เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เป็นนีทมันก็ดี แต่ติดที่ไม่เงินนี่แหละ!piccarioman
จะได้งานมั้ยก็ไม่สนแล้ว มันต้องหาอะไรทำก่อนล่ะ!
  • หลังจากประกาศคลายล็อกดาวน์รอบแรก

    เราเริ่มสมัครงานอีกครั้ง โดยไม่สนใจว่าเป็นงานแบบไหน ตรงสายหรือไม่ ขอแค่คอนดิชันในการทำงานตรงกับที่เรารับได้ก็พอ แต่ก็เริ่มมองหาอย่างอื่นทำไปด้วย

    เราเริ่มคิดว่าในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจก็เริ่มแย่ บวกกับมีโรคระบาด มันหางานยากขึ้นแน่นอนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรที่ทำได้ ก็ต้องทำ ถ้าเริ่มทำจากอะไรเล็กๆ น้อยๆ ได้ ก็ต้องเริ่ม

    เราจึงเน้นความสนใจไปที่การลงขายของที่เคลียร์จากในบ้าน และหางานพาร์ทไทม์ทำ มากกว่าหางานประจำ

    แต่วันนึงเราก็ได้รับการติดต่อให้ไปสัมภาษณ์งาน และได้งานประจำทำ
  • ถึงแม้สำหรับเรามันจะดูฟลุคมากๆ และงงสุดๆ ไปเลย เพราะไม่คิดว่าจะได้

    แต่ในเมื่อได้โอกาสมาแล้วก็ตั้งใจว่าจะคว้ามันเอาไว้ และทำให้ดี อย่างน้อยก็มีสิ่งที่เรียกว่าเงินเดือนเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ

    รายได้แบบประจำทำให้ชีวิตเราดีขึ้นจริง นี่สินะที่เรียกว่ามั่นคง!

    (แต่นี่มันแค่เริ่มต้นชีวิตมนุษย์เงินเดือนเท่านั้นนะ ..... ผ่านมาจนถึงตอนนี้ยังเดือนชนเดือนอยู่เลย)

    เราทุ่มเทความสนใจและเวลาเกือบทั้งหมดไปที่การเรียนรู้งาน และปรับการใช้ชีวิตไปด้วย เพราะนานมากแล้วที่เราไม่ได้ออกจากบ้านเกือบทุกวันแบบนี้
  • เราอยากให้ทุกอย่างมันลงตัวเร็วที่สุด เพื่อที่เราจะได้มาเคลียร์ของในบ้าน และลงขายอีก ........ ใช่ แค่เงินเดือนมันจะพอกินได้ยังไง

    แต่การทำงานประจำเหนื่อยกว่าที่คิด จิตใจและร่างกายเราพังยับไปโดยที่แทบจะไม่รู้ตัว รู้สึกได้อีกทีคือตอนที่ไม่ไหวแล้ว

    ไหนจะเรื่องโรคระบาดที่ทำให้เราใช้ชีวิตยากขึ้นไปอีก แถมรัฐก็รับมือได้ไม่ดีเอาซะเลย เอาทรัพยากรไปลงแต่กับการจัดการม็อบ ซึ่งมันดับไฟโกรธในใจผู้คนได้มั้ย ก็บอกเลยว่าไม่

    ทุกครั้งที่รัฐเห็นประชาชนเป็นศัตรู โดยที่ไม่ฟังเสียงของประชาชน ไม่เคยเปิดตาดูว่าประชาชนเดือดร้อนมากแค่ไหน จนต้องออกมา มันยิ่งทำให้ความโกรธยิ่งปะทุอยู่ในใจของเรามากเท่านั้น มันจะไม่มีวันดับได้จนกว่าเราจะได้เห็นระบบการทำงานที่ดีขึ้น และเห็นรัฐที่เคารพเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง


  • ตั้งแต่เด็กๆ เรามีคำถาม ว่าทำไมเราต้องโตไปอยากเป็นนั่นเป็นนี่ เราสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่เรียกว่าอาชีพ จากสิ่งที่เราอยากทำได้มั้ย?

    แต่พอโตมา สิ่งที่เราได้เผชิญ มันตอบคำถามตอนเด็กของเราว่า แค่อยากทำ มันทำไม่ได้หรอก ต่อให้ดิ้นรนเข้าไปอยู่ในที่ที่สามารถทำสิ่งนั้นได้ เธอก็จะถูกระบบบังคับให้ทำในสิ่งที่ระบบต้องการ ระบบต้องการความสามารถของเธอ ไม่ได้ต้องการตัวเธอ และไม่อนุญาตให้เธอทำอย่างที่อยากทำหรอก

    ทุกๆ ที่ที่เราไปอยู่ ตอบเราแบบนั้น และทำให้ความฝันในใจเราสูญสลายไปไม่เหลือแม้แต่เศษซาก

    แม้แต่ความคิดที่ว่าอยากจะทำสิ่งที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้น ยังไม่ได้รับอนุญาตให้พูดมันออกมาด้วยซ้ำ เราอยู่ในสภาวะแวดล้อมแบบนั้นมาตลอด
  • โชคดีที่ที่ทำงานปัจจุบันเราไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่มันก็ไม่ได้ตอบโจทย์การมีชีวิตของเราทุกอย่าง

    เรายังรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำอยู่ ก็เป็นแค่ฟันเฟืองของระบบทุนนิยม ที่ต้องทำเพื่อเสิร์ฟการอยู่รอด ทำเพื่อให้ได้เงิน ทำเพื่อสร้างเบาะที่จะสามารถรองรับเวลาเราล้ม เพราะรัฐไม่เคยมีสิ่งนี้ให้เรา เราจึงต้องมาทำงานเสิร์ฟให้กับระบบเพื่อสร้างที่อยู่ของตัวเอง

    ความเหลื่อมล้ำ สภาพเศรษฐกิจ การดิ้นรนมีชีวิต ทำให้เราหยุดฝัน ทิ้งฝัน และเลือกหนทางที่จะทำให้ตัวเองรอด

    จะเป็นการอยู่รอดไปวันๆ หรือเพื่อความอยู่รอดในอนาคต เราก็ต้องดิ้นรนด้วยตัวเองทั้งนั้น เพราะสวัสดิการของรัฐที่มีให้ ไม่เคยเพียงพอต่อการมีชีวิตที่ดี
  • มาถึงตรงนี้เราก็เคยคิดว่ามันเป็นความคิดของ loser ที่ไม่สามารถดิ้นรนสร้างเนื้อสร้างตัวในประเทศนี้ได้

    แต่มองอีกที ภาษีที่เราจ่ายไปไม่เคยงอกเงยเป็นสวัสดิการที่ทั่วถึง

    คนในอำนาจยังบริหารประเทศแบบชุ่ยๆ ยิ่งในภาวะวิกฤตแบบนี้ก็ยิ่งเห็นชัด ว่าคนพวกนั้นไม่เคยสนความเป็นอยู่ของประชาชน สนใจแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง ทั้งที่กำลังกินเงินเดือนจากภาษีของประชาชนอยู่

    การเรียกร้องหาสวัสดิการรัฐที่ดี ไม่ใช่เรื่องเกินไปกว่าที่ประชาชนควรทำ เพราะเราควรจะได้

    การเรียกร้องหารัฐสวัสดิการ ไม่ใช่การเรียกร้องหาของแจก หรือของฟรี แต่คือการเรียกร้องหา life security ที่เราพึงมี เพื่อให้เราสามารถใช้ชีวิตได้ดีขึ้น เพื่อให้เราสามารถใช้พลังไปกับการเดินตามความฝัน หรือทำความฝันให้เป็นจริง แทนที่จะต้องมาพะวงว่าวันนี้จะมีกินหรือเปล่า
  • เราเคยโทษตัวเอง คิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถ เจ็บปวดกับการหางานทำไม่ได้ เจ็บปวดกับการได้รู้ว่าตัวเองไม่ fit in ในที่ไหนเลย เจ็บปวดกับการต้องมารู้ตัวว่า ต่อให้เราพยายามแล้ว เราก็ยังไม่สามารถทำตัวเป็นแค่ฟันเฟืองที่ทุ่มเทความสามารถให้ระบบและทำงานไปวันๆ ได้ เราอยากทำอะไรที่มัน make a change ได้มากกว่านี้ อยากเปลี่ยนระบบงี่เง่านี่

    และที่สำคัญ อยากเปลี่ยนให้ประเทศนี้เป็นประเทศที่น่าอยู่กว่านี้ อยากให้ประเทศนี้เป็นที่ที่ทุกคนจะสามารถลองผิดลองถูก และเลือกเดินตามทางที่อยากเดินได้ สามารถทำสิ่งที่อยากทำได้ มีพื้นที่ให้กับทุกความฝัน และมีพื้นที่ให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตกันอย่างแท้จริง

    อาจดูเป็นเรื่องเกินตัว และไม่ใช่ตัวคนเดียวจะทำได้ แต่เราหวังอยากให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะอย่างน้อยจะได้ไม่ต้องมีใครที่เติบโตมาในประเทศนี้แล้วพบกับความสิ้นหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบเราอีก

    อาจเป็นเรื่องที่ต้องค่อยๆ ทำไป เรียกร้องไปทีละอย่าง ปรับไปทีละเรื่อง แต่เราจะไม่หยุด

    อย่าดูถูกคนไม่มีฝัน เพราะเราที่ไม่เหลือแม้แต่ความฝันในชีวิตของตัวเองแล้ว ก็อยากใช้ชีวิตที่มีเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

    ฝันที่ถูกช่วงชิงและทำลายไป เราไม่อยากได้คืน แต่เราอยากได้ประเทศที่ให้โอกาสเราได้ฝันอีกครั้ง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in