ศิวกร side
อะไรวะเนี่ย
ผมอุทานกับตัวเองในใจเมื่อลองเปิดดูเอกสารซักอันหนึ่งในโต๊ะทำงานแห่งนี้ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นเพียงแค่ผมตื่นขึ้นมาผมก็พบว่าตัวเองอยู่กับเงินสดมากมายที่กองอยู่ข้างๆตัว
ไม่สิ เรียกว่าท่วมตัวผมได้เลยมากกว่า
หรือผมอาจจะรวยโดยไม่รู้ตัวกันนะ
กวาดมองรอบๆห้องที่ผมตื่นขึ้นมามันเหมือนกับห้องนิรภัยในหนังที่เอาไว้เก็บเงินในธนาคาร ยังดีหน่อยที่ประตูอันใหญ่กว่าตัวผมมากมันไม่ได้ล็อคให้ผมตายอยู่ข้างในกับเงินพวกนั้น ผมเดินออกมาสำรวจก่อนจะพบว่าที่นี่มีผมแค่คนเดียว
ผมคิดว่าอย่างงั้นนะ แม้หนังที่ผมดูมาจะบอกว่ามันไม่ใช่หรอก
เมื่อผมหยิบเอกสารจากบนโต๊ะที่ผมสุ่มๆดูมาเปิด มันเป็นข้อมูลของใครไม่รู้ที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ภาษาข้างในถูกเขียนด้วยภาษาไทย ทำให้ผมอ่านออกได้ทันที
ขอบคุณที่ผมเกิดเป็นคนไทยนะเนี่ย
กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม คนในแฟ้มระบุชื่อไว้ ก่อนจะบอกว่าอีกฝ่ายเป็นเบต้า พร้อมกับรูป แล้วยังมีข้อมูลเชิงลึกอย่างส่วนสูง วันเกิด บ้านเกิด มันเยอะเกินไปที่ผมได้แต่สงสัยว่าผมควรจะรู้มันมากแค่ไหนกันละ
อาจจะมีประโยชน์ก็ได้ ผมเลยหยิบเอกสารนั่นติดมือมาด้วยก่อนจะพาตัวเองลองลงไปข้างล่างดูอาจจะได้อะไรเพิ่มเติมมากขึ้น
หรือผมควรจะขึ้นไปดูข้างบนก่อน
บันไดตรงหน้าทำให้ผมเผลอลังเล แม้ว่าผมจะอยากออกไปจากที่ตรงนี้มากแค่ไหนแต่ผมก็อยากสำรวจให้รู้ว่าที่นี่จะมีอะไรเพิ่มเติมให้ผมรู้อีก
เอาว่ะไหนๆก็ไหนๆ
เมื่อผมขึ้นไปชั้นบนมันกลับเป็นห้องโล่งใหญ่ๆ ถ้าผมเดามันคงจะเป็นห้องของประธานบริษัทหรือห้องประชุมอะไรแบบนั้น แต่มันไม่มีอะไรเลย เพียงแค่ห้องเปล่าเท่านั้น ผมเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่เพื่อสังเกต
ตรงหน้าผมเป็นถนนลาดยางขนาดสองเลน น่าจะบอกได้ว่าแถวนี้คงจะชานเมืองไม่น้อย ไกลไปอีกเป็นไร่องุ่น ถ้าให้ผมเดาแล้วที่เห็นปลายแหลมไกลๆคงเป็นบ้าน บ้านหลังใหญ่คล้าย
คฤหาส์น
บางทีถ้าผมออกไปได้แล้วไปที่นั้นอาจจะพอรู้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม
ผมเหลือบไปมุมห้องเห็นเครื่องมือสื่อสารวางแอ้งแม้งอยู่ แถมยังเป็นแบบปุ่มกดอยู่ด้วยซ้ำ
และไม่มีแบตเตอร์รี่อยู่เลย
โอเคผมควรไปหาสายชาร์จมาชาร์จมันอย่างน้อยก็น่าจะพอทำให้ผมสื่อสารกับใครได้บ้าง
ตอนนี้ในมือผมมีแฟ้มประวัติของใครไม่รู้ชื่อกฤษณภูมิที่ผมอาจจะรู้จักเขามากกว่าเจ้าตัวแล้วและโทรศัพท์ปุ่มกดแบตหมดหนึ่งเครื่อง
ระหว่างที่ผมรอแบตโทรศัพท์ชาร์จให้เต็มที่บังเอิญเหลือเกินมาเจอสายชาร์จอยู่ชั้นสองที่ผมตื่นมา ระหว่างนั้นผมก็คิดว่าตัวเองจะลงไปสำรวจรอบๆแถวนี้ดูก่อน
ประตูล็อค
ประตูตรงหน้าผมที่ผมควรจะออกไปไหนมันถูกล็อคไว้และผมต้องแก้มันด้วยรหัสสี่ตัว ผมจะหามาจากไหนละ เลขข้างๆที่ข้างมาเป็นเลขสาม
ผมไม่รู้ว่ามันคือนับถอยหลังหรือจำนวนครั้ง
ดีนะผมดูหนังบ่อ
ธีรดนย์ side
ผมเคยคิดว่าถ้าตัวเองจะตาย ผมคงเลือกการตายที่ไม่ทรมานมากนัก
อย่างการกินยานอนหลับ รถชน
นั่นก็คงเจ็บไม่น้อยเลยสินะแถมไม่คุ้มเลยถ้าไม่ตาย
แต่ผมก็คงไม่เลือกที่จะมาตายโดยการทรมานจากการขาดอากาศหายใจแบบนี้หรอก
ร้อน อึดอัด หายใจไม่ออกเหมือนกับจะตายให้ได้หรือผมกำลังจะตายจริงๆกันแน่นะ ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังอ้าปากไขว่คว้าหาอากาศที่มีอยู่น้อยนิด จนกระทั่ง
ตุ้บ
“โอ้ย” หัวผมฟาดกับผนังข้างๆจนเรียกได้ว่ามึนไปซักพักใหญ่ๆ ผมพยายามตั้งสติก่นจะกวาดมองรอบๆห้องที่ผมอยู่
ห้องน้ำ
ไม่ใช่ห้องน้ำปกติที่อยูในบ้านแต่เป็นห้องน้ำที่อยู่ไม่ในห้างก็ปั๊มน้ำมัน ผมเดาจากการที่มันเป็นบานพลาสติกแถมมีช่องข้างล่างให้มองเห็น
ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่าเพราะมันร้อนจนผมหายใจไม่ออกนั่นแหละ
เสียงฝีเท้าเหมือนกับกำลังวิ่งมาทางผม ทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจตาม ราวกับว่าถ้าผมไม่หายใจอีกคนน่าจะหาไม่เจอ
ผมเห็นรองเท้ากีฬาสำหรับวิ่งยี่ห้อดังสะท้อนออกมาจากใต้ช่องของห้องน้ำ ก็นะ ผมนอนอยู่กับพื้นห้องน้ำอยู่เลยตอนนี้
ปัง
เสียงเปิดประตูไม่ได้เบาแรงนักของเจ้าของรองเท้าทำเอาผมเผลอสะดุ้งไปด้วย พร้อมกับใจที่เต้นจนจะทะลุออกมาจากอกผมแล้ว มือทั้งสองข้างผมยกมาปิดปากไว้ไม่ให้ส่งเสียงตกใจ
สายตาผมมองตามรองเท้าคู่นั้นที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ตายแน่ๆผมตายแน่ๆ
ปัง
“เฮ้ยคุณ เป็นอะไรรึป่าว” สีหน้าตกใจบวกกับร้อนรนหน่อยๆของอีกคนทำเอาผมโล่งใจไปด้วย
แต่ก็ไม่ได้ไว้ใจไปซะทีเดียวหรอกนะ
“ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“อย่าถามผมเลยผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” เขาตอบผมก่อนจะขออนุญาตสำรวจร่างกายผม ทั้งผมและเขาต่างแต่งตัวเหมือนกับมาเที่ยว
แถมยังใส่เสื้อคู่อีกแหนะ
"ผมว่าเราสองคนออกจากตรงนี้ก่อนมั้ยครับ" โอเคผมเห็นด้วย
ให้ตายสิ มันเกิดอะไรขึ้นกันผมถามใครได้บ้าง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in