เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#nutsวันช็อทyour name
os : haunted house #junhwan




  •                 “เฮ้! ฉันพูดความจริงนะ นายไม่เชื่อก็อย่ามาหัวเราะแบบนั้นดิ!”


                    เสียงลูกแมวหงุดหงิดร้องลั่นออกมาด้วยใบหน้าบึ้งตึงหลังจากที่เห็นผมหัวเราะด้วยความตลกขบขัน


                    และใช่ ความตลกขบขันของผมก็มาจากเรื่องเล่าของเขานั่นล่ะ



                    “ผีไม่มีในโลกสักหน่อย”                         


                     

                    ผมว่าแล้วยกแก้วอเมริกาโน่ขึ้นมาดูดจนได้ยินเสียงอากาศแทรกตัวอยู่ตามก้อนน้ำแข็ง



                    อ่า...หมดแล้วสินะ




                    “จุนเน่! อย่าเอาน้ำของฉันไปดื่มแบบนั้นซี่!”



                    เสียงใสแว้ดอีกครั้งพลางยื่นแขนสั้นป้อมมาตีแขนของผมที่กำลังดูดโกโก้จากแก้วที่เขาเป็นเจ้าของ เมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมคืนให้เลยทิ้งตัวลงกับเก้าอี้อย่างแรงแล้วกอดอกเหมือนลูกแมวขี้งอน



                    “แค่นี้เอง ทำหวงไปได้”


                    จิ้มนิ้วลงบนหน้าผากมน ใบหูของผมได้ยินเสียงจิ๊ปากอย่างขัดใจจนอดไม่ได้ที่จะดึงแก้มย้วยๆนั่นสนองความมันเขี้ยวของตัวเอง




                    “เดี๋ยวคืนนี้จะไปฟังเสียงผีด้วยกันก็ได้”



                    สิ้นเสียงประกาศิตของผม เจ้าตัวเล็กที่นั่งยู่ปากราวกับลูกแมวถูกสั่งให้ลดปริมาณอาหารก็กลับมาส่งสายตาวิบวับอย่างตื่นเต้นทันที



                    เห็นประกายความหวังแบบนั้นแล้ว...ผมเองก็พลอยยิ้มตามไปด้วย;)



                    “คนที่อยู่ข้างห้องฉัน พวกเขาชื่อกู จุนฮเวกับคิม จินฮวาน


                    “ยังเป็นนักศึกษามหา’ลัยกันอยู่เลย”


                    “อยู่กันได้ยังไงผีดุอย่างกับอะไรดี”


                    “จุนเน่! หรือจริงๆ แล้วฉันควรย้ายคอนโดดี ?”


                    “แล้วฉันควรไปบอกพวกเขาด้วยมั้ยว่าห้องของเขามีผี”


                    ความเรียงยาวยืดถูกเปล่งออกมาจากคนตัวเล็กตลอดการเดินทางกลับไปยังคอนโด              ปากน้อยๆ จ้อเล่าเรื่องที่ตัวเองได้เจอเกือบหนึ่งเดือนอย่างไม่จบไม่สิ้น



                    ผมเองก็ได้แต่เดินตามและเป็นผู้ฟังที่ดี จะทำอะไรได้ เกิดผมขัดเขาอีกครั้งมีหวังโดนฟาดด้วยมือน้อยๆ นั้นแน่



                    “ไปกันใหญ่แล้วจีนาน คงไม่ถึงขั้นต้องย้ายคอนโดหรอกน่า”



                    ดวงตากลมโตหันมาค้อนใส่ผมทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น แต่ก็เพียงแค่ค้อนใส่เท่านั้นล่ะ เขาใช้วิธีการเมินคำแสดงความคิดเห็นของผมแล้วจ้ำอ้าวมุ่งหน้าไปยังคอนโดแทน



                    อยู่ก็ตั้งม.5 ทำไมถึงได้เอาแต่ใจเป็นเด็กๆ ไปได้นะ...?






                    “แล้วนายได้ยินเสียงร้องทุกคืนเลยเหรอ ?”



                    เมื่อเห็นว่าเขายังเงียบไม่ยอมปริปากเล่า ผมเลยจำต้องชวนเขาคุยเพื่อลบล้างความเงียบระหว่างสองเราได้ 


                    และดูเหมือนเขาจะสนใจในสิ่งที่ผมได้เอ่ยถามด้วยสิ




                    “ไม่ทุกคืนหรอก ฉันได้ยินมันแค่บางคืนเอง ประมาณ...สัปดาห์ละสามสี่คืนมั้ง”




                    ผมพยักหน้าอย่างรับรู้ในสิ่งที่เขาอธิบาย แอบคิดในใจคนเดียวว่าผีที่คนตัวเล็กเล่ามานี่ก็ใจดีอยู่เหมือนกัน อย่างน้อยก็ไม่ได้หลอกกันทุกคืน



                    แต่ผมก็...ยังไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าผีมันมีอยู่บนโลกใบนี้



                    อันที่จริงแล้ว, จีนานอาจจะฝันหรือหูหลอนไปเองก็เป็นได้นี่...





                    พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนเราทั้งคู่เดินกันถึงคอนโดต้นเหตุที่เขาเอาแต่เล่าว่ามีผีสิงห์อยู่แทบทุกคืน บรรยากาศภายในห้องของเจ้าตัวน่าอยู่มาก เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งห้องสวยงามจนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคอนโดนี้มันเฮี้ยนอย่างที่เจ้าของห้องเล่า



                    “ห้องก็ดูเก็บเสียงดีนะ”



                    “ฉันก็คิดว่ามันเก็บเสียงเหมือนนายแหละ จนเริ่มได้ยินเสียงแปลกๆ เมื่อเดือนที่แล้วนี่ล่ะ”




                    เขาว่าแล้วตรงดิ่งไปวางกระเป๋าเรียนบนโต๊ะเขียนการบ้าน ผมเดินไปยังระเบียงห้องที่เห็นแสงตะวันสีส้มอมแดงด้วยความตื่นเต้น ลมเย็นๆ ที่พัดผ่านใบหน้าผมช่างสดชื่นดีเหลือเกิน



                    จะมีผีอยู่จริงมั้ยนะ




                    เมื่อแสงตะวันลับขอบฟ้าและแทนที่ด้วยดวงจันทร์สีนวล ปฏิกิริยาและอาการของคนตัวเล็กก็เริ่มเปลี่ยนเรื่อยๆ จากที่สดใสคุยจ้อและเถียงกับผมแทบทุกเรื่องก็ดูกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก



                    ให้ตายนี่กลัวถึงขนาดนั้นเลยหรือไง ?




                    “ตั้งใจทำการบ้านดิ ไม่งั้นฉันจะไม่ยอมอยู่ฟังเสียงผีกับนายแน่จีนาน!”



                    “รู้แล้วน่า ฉันก็ตั้งใจทำอยู่นี่ไง”



                    มือก็บรรจงเขียนตัวอักษรหวัดๆ แต่สายตากลับวอกแวกไปมาไม่หลงเหลือสติกับตัวเลยสักนิดผมเองที่ไม่ได้รู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อยก็ทำได้เพียงแต่งุนงงกับอาการของอีกฝ่าย


                    นี่มันปกติแทบทุกอย่าง...


                    และปกติเอามากๆ ด้วย!




                    “เสร็จแล้ว!”



                    เสียงใสร้องลั่นพร้อมวางปากกาลงกับโต๊ะเขียนการบ้าน ลุกขึ้นยืนแล้วดึงแขนของผมให้เดินตามไปยังห้องนอนของตัวเอง



                    และแน่นอน เจ้าตัวเบียดกับผมจนแทบจะรวมร่างกันได้



                    “ถ้าจะเบียดขนาดนี้นั่งตักฉันเลยดีมั้ย ?”




                    “อย่ามาตลก ฉันซีเรียสอยู่”




                    เขาว่าแล้วพิงหน้ากับผนังห้องรอฟังเสียงการเคลื่อนไหวของห้องข้างๆ



                    อืม เขาบังคับให้ผมทำตามอย่างที่เขาทำ






                    “ได้ยินใช่มั้ย ?”




                    เขาถามด้วยความตื่นเต้นเมื่อเริ่มปรากฏเสียงการเคลื่อนไหวตามที่ใจหวัง ผมทำเพียงพยักหน้าไม่ตอบโต้อะไรออกไป ยอมรับว่าได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวนั่นจริง แต่ก็เพียงแค่เสียงการพูดคุยที่ได้ยินแผ่วเบาเพียงเท่านั้นล่ะน่า



                    และอาจจะเป็นเสียงพูดคุยของเจ้าของห้องด้วยสิ




                    “จีนาน...ไม่เห็นมีเสียงอะไรเลย”




                    “เดี๋ยวก่อนดิจุนเน่ นี่ไง...ห้าทุ่มครึ่งแล้ว”


                    ผมมองเข็มนาฬิกาที่บอกเวลา 11:34 PM ด้วยความง่วงซึม ผมไม่ใช่คนนอนไวหรอก ถ้าอยู่ห้องของผมเองตอนนี้คงกำลังเมามันส์กับเกมส์อยู่กับพวกชานอูและดงฮยอกแน่



                    แต่เมื่อต้องมาล่าท้าผีกับลูกแมวขี้น้อยใจแล้วมันน่าเบื่อและง่วงนอนชะมัด




                    “จุนเน่ๆๆ ได้ยินแล้ว ผีมาแล้ว”




                    ใบหน้าตื่นตูมของเขานี่ช่างเล่นใหญ่ราวกับนักแสดงรางวัลออสการ์ เมื่อเห็นดังนั้นผมเลยใจจดใจจ่อกับเสียงของข้างห้องมากกว่าเดิม




                    อยากจะรู้แทบตายว่ามันเป็นเสียงผีจริงหรือ?





                    ‘อ๊า!’



                    หืม...เดี๋ยวก่อนนะ



                    “ได้ยินมั้ย เชื่อฉันแล้วยัง”



                    ‘อึก...ฮื่อ’



                    “ผีเริ่มร้องแล้ว”



                    ‘อ๊ะอ๊า...’



                    เอ่อ...ผมว่าเสียงมันแปลกๆ อยู่นะ




                    “จีนาน...นายแน่ใจเหรอว่าที่เราได้ยินมันเป็นเสียงของผีจริง ?”






                    สาบานเลยว่าที่ถามไปไม่ได้ตั้งใจจะกวนเขาเลย พยายามฟังอยู่หลายนาทีแล้ว แต่เสียงที่ได้ยินนี่มัน...ไม่น่าใช่เสียงผีร้องหรอก เสียงมันคลับคล้ายคลับคลากับหนังที่มีเสียงร้องที่วัยรุ่นอย่างพวกผมชอบดูมากกว่า



                    คือผมเอง...ก็ดูมาหลายเรื่องแล้ว เสียงเป็นแบบที่ได้ยินอยู่ตอนนี้เลยล่ะ...




                    “แน่ใจสิ บางคืนได้ยินเสียงกระทบผนังห้องเราด้วย”




                    คนที่ชื่อจุนฮเวกับจินฮวานท่าทางจะทำหนักเอาเรื่องแฮะ...





                    ‘อ๊า เบาหน่อย’




                    “ผีต้องโดนรังแกแน่เลยจุนเน่”




                    เจ้าตัวป่วนยังคงไม่สะทกสะท้านกับเสียงที่ได้ยินให้ตาย นี่อย่ามาบอกกันนะว่าไม่เคยได้ยินหรือไม่เคยได้ดูหนังพวกนั้นน่ะ




                    ใสซื่อไปแล้ว





                    “ไม่ใช่ผีหรอกน่า”




                    ผมเอ่ยปากด้วยความมั่นใจหลังจากที่นั่งฟังจนแน่ใจว่ามันต้องไม่ใช่เสียงผีแน่นอน




                    พระผู้เป็นเจ้าช่วยให้เพื่อนคนนี้เชื่อผมด้วยเถิด



                    เพราะตอนนี้ ร่างกายผมปวดหนึบจนแทบทนไม่ไหวแล้ว...




                    “จะไม่ใช่ได้ยังไง นายก็ได้ยินเสียงผีร้องแล้วนี่”



                    ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนดื้อดึงอย่างจีนานจะเปลี่ยนความคิดเมื่อปักใจเชื่ออะไรบางอย่างไปแล้ว ผมทำได้เพียงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถอนหายใจออกด้วยความต้องการสงบสติอารมณ์




                    หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเสิร์ชหนังที่มีเสียงมาเปิดแล้วยื่นให้คนตัวเล็ก




                    “นายจะบ้าเหรอจุนเน่! ฉันไม่ดูหรอกและไม่เคยคิดจะดูด้วย”



                    นั่นไง เดาผิดซะที่ไหนกัน



                    “เถอะน่า แค่ฟังก็ได้”



                    “...”



                    “ตอบแทนที่ฉันมาฟังเสียงผีเป็นเพื่อนไง”



                    ตะล่อมอยู่นานจนกว่าคนตัวเล็กจะเชื่ออีกฝ่ายหยิบหูฟังมาเสียบแล้วกดเล่นวิดีพวกนั้น ใบหน้าอึ้งๆ กับพวงแก้มแดงปลั่งนี่มันช่าง...


                    จุนเน่น้อย...ใจเย็นไว้




                    “เป็นไง”



                    “เอ่อคือ...”




                    มือที่บีบไปมากับฟันที่ขบกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความเขินอายนี่แอ็ทแท็คหัวใจของผมเหลือเกิน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไอ้เตี้ยที่ผมทะเลาะด้วยทุกวันจะน่ารักและน่ารังแกมากขนาดนี้




                    “เสียงมันเหมือนผีของนายหรือเปล่า?”



                    “อืมฉันคิดว่า...มันอาจจะไม่ใช่เสียงผีหลอกก็ได้”

                   

                   




    TALK ; ขอบคุณที่ยังอ่านฟิคเรากันนะคะ <3 #nutsวันช็อท

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in