื่อนร้านสะดวกซื้อ แล้วคนเกาหลีก็ดื่มกาแฟไม่แคร์เวลาด้วย ดึกดื่นเที่ยงคืนพี่อยากจะดื่มก็ย่อมได้ อาจเพราะกาแฟเกาหลีจืด ใครที่นึกภาพกาแฟจืดไม่ออก ให้นึกถึงเหล้าที่ชงบาง ๆ อัตราส่วนของน้ำเยอะกว่าเหล้าแบบ 3.5/4 อธิบายแบบนี้จะเข้าใจหรืองงหนักกว่าเดิมก็ไม่รู้ ฉันเคยเดินออกมาจากผับตอนตีสามกว่า ๆ พบว่าคนยังแน่นขนัดไม่ต่างจากตอนกลางวันเลย
Coffee Lab ไม่ได้เปิด 24 ชั่วโมงเหมือนร้านกาแฟอื่น ๆ ในแถบนี้ แต่ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เพราะกว่าจะปิดก็เที่ยงคืน ตีหนึ่งเข้าไปแล้ว
คอฟฟี แล็บ อยู่ในย่านฮงแด ย่านวัยรุ่นอันคึกคักแห่งกรุงโซล เทียบได้กับสยามสแควร์บ้านเรา ใกล้ ๆ กันนั้นมีมหาวิทยาลัยฮงอิก (Hongik University) ตั้งอยู่ แถวนี้เลยมีคาเฟ่มากเป็นพิเศษ ไม่ใช่เฉพาะคาเฟ่ แต่ร้านเหล้าก็เช่นกัน บางคนออกจากผับเดินไปหลับร้านคาราโอเกะก่อนจะตื่นไปทำงานก็มี ไม่ต้องแปลกใจถ้าจะเห็นคนเมานอนกรนตามสถานีรถไฟฟ้า เหตุการณ์แบบนี้ที่โซลถือเป็นเรื่องปกติ คนเกาหลีถือเป็นชนชาตินักดื่ม ดื่มเก่งตั้งแต่กาแฟไปจนถึงโซจู
ฉันหอบหนังสือ สิ่งละอันพันละน้อย อาทิ ปากกา สมุดโน้ต แล็ปท็อป ไอแพด หนังสือเล่มใหม่ที่อ่านไปได้เพียงสามหน้ากระดาษ กล้องถ่ายรูป Dslr และแน่นอนว่ามาพร้อมเลนส์อันหนักราวกับพกเหล็ก อยากจะพกกล้องมิเรอร์เลสสวย ๆ แบบชาวบ้านเขาบ้างเหมือนกัน คงจะดูเป็นผู้หญิงควีโยมี ๆ ผู้บอบบางน่าทะนุถนอมกว่านี้
ฉันเดินผ่านร้านกาแฟหลายต่อหลายร้าน อากาศก็ดีจนอยากจะเดินทอดน่องชมนั่นชมนี่ไปเรื่อย ๆ ร้านเสื้อผ้าน่ารัก ๆ ขายของกระจุกกระจิกเต็มไปหมด เดินจากที่พักถึง คอฟฟี แล็บ ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ร้านกาแฟสีดำ ติดกระจกบานหนาใส มีป้ายบอกว่า COFFEE LAB brewing & extraction ก็ปรากฏตรงหน้า ฉันเปิดประตูเข้าไปในร้าน ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในโลกอีกใบที่มีแค่กลิ่นกาแฟ เสียงเครื่องบด เครื่องชง เสียงเพลงเมโลดีสวย ๆ อันรื่นหู เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะเบา ๆ ไม่ปวดหู ต่างจากโลกข้างนอกอันอึกทึกอลหม่าน ภายในร้านมีความเรโทรบวกโมเดิร์นผสมความเป็นอินดัสเทรียล โทนสีดำอันคลาสสิคของร้านเข้ากันได้ดีกับแสงน้อย ๆ สีนวลตาให้ความรู้สึกอบอุ่น เมื่อเงยหน้าดูเพดานก็พบกับด้ามอัดกาแฟ (Portafilters) อยู่นับร้อยเต็มเพดานไปหมด จำได้ว่าครั้งแรกที่มาก็ตื่นเต้นแบบนี้ อดที่จะถ่ายรูปไปฝากคนที่เมืองไทยไม่ได้ ถึงกับต้องเฟซไทม์ไปหาเพื่อน เพื่อแบ่งปันความตื่นเต้นนี้
เสียงบาริสต้าร้องทักเป็นภาษาเกาหลีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ฉันยิ้มตอบและทักทายเป็นภาษาเดียวกันกลับไป ภาษาเกาหลีแบบง่าย ๆ อะได้ แต่ถ้าพี่จะสกิลแอดวานซ์ใส่เบอร์นี้ น้องคงทำหน้างงในดงเกาหลีนี่แน่นอน ฉันหันไปสั่งเมนูกาแฟที่ต้องการ เขาถามว่าจะดื่มที่นี่หรือ Take away ด้วยความที่ทราบกฏข้อนี้ดี ว่าถ้าสั่งแบบใส่แก้วกลับก็ไม่สามารถเอานั่งดื่มในร้านได้ ซึ่งพี่เกานี่ปรับจริงนะคะ อีกอย่างจะให้ใครมามองว่าคนไทยไม่รู้กฏ เสียชื่อประเทศยอมไม่ได้ จึงตอบเขาไปว่าทานที่นี่จ้ะพี่จ๋า
เมื่อจัดการสั่งกาแฟเสร็จสรรพ ฉันเลือกที่นั่งตรงซอกมุมของร้าน ที่เหมาะสำหรับคนที่มาคนเดียว หันหน้าเข้ากระจกใส มองเห็นรถราและผู้คนที่เดินผ่านไปมาข้างนอกขวักไขว่ หยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายเล่นภายในร้าน แต่พยายามให้ติดคนในร้านให้น้อยที่สุด ที่เกาหลีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เห็นได้จากโทรศัพท์มือถือจะไม่สามารถปิดเสียงชัตเตอร์เวลากดถ่ายรูปได้ เพื่อป้องกันการแอบถ่าย ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ ปรับ 30 ล้านวอน ประมาณ 900,000 บาทไทย จำคุกสูงสุด 7 ปี ซึ่งเคยมีข่าวไปเมื่อประมาณปลายปีก่อน เรื่องคนไทยที่ไปแอบถ่ายหนุ่มเกาหลีในรถไฟใต้ดินแล้วอ้ปป้าแกรู้ตัว เลยเอาเรื่องจะพาไปสถานีตำรวจ แหล่งข่าวไม่ได้บอกว่าสุดท้ายแล้วคนไทยถูกจับเสียค่าปรับไปเท่าไหร่ หรือยอมความกันได้อย่างไร แต่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่คนไทยยังไม่ค่อยเข้าใจจริง ๆ
ไม่นานนักกาแฟ Ethiopia Yirgacheffe Guji G2 เมล็ดซิงเกิล ออริจิน กาแฟจากแหล่งปลูกเดียว ในเหยือกและแก้วสีทองแบบพรีเมียมก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ราคาก็พรีเมียมด้วยนะ สนนราคา 7,000 วอน ซึ่งราคาจะสูงกว่ากาแฟร้อนทั่วไปที่ราคาแค่ 3-4 พันวอน เมล็ดซิงเกิล ออริจิน ของที่นี่มีทั้งกาแฟจากเคนย่า บราซิล อินโดนีเซีย โคลอมเบียและกัวเตมาลา แหล่งปลูกกาแฟคุณภาพทั้งนั้น นอกจากนี้ยังมีตัว House Blend ที่ทางร้านคั่วเองด้วย บาริสต้าถามอะไรสักอย่างที่ฟังไม่ออก ซึ่งพี่ก็ได้แต่ทำหน้างง ที่เรียนมาคืนซอนแซงนีมไปหมดสิ้นแล้วจ้า พอทราบถึงสกิลภาษาเกาหลีอันอ่อนด้อย อ้ปป้าแกก็พ่นอิงลิชแบบโคเรียนใส่รัวเป็นชุด ถามว่ามาจากไหน ไชน่าหรือว่าเจแปน พอตอบว่าแทกุกจ้า (แปลว่าประเทศไทย) แกก็พูดสวัสดีครับและขอบคุณครับใส่ด้วยความเขินอาย โถถถถ ถอถุงแปดร้อยตัว น่ารักจังเลยพ่อคุณ
หลังจากถ่ายรูปกาแฟเป็นการเปิดพิธีแล้ว ก็ถึงเวลาดื่มด่ำกาแฟอันหอมกรุ่น กาแฟเอธิโอเปีย เยอกาเชฟฟ์ ของคอฟฟี แล็บ มีบอดีที่เบา มีความฉ่ำของผลไม้แบบเลมอน ได้ความเปรี้ยวที่สดชื่นอันเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟเอธิโอเปีย มีความหอมหวาน กลมกล่อมและละมุนลิ้น เป็นความหวานแทรกอยู่เป็นอาฟเตอร์เทสต์ หวานโดยที่ไม่ต้องเติมน้ำตาลเลยแม้แต่น้อย
บาริสต้าคนเดิมเดินมาถามว่ากาแฟโอเคไหม ฉันยกนิ้วโป้งเป็นสัญลักษณ์ว่ากาแฟนั้นยอดเยี่ยมมาก ๆ ความใส่ใจลูกค้าของบาริสต้าผู้เฟรนด์ลี สมควรได้ตำแหน่ง Mister Congeniality จริง ๆ อยากจะมอบมงกุฏและสายสะพายให้พี่มากเลยค่ะเนี่ย
ที่คอฟฟี แล็บ ไม่ได้มีแค่กาแฟจากเครื่อง Espresso machine นะคะ แต่มีเสิร์ฟกาแฟที่ชงแบบ French press หรือ Aeropress ด้วย บาริสต้าที่ร้านนี้ได้รับการยกย่องว่ามีความรู้เรื่องกาแฟดีเยี่ยมและที่สำคัญมีการชงที่ได้มาตราฐาน ทฤษฎีจัด ปฏิบัติก็เทพ เป็นประโยคที่หนึ่งในเพื่อนชาวเกาหลีที่อยู่ในวงการกาแฟกระซิบมา
ฉันนั่งละเลียดกาแฟ อ่านหนังสือ After the quake (ด้วยแรงสั่นไหว) ของนักเขียนคนโปรด Haruki Murakami ชื่อเรื่องก็สัมผัสได้ถึงความเซอร์เรียลแล้ว ระหว่างแผ่นดินที่สะเทือนไหวกับใจที่ไหวสั่น อ่านจบไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงใด ๆ ของเรื่องสั้นทั้งหกในเล่มนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึก ฉันพบว่าโลกของหนังสือดี ๆ และกาแฟคุณภาพเยี่ยม ช่างเป็นโลกที่น่าอยู่มากจริง ๆ
นาฬิกาข้อมือบอกเวลาอีก 15 นาทีจะหนึ่งทุ่ม คนยังแน่นขนัดไม่มีทีท่าว่าจะซาลงเลย เพราะร้านปิดเที่ยงคืน ยกเว้นวันศุกร์และเสาร์จะปิดตีหนึ่ง เรียกว่าดื่มกาแฟเสร็จก็ไปเที่ยวผับกันต่อ ไม่ปรากฏว่ามีร้านกาแฟประเทศไหนปิดดึกขนาดนี้ น่าจะโอนลี โคเรียเนี่ยแหละนะคะ ฉันเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่เต็มโต๊ะลงกระเป๋าใบใหญ่ นัดเพื่อนไว้ที่ร้านหมูย่างร้านประจำไม่ไกลจากร้านกาแฟ ฉันชิดเก้าอี้ สำรวจความเรียบร้อย ไม่ทิ้งสิ่งใดให้เลอะเทอะ เก็บกระดาษชำระทิ้งลงในถังขยะ เก็บแก้วและกาใส่กาแฟไปคืนบาริสต้าที่บาร์กาแฟ เขายิ้มกว้างและกล่าวขอบคุณเป็นภาษาไทยด้วยความอัธยาศัยดี สมตำแหน่ง Mr. Congeniality ที่ฉันแอบตั้งให้จริง ๆ
อันนยอง ไว้จะมาใหม่นะคะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in