ธนภพ side
ปวดหัว
ผมเคยปวดหัวมาหลายรูปแบบ แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันเหมือนกับผมถูกทำให้ปวดหัวซะมากกว่า
เหมือนกับใครบางคนตีเข้าที่ท้ายทอยผม
“อืม” ผมขบกรามตัวเองแน่นเมื่ยังรู้สึกเจ็บหนืดที่ท้ายทอย ผมไม่สามารถลืมตาได้ในทันทีแต่รู้สึกได้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว ฟังจากเสียงเคลื่อนไหวของใครที่ใกล้เข้ามา
ดูร้อนรน
“คุณ”
“คุณไหวมั้ย” แรงไม่มากนักสะกิดผมให้รีบได้สติแล้วลืมตาได้ซักที ผมก็ไม่ได้อยากที่จะหลับตาอยู่แบบนี้หรอกนะ
ดวงหน้าขาวขมวดคิ้วจนแทบผูกโบวได้ หยาดเหงื่อจากตัวเขาทำให้ผมคิดว่าเขาน่าจะฟื้นก่อนผมนานแล้ว ผมละสายตาจากเขาหันไปมองรอบข้าง ผมอยู่ที่ไหน
ห้องที่ดูตกแต่งหรูหราเกินกว่าจะเป็นบ้านของผมเอง เพดานที่ยกสูงจน เพดานที่ถูกแต่งแต้มด้วยลวดลายแปลกตา ผนังด้านของเป็นไม้ที่ดูราคาสูงไม่น้อย
มันดูใหญ่มากจนเหมือนกับพวกผมอยู่ในคฤหาสน์
“คุณ” เสียงคนข้างตัวผมเรียกอีกครั้งทำให้ผมต้องหันความสนใจมาเป็นเขาอีกรอบ
ผู้ชาย โอเมก้าด้วย
ทำไมผมถึงรู้ว่าอีกคนเป็นโอเมก้าก็เพราะกลิ่นฟีโรโมนจางๆจากตัวอีกคน มันทำให้เขาเผลอกำหมัดแน่น
ผมเป็นอัลฟ่า และเขากำลังฮีท
นั้นหมายความว่าพวกเราไม่ควรอยู่ด้วยกัน
“เราอยู่ที่ไหนกัน” คนตรงหน้าผมส่ายหน้าให้แทนคำตอบเหมือนเขาเองก็ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้
“คุณฟื้นมานานเท่าไหร่แล้ว”
“ยี่สิบนาทีได้แล้ว คือผมเดินไปไหนไม่ได้มาก” เขาชี้ให้ผมดูโซ่ที่ผูกไว้กับข้อเท้าของเขา รอยแดงรอบๆข้อเท้าพอจะบอกได้ว่าเขาพยายามดึงมันออกมาแค่ไหน
ผมเผลอสำรวจเขาโดยไม่ให้อีกคนรู้สึกไม่ดี เขาอยู่ในชุดเอี๊ยมขาสั้นสีเข้มกับเสื้อเชิ้ตแขนสั้นที่ดูใหญ่กว่าตัว
สั้นจนเกินไป
ถ้าในสถานการณ์ปกติเขาคงจะบอกว่าเขาน่ารักไม่น้อย แต่ตอนนี้มันไม่ใข่ ทำไมผมถึงมาอยู่ตรงนี้กับเขา แล้วทำไมถึงต้องเป็นที่นี่ เขาโดนล่ามไว้ทำไม
ผมไม่เข้าใจ
“คือผมกำลังฮีท” อีกคนพูดขึ้นมาขัดจังหวะความคิดผม ซึ่งผมคิดว่ามันดีมากๆ ถ้าหากเขาไม่พูดผมคงมัวแต่คิดอะไรไปเอง
“ผมจะไปหายามาให้”
“ขอบคุณครับ” ผมพยุงตัวเองออกมาทั้งๆที่ยังปวดหนืดที่ท้ายทอยไม่หาย ผมต้องช่วยอีกคนก่อน อย่างน้อยถ้าเขาดีขึ้นเราอาจจะช่วยกันได้มากกว่านี้
จักริน side
ผมอยู่ในช่วงวัยเรียน
นั่นหมายว่าถ้าผมถูกขังอยู่ในโรงเรียนผมคงหาทางออกมาได้ง่ายๆเลยล่ะ ผมมั่นใจว่าเป็นแบบนั้น
“คุณ ได้ยินผมมั้ยเนี่ย” ผมตะโกนผ่านวิทยุสื่อสารเพื่อฟังเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย
/ได้ยินสิ นายเลิกตะโกนทุกสองนาทีซักทีเถอะ/ อีกฝ่ายตะโกนว่าผมผ่านเข้ามา ผมได้แต่กลอกตามองเพดาน พ่นลมหายใจรอบที่ล้านให้ห้องบ้าๆนี่
ผมถูกขัง
ใช่ ถูกขังจริงๆ
ดูสภาพแล้วมันน่าจะเป็นห้องเรียนแน่ๆ ถึงผมจะไม่ได้เรียนที่นี่ก็เถอะแต่จากการที่เดินสำรวจมา ไม่หรอก จริงๆแค่มองมาเจอโต๊ะกับเก้าอี้บวกกับกระดานหน้าห้องก็คงจะเป็นแบบนั้น
ห้องเรียนที่ผมออกไปไหนไม่ได้
ซวยชิบหาย
อย่าถามว่าผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ถูกจ้างซักล้านผมก็คงไม่อยากมาติดแหง๊กแบบนี้ แถมยังต้องมาตอบคำถามให้ใครไม่รู้ที่อยู่ด้านนอกให้ช่วยหากุญแจให้เขา
ผมมองกระดาษที่ตัวผมวาดไว้คร่าวๆว่าอีกคนน่าจะอยู่ตรงไหนแล้วผมอยู่ตรงไหน
จากที่คุยกันมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ที่นี่น่าจะมีอยู่สี่ชั้น ผมน่าจะอยู่ชั้นสี่ส่วนเขาคนนั้นน่าจะอยู่ชั้นสองแล้วจากที่ตอนแรกอยู่ชั้นหนึ่ง แต่ละชั้นจะมีห้องประมาณสิบห้อง ไม่นับห้องใต้บันไดกับห้องใหญ่ รวมไปถึงทางเชื่อมไปตึกอีกฝั่ง
ผมรู้ยังไงทั้งที่ไม่ได้ออกไปหน่ะหรอก็มองจากหน้าต่างที่พันโซ่ไว้ไง
โคตรแย่
กลัวผมออกไปได้รึไงละ
เสียเวลามากๆที่จะต้องให้อีกคนเข้าไปหาที่ละห้องแถมทีละชั้น ผมเลยต้องพยายามหาอะไรก็ได้ที่พอจะเป็นคำใบ้ว่ากุญแจมันอยู่ที่ไหน
/คุณ/ อีกฝ่ายเรียกผม ก่อนจะพูดอะไรตามมาแต่ผมได้ยินไม่ค่อยชัดเลย
“คุณได้ยินผมมั้ย”
/….../ เงียบไม่ได้ยินอะไรเลย ผมถึงกับต้องมองที่หน้าจอไอวิทยุสื่อสาร
อ่ะ แบตขีดเดียวกระพริบอยู่
คงหมายความว่าอีกคนน่าจะหมดไปแล้ว
ยังดีที่เป็นแบบเสียบชารืจ นั่นหมายถึงว่าพวกผมต้องหยุดสื่อสารกันซักพักจนกว่าแบตจะเต็ม ผมเลยจัดการชาร์จของตัวเองไว้บ้าง เหลือบมองไปที่ท้องฟ้าข้างนอกกำลังเป็นสีส้ม
ใกล้มืดแล้ว หวังว่าอีกคนคงไม่เป็นอะไรนะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in