สายฝนโปรยปรายลงมาเป็นม่าน นักร้องหนุ่มยืนหลบฝนอยู่ใต้ชายคาของร้านอาหารใจกลางกรุง ดวงตาสีหม่นแสงทอดมองยังแผ่นหลังของชายร่างสันทัดที่กำลังเดินกลับไปขึ้นรถ ในมือของเขามีร่มคันใหญ่
ใครคนนั้นก้าวขาไป..
ห่างออกไปเรื่อย ๆ
"พี่เอ๊ะ!"
เจ้าของเสียงใสตัดสินใจตะโกนเรียก ใครคนนั้นจึงชะงักฝีเท้าแต่ไม่ได้หมุนตัวกลับมามอง ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นราวกับรูปปั้นปูน จะมีก็แต่ใบหน้าที่เบือนมาเพียงเสี้ยว
อิศราวิ่งฝ่าสายฝนออกไปอย่างไม่กลัวเปียก ทุกย่างก้าวที่รองเท้าผ้าใบสีสวยกระแทกย่ำลงบนแอ่งน้ำ ละอองฝนซึ่งขังตัวอยู่ก็สาดกระเซ็นขึ้นมา ทำเอารองเท้าคู่แพงของเขาเปรอะเปื้อนหมดสภาพ ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า ยืนหอบหายใจอยู่ใต้ชายคาของร่มคันใหญ่ ดวงตากลมใต้กรอบแว่นช้อนขึ้นมองอีกคนพลางเม้มริมฝีปาก
"ทอม.." เสียงใสชะงักก่อนกลืนคำกลับลงคอ เขาไม่รู้จะพูดอะไรด้วยซ้ำ ไอ้คำว่า 'ขอโทษ' ก็พร่ำพูดไปไม่รู้กี่รอบ ถ้ามันจะได้ผลก็คงไม่ใช่คืนที่ฟ้าหม่นแบบนี้
"ทอมเลิกกับพี่เขาแล้วจริง ๆ นะ ไม่ได้มีอะไรกันแล้ว เลิกติดต่อกันไปแล้วด้วย" คนตัวเล็กร่างกายสั่นเทิ้ม มือขาวกำแน่น เขาอยากจะชกหน้าตัวเอง แต่ใจก็ไม่กล้าพอ
ไม่กล้าเท่ากับการยอมรับความจริงว่าตัวเองเคยทำผิดกับอีกฝ่ายมากแค่ไหน
'ไม่กี่ปีทอมก็กลับมาแล้ว'
คำสัญญาที่ให้ไว้ด้วยเสียงของตัวเองยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท
แต่เขาผิดเอง ผิดที่ไม่รักษาสัญญา ไม่อยากจะโทษฮอร์โมนวัยรุ่น ไม่อยากจะโทษอารมณ์ชั่ววูบ เขาผิดจริง ๆ นั่นแหละ.. ผิดที่ระเริงกับแสงสีในลอสแองเจลิส ผิดที่ปล่อยตัวเองให้หลงใหลไปกับรสจูบและสัมผัสที่คนที่นั่นมอบให้ ผิดที่เผลอใจ
..และไม่ยอมกลับมาตามคำสัญญาที่ให้กับคนที่นี่เอาไว้สักที
เพราะคิดถึงจูบหวาน ๆ เพราะคิดถึงอ้อมกอดอุ่น ๆ อิศราจึงเริ่มเข้าหาคนอื่นและปล่อยให้คนอื่นเข้ามา หลงผิดคิดว่ามันจะทดแทนกันได้ กว่าจะผ่านช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต กว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่ กว่าจะรู้ว่ามันแทนกันไม่ได้ และแท้จริงหัวใจของเขาเพรียกร้องหาใคร
เขาก็ขยี้หัวใจของคน ๆ นั้นให้แหลกสลายจนไม่เหลือชิ้นดีไปเสียแล้ว..
แล้วยังจะมาหน้าด้านขอให้พี่เอ๊ะยกโทษให้อีก
คิดแล้วก็สะอื้นออกมาอย่างไม่อาย
หยาดน้ำตาหลั่งไหลออกมาปะปนกับหยาดน้ำฝนที่เปียกปอนอยู่ใบหน้าสวย แต่มันคงปกปิดกันไม่ได้ รอบดวงตาของเขาร้อนผ่าว และตาก็คงจะแดงก่ำ
"คำพูดของทอม.. พี่ยังเชื่อได้อีกเหรอ?" จิรากรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและเย็นชายิ่งกว่าสายฝน หลายครั้งเวลาที่ฝนตกหนัก ยามที่เม็ดฝนทิ้งลงมากระทบผิด มันอาจจะรู้สึกเจ็บไปบ้าง แต่คำพูดนั่น เจ็บยิ่งกว่า "พี่เข็ดตั้งแต่คำว่า 'ไม่กี่ปี' ของทอมแล้วล่ะ"
"พี่เอ๊ะ.."
ร่างสันทัดส่ายหน้าเบา ๆ และหันหลังเตรียมจะเดินจากไป ทว่าข้อมือของเขาก็ถูกมือบางคว้าหมับและดึงรั้งเข้ามาหาตัว
พอแล้ว..
คราวนี้จะไม่ปล่อยให้เดินหนีไปอีกแล้ว
อิศราเม้มริมฝีปาก ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหาและทาบมันลงกับกลีบปากแห้งของคนที่ไม่คิดจะขัดขืน ไม่มีแม้วี่แววของความประหลาดใจ
โหดร้ายชะมัด.. เพราะว่าฝนตกลงมางั้นหรือ? เพราะว่าปากของเขามีหยดน้ำฝนเกาะงั้นหรือ? ทำไม ยามที่ริมฝีปากทั้งสองแนบเข้าหากันมันถึงเหน็บหนาวเหลือเกิน
หรือมันเป็นเพราะ.. ความอบอุ่นในกายของจิรากรได้แห้งเหือดไปจนหมดสิ้นแล้ว
หรือนี่จะเป็นสัญญาณ.. ว่าจูบหวาน ๆ ที่เขาโหยหา.. อิศราไม่มีโอกาสได้รับมันอีกแล้ว
ริมฝีปากของคนทั้งสองสัมผัสกันอยู่เนิ่นนาน หากแต่มันกลับเป็นการจูบที่ไร้อารมณ์ ไร้รสชาติ ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวอุ่นไอของความรู้สึกใด ๆ ไม่ว่าจะหลับตาลงและพยายามนึกจินตนาการ พยายามควานหา มันก็ไม่มี.. ไม่มีอีกแล้ว
มีเพียงเสียงสะอื้นที่ดังแว่วมาจากหัวใจของใครบางคน.. หรือไม่ก็อาจจะทั้งสองคน
คงถึงเวลาที่ต้องรับความจริง อิศราทอดถอนริมฝีปากออกอย่างยอมจำนน เพราะเขารู้ดี ต่อให้จูบกันนานกว่านี้ หรือนานเป็นชาติ มันก็คงไม่มีความอบอุ่นที่เขาต้องการ
เรียวขาพาร่างกายก้าวถอยออกมาจากความสิ้นหวัง มือบางยกขึ้นลูบต้นแขนและกอดตัวเองหวังจะได้รับความอบอุ่น
"เก่งนะ" เสียงทุ้มสากพึมพำขึ้นแผ่วเบา "ตั้งแต่ทิ้งพี่ไปอยู่ที่นู่นก็จูบเก่งขึ้นเยอะเลย"
มันคือคำชมที่แฝงกายอยู่ในคำแดกดันอย่างไม่ต้องสงสัย
"พี่จะลืมว่าทอมทำอะไรกับพี่เอาไว้ พี่จะยกโทษให้ทอมก็ได้.. แต่เราจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิม ถ้าทอมอยากเริ่มต้นกับพี่ใหม่.. ก็พยายามเอาหน่อยแล้วกัน"
จิรากรทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้นและเดินจากออกมา
สายฝนที่เหมือนจะหยุดไปชั่วขณะโปรยลงมาใส่ร่างของเขาอีกครั้งเมื่อร่มคันใหญ่หายลับจากไป อิศราได้แต่กอดตัวเอง และเงยหน้ามองฟ้า ปล่อยน้ำฝนหยดลงบนใบหน้าเพื่อชำระล้างความร้อนผ่าวรอบดวงตา ชำระหยาดน้ำตาให้เกลี้ยงไป แม้จะรู้อยู่แก่ใจ..
ฝนคงหยุดตก ก่อนที่เขาจะหยุดร้องไห้อยู่ดี..
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in