เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เป็นนีทมันก็ดี แต่ติดที่ไม่เงินนี่แหละ!piccarioman
ไม่ออกจากบ้านกับออกจากบ้านไม่ได้ มันไม่เหมือนกันโว้ย!
  • หลังจากเริ่มงานไปสักพัก เราโอเคกับงานที่นี่มาก ทั้งในแง่การทำงานและการใช้ชีวิต

    การต้องออกจากบ้านไปทำงานแบบ routine ในรอบหลายปี ไม่ได้แย่สำหรับเราเท่าไหร่

    มีบ้างที่ต้องปรับตัว และเพิ่มความต้านทานอารมณ์ เมื่อต้องติดต่อกับผู้คนเกินลิมิตที่รับไหว

    เราเริ่มปรับการใช้ชีวิตจากเป็นคนเฉื่อยแฉะ ทำอะไรเรื่อยเปื่อยตามใจ เป็นชีวิตแบบมีตารางเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับงาน และมีสล็อตเวลาสำหรับทำตามใจตัวเองด้วย

    การปรับตัวเริ่มได้ผล เราชอบที่ได้ออกจากบ้านไปทำงาน ได้ขึ้นรถ ได้เดิน เพราะมันคือช่วงเวลาผ่อนคลายสำหรับเรา

    เรารู้ว่าหลายคนต้องเดินทางแบบลำบากนะ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่รถติดมากๆ และเราก็เคยผ่านอะไรแบบนั้นมาเหมือนกัน เราถึงขั้นทิ้งการสัมภาษณ์งาน เพียงเพราะเราไม่สามารถเดินทางไปสัมภาษณ์ได้ ด้วยรถสาธารณะที่ไม่ใช่แท็กซี่ เพราะคิดแล้วว่าต่อให้ได้งานก็ไม่คุ้ม เพราะเราไม่พร้อมย้ายไปอยู่ใกล้ที่ทำงานนั้น

    ดังนั้นการได้งานที่นี่ สำหรับเราเป็นเรื่องโชคดีมากที่สามารถเดินทางจากบ้านไปที่ทำงานได้สะดวก และเราคิดว่ามันเป็นสิ่งพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับ เพื่อมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่ต้องลุ้นเอาว่าจะได้งานใกล้บ้านหรือไม่ หรือต้องมาหาเช่าที่อยู่ใกล้ที่ทำงาน หรือต้องมีรถเพื่อให้ขับไปทำงานได้ ซึ่งแต่ละคนอาจไม่ได้มีตัวเลือกหรือทุนทรัพย์ในการซัพพอร์ตการใช้ชีวิตเยอะขนาดนั้น
  • สำหรับเราการเดินทางไม่ใช่ช่วงเวลาที่แย่ เพราะเราชอบนั่งรถเล่นมากกกกกกก

    แต่เราไม่มีรถส่วนตัว ขับรถก็ไม่เป็น สิ่งที่ชอบสมัยเรียนคือการได้นั่งรถเมล์ไปเรียน เพราะเราขึ้นต้นสาย ก็จะได้นั่ง และได้มองวิวท้าสายลมไปตลอดทาง

    แน่นอนว่าถ้าเป็นตอนที่เบียดกันโหนรถเมล์ตอนที่รถติด นั่นก็ไม่ได้น่าอภิรมย์เท่าไหร่จริงๆ นั่นแหละ เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่ต้องออกนอกบ้าน หรือต้องเดินทาง เราจะเลือกช่วงเวลาที่คนไม่เยอะเสมอ .... ถ้าเลือกได้

    อย่างน้อยการได้เดินทางแบบสบายๆ หน่อย แม้จะเป็นรถสาธารณะ ก็สามารถให้ช่วงเวลาที่ผ่อนคลายกับเราได้ เป็นช่วงเวลาเตรียมใจให้พร้อมก่อนเข้าทำงาน และเป็นช่วงเวลาพักสมองจากการทำงานมาทั้งวันด้วย
  • เราเริ่มใช้ชีวิตได้เสถียรมากขึ้น มีระเบียบในชีวิตมากขึ้น และแข็งแรงขึ้นด้วย เพราะเดินทุกวัน

    จนบางทีเราก็งงนะ ว่าตัวเองเอาพลังแบบนี้มาจากไหน ยืมมาจากอนาคตหรือเปล่า?

    เพราะตอนเป็นนีทอยู่บ้านคือพร้อมจะหลับแล้วไม่ลุกขึ้นมาอีกเลยทุกวัน มีชีวิตอยู่บนเตียงเกิน 50% ของวัน และไม่มีแรงทำอะไรเลย

    ตอนที่รู้สึกว่า เป็นแบบนี้ก็ไม่แย่นะ ที่ทำงานเราก็ให้ WFH 100%

    ช่วงแรกๆ มันยังโอเคนะ เพราะเราคีปรูทีนทุกอย่างเหมือนตอนไปทำงานที่ออฟฟิศ แล้วเปลี่ยนช่วงเวลาเดินทางมาเป็นการอ่านการ์ตูน ดูอนิเม พักสมอง

    ช่วงแรกๆ มันดีมาก แต่มันก็อยู่ได้ไม่นาน
  • หลังจาก WFH ทุกวันไปสองเดือน เราเริ่มขี้เกียจขึ้น เริ่มไม่อยากตื่น

    เรามีข้ออ้างให้นอนดึก มีข้ออ้างให้ตื่นสาย มีข้ออ้างให้ผัดวันประกันพรุ่งกับทุกอย่าง และเริ่มขี้เกียจทำงานด้วย

    การใช้ชีวิตก็เริ่มรวนไปหมด นอนดึก ตื่นสาย กินข้าวน้อย ไม่ได้ออกกำลังกาย ปวดหลัง ปวดตา ภูมิแพ้กำเริบ

    สุขภาพย่ำแย่ไปหมด และทั้งที่รู้ตัวว่าเพราะอะไร ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ไหลแล้วไหลเลย

    เราพยายามปรับอยู่นะ แต่การไม่ได้ออกจากบ้านเลย มันทรมานกว่าที่คิด
  • แม้ว่าปกติเราจะไม่ใช่คนชอบออกจากบ้าน และมีชีวิตติดอยู่กับบ้านมากกว่าออกไปข้างนอก

    แต่กิจกรรมบางอย่างที่เราชอบทำ มันก็ยังต้องออกไปทำข้างนอกบ้าน

    เราชอบกินข้าวที่ร้าน เพราะอาหารบางอย่าง ซื้อกลับบ้านมาแล้วไม่อร่อยเท่ากินที่ร้านทันที

    เราชอบดูหนังในโรงภาพยนตร์

    เราชอบซื้อหนังสือที่ร้าน เพราะจะได้เลือกเล่มเอง

    เราชอบ window shopping ได้หยิบจับสินค้า ดู material ดูงานสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ

    ออนไลน์ไม่สามารถทดแทนทุกอย่างได้ เพราะบางอย่างมันก็ต้องได้มีประสบการณ์ร่วมถึงจะดี
  • ชีวิตที่เหมือนถูกขังอยู่ที่บ้าน เพราะไม่สามารถออกไปทำเรื่องที่อยากทำ มันทำให้เราเครียดโดยไม่รู้ตัว

    ทั้งที่ผลลัพธ์ก็คือการอยู่บ้าน และไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากชีวิตเดิมของเรามากนัก แต่ระดับความเครียดมันต่างกันโดยสิ้นเชิง

    เราต้องพยายามใช้บริการ delivery มากขึ้น ทั้งที่ปกติไม่ชอบใช้ เพราะมีความจำเป็นก็ต้องซื้อ ออกไปซื้อเองก็ไม่ได้

    แต่ถึงจะสั่งเก่ง มีของมาส่งที่บ้านแทบทุกวัน ก็ไม่ได้ทำให้เราเครียดน้อยลง เพราะมันทดแทนกันไม่ได้ (และอาจจะเครียดมากกว่าเดิมตอนบอกทาง)


  • เราเข้าใจนะว่าทำไมต้องล็อกดาวน์ แต่ว่านะ เราว่ามันช้าและนานเกินไป

    ในเมื่อพื้นฐานปัจจัยการใช้ชีวิตของประเทศเรามันไม่พร้อมมาตั้งแต่แรก รัฐบาลก็ควรจะรับมือกับวิกฤตนี้ให้รัดกุมกว่านี้ ไม่ใช่โยนภาระทุกอย่างมาให้ประชาชนดูแลตัวเอง

    อย่าบอกว่าต้องล็อกดาวน์ เพื่อหยุด mobility เพราะไม่ได้คิดจะหยุดการเคลื่อนไหวของผู้คนจริงๆ ก็แค่ข้ออ้างส่งแรงงานออกต่างจังหวัด

    อย่าบอกว่าไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ เจอกันทั้งโลก ดูงานคนอื่นบ้าง

    แค่การแบ่ง priority คนที่ต้องฉีดวัคซีน กับการดูแลประชาชนให้เท่าเทียมกัน ยังทำไม่ได้เลย อย่ามาอ้างว่าทำดีแล้ว มันฟังไม่ขึ้น

    คงไม่ต้องให้สาธยายนะ ว่าต้องทำยังไง เพราะไม่ได้จบสายสาธารณสุขมา เดี๋ยวจะหาว่าอวดดี

    เอาเป็นว่าเรามองง่ายๆ ว่านี่คือวิกฤตในระดับที่รัฐบาลต้อง take action เพื่อทุกคนอย่างเท่าเทียม ต้องมีวัคซีนให้ทุกคน และต้องให้การรักษาอย่างทั่วถึง ไม่ว่าประชาชนคนนั้นจะอยู่ในกลุ่มไหน ก็ควรได้รับการเข้าถึงการตรวจโรค รักษาโรค และวัคซีนป้องกัน COVID-19 อย่างเท่าเทียม

    เพราะถ้ามันไม่เท่าเทียม มือใครยาวสาวได้สาวเอา สุดท้ายนอกจากคนจะตายเป็นเบือแล้ว ก็ไม่สามารถรักษา engine ในการขับเคลื่อนประเทศเอาไว้ได้ เพราะคนที่จะมาขับเคลื่อนหายไปหมดแล้ว
  • เราไม่รู้ว่าต้องไปแก้ที่ตรงไหนถึงจะ breakthrough วิกฤตครั้งนี้ไปได้นะ แต่สำหรับการทำงานของรัฐบาลนี้ เราก็รู้สึกว่ามันไม่ตอบโจทย์เลยสักอย่าง

    ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย หรือคำสั่ง หรือการลงทะเบียนรับวัคซีนใดใด ก็ไม่ได้มีความมืออาชีพเลยแม้แต่นิด มีแต่มือองค์กรไหนยาว ก็เอาโควต้ามาปล่อยให้ประชาชน ในนามของวัคซีนฟรี (จากภาษีประชาชน)

    ทั้งที่การจัดการเรื่องนี้ควรจะรวมศูนย์จัดการอย่างเป็นระบบ และให้โควต้าอย่างชัดเจนและทั่วถึง มีการจัดลำดับและชี้แจงให้ประชาชารับทราบในทุกขั้นตอน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถคาดหวังอะไรแบบนั้นจากรัฐบาลนี้ได้

    เอาแค่สื่อสารรู้เรื่องก่อน ยังให้ไม่ได้เลย
  • เพราะฉะนั้นก็เลยไม่รู้ว่าจะแก้ที่ตรงไหน นอกจากเปลี่ยนคนจัดการ อาจจะได้คนที่พูดรู้เรื่อง และทำงานเก่งกว่านี้

    แต่ถ้ารัฐบาลนี้จะทู่ซี้อยู่ต่อไป ถึงไม่คาดหวังว่าจะฟังสิ่งที่ประชาชนพูด (aka ด่า) แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามด่านะ ก็ตามการทำงานน่ะ ควรรับให้ได้ว่าทำงานแย่จริงๆ เห็นผลลัพธ์แบบนี้แล้วยังหลอกตัวเองได้ ก็ไม่รู้จะด่ายังไงแล้ว แต่ก็จะด่าต่อไปนะ

    ตอนนี้ที่ทำได้ ก็มีแต่ต้องดูแลตัวเอง และช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่ทำได้ไปก่อน

    ส่วนตัวไม่คาดหวังกับคนหน้าด้านให้สำนึกได้เท่าไหร่ แต่รออยู่ จะอยู่ไปจนกว่าจะได้สมน้ำหน้าพวกมัน ..... ขอบคุณที่เป็นไฟแค้นให้อยากมีชีวิตต่อไป จะแข็งแรงขึ้นและด่าไปเรื่อยๆ นะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in