เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
จงมีใจที่แกร่งและหัวใจที่อ่อนโยนpanpanmeme
สันติวิธีของดร. มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์
  • ปกติ ก็เหนื่อยมาก เครียดมาก กับชีวิตอยู่เเล้วหน่ะนะ
    พอมาถึงตอนนี้ สถานการณ์มันทั้งวุ่นวาย ตรึงเครียด 
    ผ่านสถานการณ์ แวดล้อมสังคม หรือแม้แต่จิตใจของเราเอง ที่มันเริ่มกดดันและบีบบังคับให้ต้องเลือก ทำอะไรสักอย่าง — เราอยากมีส่วนร่วม ในการทำและเปลี่ยนแปลงบางอย่างด้วยแต่อุปกรณ์ในสังคมมันทำให้เราไม่สามารถร่วมมืดด้วยได้ เพราะเราไม่ได้เชื่อในวิธีการนั้น

    ‘จำเป็นต้องมีจุดยืน’
    จุดยืนในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการแสดงตัวตน เพื่อปรากฏอยู่ที่ใดที่หนึ่งในสถานการณ์ หากแต่เริ่มถามตัวเองว่า ‘เราในตอนนี้ เป็นยังไง เราคิดยังไง ต้องการอะไร อยากเห็นอะไรเกิดขึ้น — แล้วเราในตอนนี้ทำอะได้บ้าง?’

    • เราไม่ได้ยินยอมอยู่ภายใต้ความไม่ประชาธิปไตย
    เรายังปรารถนาที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลง


    ไม่อยากให้ใครต้องเจ็บปวด
    ไม่อยากเห็นการนองเลือด
    ขณะเดียวกันก็คาดหวัง
    อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
    อยากเห็นชีวิตที่ดีขึ้น


    • เราไม่เชื่อเรื่องการลงสนาม ไม่เชื่อเรื่องการไปม้อบ เราไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น แม้ว่าม้อบจะเกิดขึ้นอย่างสันติวิธีและสงบสุข แต่เราไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่า อีกฝ่ายจะสงบด้วย — ทุกคนล้วนเลือกในวิธีการของตัวเอง และต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอ ซึ่งมันไม่ผิด

    • มันจะผิดก็ต่อเมื่อ เราไม่ได้ทำตามที่ใจปรารถนาอย่างสัตย์ซื่อต่อตัวเอง มันจะผิดก็ต่อเมื่อสิ่งที่เราทำ มันกระทบคนอื่นจนถึงแก่ความเดือดร้อน — และเราเชื่อในสันติวิธี ซึ่งเราก็เลือกเรียนรู้ที่จะอยู่ในสันติวิธี



    คงยากที่จะบอกว่า ‘เรามาอย่างสันติ’
    แต่สันติดูจะเป็นหนทางของตอนนี้ 
    สำหรับทุกชีวิต ทุกหัวใจ 

    เมื่อเราตั้งคำถามว่า
    ถ้าเราขับไล่เขาไปได้ ไม่ว่าจะฝั่งไหน
    แล้วจะเป็นยังไงต่อไปล่ะ?
    จะทำยังไงกันต่อ?

    ซึ่งตัวเราก็ไม่ได้พบวิธี หรือทางออกให้กับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ นอกจากสันติวิธี (อย่างมีประชาธิปไตย)


    สันติวิธีมันเป็นเรื่องที่เห็นผลช้า
    แต่เราเชื่อว่า การเปลี่ยนที่ใจ 
    (ไม่ใช่แค่ใจเราแต่ใจเขาด้วย ; ซึ่งมันก็ต้องเริ่มที่เรา) 
    มันยั่งยืนกว่าการเปลี่ยนที่สถานการณ์

    มีสันติไม่ได้แปลว่าเรายอมแพ้
    แต่ตัวเราเองก็อยากเรียนรู้วิธีการที่จะต่อสู้อย่างสันติผ่านหนังสือเล่มนี้ด้วย

    และสิ่งสำคัญเราเชื่อในพระเจ้า
    ไม่ใช่ในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    แต่ในฐานะผู้ที่สร้างเราขึ้นด้วยความรัก
    พระเจ้าผู้รู้จักมนุษย์ทุกคน และรักทุกคน ไม่ว่าจะดีจะเลว มืดบอดแค่ไหน — และสันติวิธีคือวิธีการของพระเจ้า ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีต่อมนุษย์อย่างเรา ผู้ล้วนเป็นบุตรพระเจ้า

    และเราในตอนนี้ ก็ไม่ชอบ ‘บุคคล’ ที่ทุกคนไม่ชอบ เราเกลียดเหมือนที่ทุกคนเกลียด เรามีสิทธิ์ที่จะชอบหรือไม่ชอบอะไร แต่เราต้องถามตัวเองด้วยว่า ในขณะที่เราไม่พอใจในอะไรเลย เรามีส่วนที่จะทำให้มันดีขึ้นหรือยัง
    และเราขอลุกขึ้น เรียนรู้ที่จะสู้ด้วยสันติวิธี — ที่ผ่านมา เราเติบโตมาอย่างเจ็บปวดมากพอแล้ว ท่ามกลางการปะทะและความรุนแรง , มันควรพอได้แล้ว


    และเราจะอธิษฐานกับพระเจ้าของเรา
    เผื่อคนที่เราเกลียด — ถ้าเค้าถูกทำลายไป โลกมันคงดีขึ้นแต่มันก็จะมีคนที่ 2,3,4 ไปเรื่อยๆและลูกหลานเราก็ต้องลุกขึ้นมาสู้กับคนพวกนี้อีก เราไม่อยากเห็นแบบนั้น

    เพราะงั้นเราจะขอกับพระเจ้าให้เปลี่ยนหัวใจของเขา (และหัวใจเราด้วย) โลกที่บิดเบี้ยวเกิดจากหัวใจที่เปราะบาง อ่อนแอ หวาดกลัว ปราศจากความรัก มันอาจฟังดูนามธรรม แต่ถ้าหากชีวิตเราได้รับการรักษาจนสุขภาพดี จิตใจได้รับการเติมเต็ม เราคงไม่เรียกร้องอะไรอีก เราคงไม่อยากได้ของที่ไม่ใช่ของเรา


    เราเรียกร้องสันติกันมาตลอด
    และมันเริ่มได้ที่ตัวเรา

    ——————————————

    และถ้าใครมีกำลังซื้อ เราอยากให้ซื้อหนังสือเล่มนี้ ร่วมเรียนรู้ร่วมสนันการสร้างถ้อยคำและอักษรที่จะหยิบยื่น สันติวิธี ให้กับเรา เราเชื่อว่ามันยังมีวิธีอีกมากที่จะต่อสู้เพื่อตัวเราเอง


    อยากให้ทุกคนได้ฟัง ไม่ต้องฟังที่เราพูดก็ได้ แต่อยากให้ไปฟังเนื้อหาของหนังสือกัน เราทำทีละบท ซึ่งตอนนี้ยังแค่บทที่ 1 เหลืออีก 5 บท [บทที่ 1 นาทีที่ 7:55 - 36:53 ] ซึ่งเราได้รับโอกาสอย่างมากจากทาง สนพ. นิสิตสามย่าน แล้วก็คุณเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ในฐานะผู้แปล. 


    ถ้าไม่อยากฟังก็อยากให้ลองเปิดใจอ่านหนังสือดู
    ลองอ่านด้วยกันดู อ่านจนจบแล้ว
    ค่อยคิดว่าจะยืนตรงไหนก็ไม่สายเกินไป :-)


    https://youtu.be/CCI0QiO7Igs





เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in