" สวัสดีครับ เพื่อนๆพี่น้องๆทุกท่านที่ผมแท็กไว้ในที่นี้ จะเรียกว่าผมจีบๆพวกคุณไว้ก่อนก็ได้ เพราะผมแค่อยากจะแบ่งปันความปรารถนาอันสูงสุดของผมอันหนึ่งกับพวกคุณ นั่นคือการทำหนังสือขึ้นมาสักเล่ม
ครับ ผมตอนนี้ก็ยังเป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดาและนักเขียนโนเนมที่เขียนอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ผมอยากจะลองทำหนังสือขึ้นมาสักเล่มจริงๆครับ เป็นหนังสือพาตระเวนกินและเที่ยว โดยผมไม่สามารถทำคนเดียวได้ ดังนั้นผมจึงต้องการคนช่วยในด้านต่างๆ ทั้งทีมนักเขียน/คอลัมนิสต์ ทีมแปลภาษา ทีมช่างภาพ ทีมกราฟิคออกแบบ ทีมลงพื้นที่ตระเวน(แดก)เก็บข้อมูล
มันอาจจะเป็นงานขายฝัน ความอยากทำของผมคนเดียว และอาจจะต้องเปลืองตัว อาจยังไม่ได้ตังค์ แค่ต้องใช้หัวใจในการทำ แต่ผมก็อยากลองดูสักตั้ง จึงขอเชิญชวนทุกๆท่านในที่นี้ ขอบคุณที่เสียสละเวลาอ่านนะครับ "
ฉันนั่งอ่านข้อความทั้งหมดนี้เงียบๆบนโซฟาตัวโปรดในยามบ่ายวันหยุด กำลังรู้สึกตื่นเต้นที่ตัวเองถูกแท็กไว้ด้วยในจดหมายเชิญชวนฉบับนี้ ฉันอ่านแล้วไม่รอช้าที่จะตอบพี่คนนี้ไปแบบติดตลกเล็กน้อย ด้วยการก็อปปี้ข้อความทีมแต่ละทีมที่เขาต้องการส่งไป แล้วบอกว่า จะทำฝ่ายไหนดีล่ะ บังเอิญว่าทำได้ทุกฝ่ายเลยนี่สิ
…โอเค ไม่ว่ามันจะดูน่าหมั่นไส้อย่างไรก็ตามแต่ ฉันก็หมายความอย่างที่พูดจริงๆ หากพี่เขาต้องการคนช่วยในฝ่ายไหน ฉันยินดีจะช่วยในทุกๆฝ่ายหมุนวนไปหากจำเป็น และคำตอบที่ฉันได้รับกลับมาหลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็คือ
‘ตอนนี้ยังไม่มีทุนนะ มาด้วยใจก่อน มีแค่ อุดมการณ์ที่ซื้อข้าวแดกไม่ได้ว่ะ 555’
คำสุดท้ายในประโยคข้างบนทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนมีแส้ฟาดใจฉันเบาๆ ช่างดูเป็นคำพูดที่ตลกร้ายเสียเหลือเกิน ให้ความรู้สึกตัดพ้อปนเย้ยหยันยังไงชอบกล โดยเฉพาะเลข 5 นี่ ช่างดูเหมือนมีน้ำตาซ่อนอยู่เสียนี่กะไร ฉันเอนหลังพิงโซฟามากกว่าเก่าพลางคิดวนไปมาหลายตลบกับคำพูดนี้
ฉันเองก็มี ไอ้อุดมการณ์ที่ซื้อข้าวแดกไม่ได้เนี่ย มีเยอะซะด้วย และเจ็บปวดที่ต้องพูดว่ามันช่วยฉันในการซื้อข้าวมาแดกไม่ได้จริงๆด้วยสิ ตัวฉันไหลลงไปกองกับเบาะโซฟามากขึ้นเรื่อยๆพร้อมความคิดที่ไหลตามมาว่า มีกี่อุดมการณ์แล้วที่ฉันต้องทิ้งไป เพื่อการซื้อข้าวกินให้มีชีวิตรอด ฉันจึงเข้าใจความรู้สึกของพี่คนนี้เป็นอย่างดี ว่ามันช่างตลกร้ายกับความรู้สึกและความจริงซะเหลือเกินนะคำพูดนี้
ตัวฉันที่มีอุดมการณ์อันแรงกล้าเมื่อก่อน เป็นคนที่ช่างมุ่งมั่นอะไรอย่างนั้นนะ พุ่งไปข้างหน้าสู่จุดหมายนั้นอย่างกับลูกธนูพุ่งหาเป้าของมัน ช่างมีพลังงานล้นเหลือแรงกล้าเจิดจ้าเหมือนดวงตะวัน แต่เมื่อไหร่กัน ที่ธนูลูกนั้นผ่อนแรงตัวเองลงแล้วตกลงถึงพื้นก่อนจะถึงเป้า หรือเปลี่ยนทิศทางไปยังเป้าอื่นเพียงเพราะแรงลมที่พัดมา ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ฉันยอมทิ้งความฝัน เพื่อกลับมายืนบนความจริง ก้มหน้ารับมันและเจือจางความฝันนั้นไป
ไปๆ มาๆ ตัวฉันก็ไหลจากโซฟาลงมาถึงพื้นจนได้ ฉันแตะพื้น ยืนขึ้น แล้วปีนกลับขึ้นไปนั่งบนโซฟาใหม่ วินาทีนั้นฉันเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ เรียกว่าสัจธรรมหรือเปล่า ก็ไม่แน่ใจ แต่มันเป็นความเข้าใจส่วนตัวที่ช่วยฉันออกจากคำถามพวกนั้นได้ในเวลาต่อมา
ฉันอยู่บนความฝัน และตัวฉันก็ไหลลงจากความฝันนั้น ตกลงมาบนความจริง แต่สุดท้ายเพียงเพื่อจะได้เข้าใกล้ท้องฟ้าเจิดจ้าที่ฉันรักนั้นมากขึ้น ฉันก็จะปีนกลับไปยังพื้นที่ความฝันนั้นอีกครั้งอยู่ดี ฉันจะปีนกลับขึ้นไปบนโซฟานั้นอีกครั้ง
โอเค คำพูดนี้ไม่ว่ายังไงส่วนตัวฉันก็ยังมองว่ามันจริงอยู่ดี ที่ว่า อุดมการณ์ซื้อข้าวแดกไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันฉันก็คิดว่า การที่มีอุดมการณ์ทำให้ฉันมีพลังที่จะทำอย่างอื่นมาซื้อข้าวกินเพื่อจะมีแรงยึดอุดมการณ์นั้นต่อไปก็เป็นเรื่องจริง เป็นความจริงเหมือนกัน
ฉันไม่จำเป็นต้องทิ้งมันไปเพียงเพื่อจะมีข้าวกิน ฉันไม่จำเป็นต้องทิ้งความฝันของตัวเองไปเพียงเพราะมันดูเป็นไปไม่ได้ หรือเพราะใครหรืออะไรบอกกับฉันเช่นนั้น ท้องฟ้าจะยังคงอยู่ตรงนั้นเสมอ จนกว่าฉันจะสร้างจรวดพาตัวเองขึ้นไปแตะขอบฟ้า ฉันจะไม่มีทางรู้ว่ามันเป็นไปได้ ตราบใดที่ฉันยังไม่ลองทำ และมันอาจจะไม่มีวันเป็นไปได้ ถ้าวันนี้ฉันล้มเลิก และละทิ้งตัวฉันที่จะพาตัวเองไปถึงท้องฟ้าเหล่านั้น ที่ๆ อุดมการณ์ของฉันจะเป็นจริงในสักวันหนึ่ง
ฉันคิด พร้อมกับเอนตัวพิงโซฟามองท้องฟ้าเหล่านั้นด้วยใจที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป.
Thanks for all subscriptions & supports :)
The ScarletNails นักเขียนเล็บแดง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in