เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
seeviesshootingstars
Malila มะลิลา : The Farewell Flower
  • *ตัวอย่างภาพยนตร์*

     
          เราได้ยินชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้มานานพอสมควรว่าได้มีการล่ารางวัลดีๆมาได้มากมาย ทั้งรางวัล Face Of Asia Award ที่เวียร์คว้ามาได้ และ Best Director ที่คุณนุชี่ อนุชา บุญยวรรธนะ ได้รับมาจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติสิงคโปร์ เป็นต้นนะคะ เพราะเรื่องนี้เขาได้รับรางวัลเยอะเลย


         ตอนแรกก็ลุ้นอยู่เหมือนกัน เพราะว่าเราอยู่ต่างจังหวัด กลัวมะลิลาจะไม่เข้าโรงภาพยนตร์ แต่ขอบคุณ Major Cineplex สำหรับรอบฉายวันละ 2 รอบ และ SF Cinema สำหรับรอบฉาย 1 รอบต่อวันค่ะ ในเมื่อรอบฉายเยอะแยะขนาดนี้ ตอนเกือบเที่ยงวันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ ใครเห็นเราวิ่งกระหืดกระหอบที่เซนทรัลอุบลฯ นั่นก็คือ เรากำลังทำเพื่อพี่เวียร์ และพี่โออยู่ค่ะ


         เรื่องย่อ : มะลิลา เป็นหนังที่บอกเล่าถึงความรักความอาลัยของผู้ที่จากไป เรื่องราวของ เชน (เวียร์ ศุกลวัฒน์) เจ้าของสวนมะลิผู้มีอดีตอันเจ็บปวด และ "พิช" (โอ อนุชิต)ศิลปินนักทำบายศรี อดีตคนรักของเชนในวัยเด็กที่กลับมาพบกันอีกครั้ง ทั้งคู่พยายามเยียวยาบาดแผลในอดีตและรื้อฟื้นความสัมพันธ์ผ่านการทำบายศรีอันงดงาม - (เรื่องย่อตาม Major Cineplex นะคะ เพื่อความไม่สปอยล์)
         
         ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่ามะลิลาไม่ใช่หนังสำหรับใครที่เข้าไปดูเพราะประเด็น LGBTQ+ นะคะ เพราะหนังไม่ได้มุ่งไปที่ประเด็นนี้หนักเท่าศาสนาเลยด้วยซ้ำ และไม่มีการขยี้ว่าการเป็นชายรักชายนั้นผิดบาป ไม่มีค่ะ เราเลยชอบมากๆ เพราะเชนกับพิช เป็นแค่คนสองคนที่มีความรู้สึกดีๆต่อกัน รักกัน มันก็เท่านั้น มันเป็นเรื่องธรรมดาๆที่ควรจะเป็น แต่สังคมกลับเคยชินในการ Blame ความรักของเพศเดียวกันว่ามันผิด และถ่ายทอดออกมาในหนังในละครอยู่เนืองๆ แต่ในมะลิลาไม่ใช่เลยค่ะ ขอบคุณความขัดเกลาในประเด็นนี้ของคุณนุชี่ด้วย เชนกับพิชเลยออกมาดูสมจริง ดูเป็นแค่คนธรรมดาๆที่มีอารมณ์ มีความรัก 
       

         เวียร์ ศุกลวัฒน์
         การแสดงของ เวียร์ ศุกลวัฒน์ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุด เราเห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ เวียร์ทำให้หนังเรื่องนี้ดำเนินไปด้วยความสมบูรณ์แบบ สเน่ห์แบบที่หาตัวจับยาก สายตาที่สื่อออกมามันทำให้เราเข้าใจในอารมณ์ของตัวละครเชนที่เขาได้รับบทบาทได้จริงๆ และเชนก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่หัวใจต้องการการเยียวยารักษาจากบาดแผลที่ไม่มีวันลบได้
       

         โอ อนุชิต
         ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ เราชอบการแสดงของโอในเรื่องนี้มาก ถึงแม้ว่าโอจะรับบทชายรักชายมาหลายเรื่อง แต่การแสดงของโอก็เหมือนสร้างสถิติใหม่ให้ตัวเองไปเรื่อยๆ ในเรื่องพิชป่วยร้ายแรง และทำบายศรีเยียวยาจิตใจ ต้องบอกว่าโอเล่นได้พอดีมาก สายตา ท่าทาง ทุกครั้งที่พิชมองเชน มันให้ความรู้สึกเหมือนเรามีความสุขที่ได้สิ่งที่รักกลับคืนมา แม้เราจะรู้อยู่เต็มอกว่ามันจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม
        

         ในส่วนของการกำกับและเขียนบท เราขอชื่นชมจากใจจริงเลยค่ะ เพราะตัวหนังนั้นวิจิตร ละเอียด และเมียดละไมมาก อีกทั้งความสมดุลของบทพูดของตัวละคร เราชอบบทพูดทุกคำเลยจริงๆ ด้วยความที่หนังเงียบมาก ซาวด์จะเป็น Natural Sound เสียมากกว่า เราเลยมีสมาธิในการโฟกัสคำพูดของตัวละคร การกำกับภาพอยู่ใน Mood & tone เขียวหม่นๆตามสีของธรรมชาติ เพราะซีนส่วนใหญ่เกือบ 90% ถ่ายในหน้าฝน เลยได้ความหม่นมามากหน่อย และมันทำให้หนังดูเป็นงานศิลปะมากกว่าภาพยนตร์เสียอีก

         ส่วนใครที่หวังฉากอัศจรรย์ บอกตรงนี้เลยค่ะว่ามี และสมจริงจนเราแอบจิกเท้าเลยแหละ แต่ไม่ได้มากจนล้น มันให้ความรู้สึกว่านี่แหละคือการเมคเลิฟจริงๆ ออกจะงดงามเป็นศิลปะ ความเป็นคน ความต้องการของกายหยาบทั้งเชนและพิช

         หนังเปรียบการทำบายศรีเหมือนกับชีวิตของมนุษย์ การทำบายศรีนั้นต้องอาศัยความตั้งใจ ละเมียดละไม และอ่อนโยน หากแต่พอเสร็จพิธีการที่ตั้งใจแล้ว ดอกไม้ในบายศรีนั้นก็ย่อมร่วงโรยในเวลาอันรวดเร็ว และสุดท้ายก็ต้องนำบายศรีที่เคยสวยสดเหล่านั้นไปลอยน้ำทิ้ง
     
         
         หนังเน้นประเด็นศาสนามากหน่อย การธุดงค์ในป่าช้า การเป็นพระป่าของเชน การฉันท์อาหารตามวิถีพระป่า การกำหนดจิต เพ่งอสุภะ กายหยาบย่อมมีวันร่วงโรยเหมือนกับบายศรี หนังทำให้เราคิดและใช้ความเงียบนำเสียมากกว่า 

         โดยรวมแล้วมะลิลาเป็นหนังย่อยยากอีกเรื่อง หลังจบแล้วเราต้องนั่งคิดไปเรื่อยๆ แต่ละซีนจะค่อยๆย้อนมาในหัวให้เราประมวลอีกที ซึ่งถามว่าเราเข้าใจทั้งหมดไหม ไม่แน่นอนค่ะ เรายังสามารถนอนคิดต่อไปได้อีกเรื่อยๆเลย
          

         *Warning : Spoil Alert*

         มะลิลาเป็นหนังสัจธรรม และเล่นกับจิตใจคนดูมากเลยทีเดียว ส่วนตัวเราเองก็มีแอบหลับตาหลายครั้งตอนฉากเพ่งอสุภะในป่าช้า ต้องยอมรับว่าศพมันเหมือนจริงมาก กล้องจะซูมอินเข้าไปและแช่ค้างไว้ ในส่วนของตัวเรานั้นไม่กล้าเพ่งตามพระเชนหรอกค่ะ พยายามอยู่เหมือนกัน แต่ความสมจริงของศพก็อดทำให้เราผวาไม่ได้


         ฉากที่ชอบมากอีกหนึ่งฉากในเรื่อง คือฉากนั่งคุยกันริมลำธารของพิชและเชน โดยที่เชนบอกพิชว่าเขาจะบวชให้พิช เพื่อผลบุญจะช่วยให้พิชหายพ้นจากโรคมะเร็ง กล้องถ่ายแค่ด้านหลัง แต่อารมณ์ของนักแสดงมันฟุ้งไปหมด เราชอบมากที่สุดตอนที่เชนถามพิชว่า 'ถ้าเราบวชเสร็จ พิชมาอยู่กับเรานะ' พิชพนักหน้าตอบ แล้วเอนหัวไปซบขาเชน เราชอบภาษากายค่ะ สำหรับเราซีนนี้มันสื่อว่า พิชยอม และรักเชนมากจริงๆ 


         หนังเรื่องนี้ควรค่าแก่การตีตั๋วเข้าชมนะคะ เหมือนได้นั่งชมผลงานศิลปะ มีสมาธิ ใช้สมอง พักผ่อนสายตาตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมงค่ะ เราไม่มีคะแนนให้ผลงานของใครนะคะ เพราะของแบบนี้ต้อง Take เองค่ะ ;)





    ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ
    - shootingstars 
    ด้วยรัก

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
♡♡♡♡♡