Topic: California
Genre: Romance
Author: Mmoods_girl
รู้ตัวอีกทีเวลาก็หมดไปวันนึงแล้ว เมื่อคืนพวกเราเดินกลับที่พักในเวลาเกือบเช้า ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม ๆ และผล็อยหลับทันทีทั้งที่ยังไม่เปลี่ยนชุดเลยด้วยซ้ำ ความเหนื่อยล้าหลังจากร่วมงานดนตรีวันแรก ทำให้กว่าผมกับน้องอัลจะตื่นจากการหลับฝันก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายโมง เพราะอย่างนั้นเองจึงทำให้มื้อเช้ากับมือกลางวันของวันที่สองนี้กลายเป็นมือเดียวกันโดยปริยาย
ไม่เคยคิดเลยว่าผมจะมาอยู่ที่นี่
ตลอดเวลาที่ผมเห็นหรือได้ยินข่าวงาน Coachella ผมเพียงแค่รับรู้ แล้วปล่อยให้มันผ่านไป แต่ในขณะนี้ผมได้มาอยู่ที่งานนี้จริง ๆ ถึงวัน ๆ ของผมจะยุ่งอยู่แต่กับงาน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่างานดนตรีที่นี่โด่งดัง และขึ้นชื่อเรื่องบัตร Sold out มากแค่ไหน ใครอยากได้ต้องจองล่วงหน้าตั้งหลายเดือน แต่บัดนี้...ผมกลับมีทั้งบัตร และห้องพักที่ได้จากน้องอัลอยู่ในมือ ตอนแรกผมก็สงสัยว่าน้องอัลไปหาบัตรนี้มาได้ยังไง ก็ในเมื่อน้องเพิ่งกลับมา แต่หลังจากถามเจ้าตัวก็ได้ความมาว่า
" อ๋อ เพื่อนที่ออสของอัลมันซื้อไว้ แต่ติดธุระมาเที่ยวไม่ได้แล้วก็เลยลงขาย
อัลนึกได้ว่าเดี๋ยวจะได้กลับมาที่นี่ ก็เลยซื้อเอาไว้ เผื่อจะได้ชวนพี่เจสันมานี่แหละ "
ถึงจะแอบเสียดายแทนเพื่อนน้องอัลคนนั้น เพราะงานดนตรีที่นี่ดีสมคำร่ำลือ แต่ก็ต้องถือว่าเป็นโชคดีของผมและน้องอัลจริง ๆ โดยเฉพาะผม ที่เหมือนโชะตาเข้าข้าง หลังจากรอมา 3 ปี ในที่สุดวันนี้น้องอัลก็กลับมา แถมยังได้มาเที่ยว ใช้เวลาด้วยกัน 'แค่สองคน' อีก
ขอบคุณครับเพื่อนน้องอัลเลน
ดีใจที่น้องติดธุระนะครับ :)
เวลาช่วงบ่ายของวันที่สองหมดไปกับการเดินเล่น พาน้องอัลถ่ายรูปโซนนั้นโซนนี้ของงาน เพราะไม่เพียงแค่การแสดงดนตรีแต่ Coachella ยังมีชื่อเสียงเรื่องการจัดแสดงงานศิลปะต่าง ๆ อีกด้วย จนเมื่อถึงเวลาเกือบ 5 โมงเย็น พวกเราทั้งคู่ก็เดินตรงไปยังเวทีที่ 2 เนื่องจากตอนสองทุ่มของวันนี้ ศิลปินคนโปรดของน้องอัลจะขึ้นแสดง ก็เลยต้องรีบไปจับจอง เพื่อให้ได้อยู่ใกล้เวทีมากที่สุด
ซึ่งก็กลายเป็นว่าการมาเร็วกลับกลายเป็นโอกาสดี เพราะมันทำให้ผมมีเพลงใหม่เก็บไว้ไปเพิ่มในเพลย์ลิสเพลงโปรด เพลงที่แสดงอยู่ในขณะนี้เป็นเพลงรักที่มีทำนองไม่เร็วนัก ฟังสบายชวนฝัน ทั้งยังมีเนื้อหาโรแมนติก เล่าถึงความรักแสนหวานของชายคนหนึ่งที่มีต่อคนรักของเขา
... แสงสีส้มจากดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ทำให้ท้องฟ้าในตอนนี้เหมือนดั่งความฝัน
เสียงดนตรีจากนักร้องชื่อดังที่กำลังบรรเลงทำให้ผมล่องลอย
ต้นปาล์มต้นสูงที่ขึ้นเรียงรายและชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่
ซึ่งถือเป็นซิกเนเจอร์ของงานดนตรีทำให้ผมหลุดจากชีวิตเวิร์คกิ้งแมนที่เคยเป็น
และสิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ นาทีนี้ และวินาทีนี้...
คงไม่ใช่ท้องฟ้าหรือบรรยากาศรอบตัว
แต่เป็นคนตรงหน้าที่กำลังเอาแขนมาคล้องคอผมอยู่
รอยยิ้มน่ารักของเขา
ดวงตาระยิบระยับ
และเสียงหัวเราะที่แสนสดใสของเขา
มันทำให้ช่วงเวลา ณ ขณะนี้สมบูรณ์แบบ…
บรรยากาศและเพลงที่กำลังบรรเลง ทุกอย่างดูเหมือนเป็นใจให้ผมพูดความรู้สึกที่เก็บอยู่ในใจ และในขณะนั้นเองที่สายตาของเราประสานกัน พื้นที่ว่างระหว่างเราน้อยลงเรื่อย ๆ ใบหน้าของทั้งผมและน้องอยู่ห่างกันแค่เพียงไม่กี่เซนติเมตร
ผมไม่ใช่คนที่ชอบใช้ของที่มีกลิ่นมาจากผลไม้
แต่ผมชอบลิปบาล์มกลิ่นเบอร์รี่ที่อยู่บนริมฝีปากของน้อง...
ริมฝีปากแดงอมชมพูของคนตัวเล็กถูกครอบครองโดยอวัยวะเดียวกันของคนที่โตกว่า ความหอมหวานจากกลิ่นเบอร์รี่ที่เจ้าตัวชอบใช้ กับความนุ่มเนียนของริมฝีปากเล็ก ๆ มันทำให้เจสันลุ่มหลง ได้สัมผัสแล้วก็อยากสัมผัสอีก
" พี่เจสัน..." คนตัวเล็กกว่าเป็นฝ่ายที่ถอนออกมาก่อน
" น้องอัล คือพี่..." แม้จะเป็นถึงประธานบริษัทผู้ขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่กับเรื่องความรัก เจสันก็แค่เป็นคนขี้ขลาดตาขาวคนนึง...เขารู้ดีว่าในขณะนี้มันถึงเวลาที่เขาต้องพูดความรู้สึกในใจซักที แต่เขาก็อ้ำอึ้งอยู่นาน จะพูดออกไปก็กลัวว่าความสัมพันธ์ของเขากับน้องอัลจะไม่เหมือนเดิม แต่ถ้าไม่พูดก็กลัวว่าจะค้างคา จนมองหน้ากันไม่ติด และแล้วในที่สุด
" คือพี่---"
" อ้าวอัล! แกก็มาที่นี่ด้วยหรอ " เสียงของผู้หญิงดังมาจากข้างหลังของผม และจากนั้นก็มีสาวผมบลอนด์ทองคนนึงเดินผ่านผมไป เพื่อเข้าไปกอดคนตรงหน้า ดูท่าแล้วคงจะเป็นเพื่อนกับน้องอัลนั่นแหละ
แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าประเด็นที่ว่า...ใช่ ผมปล่อยให้โอกาสมันผ่านไปอีกแล้ว และไม่เพียงเท่านั้น เพราะหลังจากคนตัวเล็กพูดคุยกับเพื่อนของเขาเสร็จ อัลเลนก็นิ่งเงียบไปและไม่พูดกับผมอีกเลย อย่างมากเขาก็แค่หันมามอง จากนั้นก็หันกลับไปที่เวที
ไม่มีการพูดคุย
ไม่มีเสียงหัวเราะ
ไม่มีการร้องเพลง
เราดูดนตรีกันแบบเงียบ ๆ อยู่ด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศที่แสนน่าอึดอัด จนเวลาเดินทางถึง 5 ทุ่ม น้องอัลหันมาพร้อมกับบอกผมว่าเขาง่วง และจะขอกลับไปที่พักแล้ว เพราะอย่างนั้นเองคืนที่ 2 ที่งานแสดงดนตรีจึงหยุดลงที่เวลาเที่ยงคืนกว่า ณ ห้องพักส่วนตัวของใครของมันแทน...
เช้าวันที่ 3 ของการพักผ่อน เริ่มต้นด้วยบรรยากาศน่าอึดอัดเช่นเคย ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณโต๊ะทานมื้อเช้า และลากยาวมาจนถึงเวลากลับบ้าน หลายครั้งที่ผมทำท่ากำลังจะเดินเข้าไปคุย แต่เมื่อน้องอัลเห็นดังนั้น เขาก็เลือกจะหลบสายตาและเดินหนีไปอีกทาง...
บางทีนี่อาจจะเป็นคำตอบแล้วก็ได้
น้องอัลกับผม เราอาจจะคิดไม่ตรงกัน...
ตลอดทางกลับบ้านที่พาหนะคันหรูแล่นไปบนถนน ออกมาจาก Cochella ตรงมายังซานดิเอโก้ บนรถก็ไม่มีเสียงอะไรอีกเช่นเคย มีเพียงเสียงเพลงจากเพลย์ลิสประจำรถที่ผมเปิด จนกระทั่งตอนนั้นเอง เมื่อถึงบริเวณจุดพักรถ
"พี่เจสัน อัลขอไปเข้าห้องน้ำนะ" เสียงคนตัวเล็กพูดขึ้นพร้อมเปิดประตูก้าวลงจากรถ
ผมใช้เวลาในขณะนั้นทบทวนสิ่งต่าง ๆ อยู่นานพอสมควร และแล้วผมก็ตัดสินใจได้ว่า ไม่ว่าอย่างไรผมก็ต้องการคำยืนยันจากปากน้องอัล รวมถึงผมทนอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว อย่างน้อยถ้าน้องพูดออกมาว่า "ไม่ อัลไม่ได้ชอบพี่เจสันแบบนั้น" ผมก็ยังสบายใจกว่านี้
ทันทีที่คนตัวเล็กก้าวขึ้นรถอีกครั้ง
" น้องอัล พี่ทนไม่ไหวแล้ว เรามีเรื่องต้องคุยกัน " คนตรงหน้าพยักหน้าเบา ๆ พร้อมกับจ้องมองผมด้วยสีหน้าที่คาดเดาได้ยาก " เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พี่ขอโทษที่ทำน้องอัลตกใจ แต่พี่จะไม่พูดว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ เพราะที่พี่ทำไป พี่ไม่ได้เมา ไม่ใช่เพราะบรรยากาศ แต่เพราะพี่ตั้งใจทำแบบนั้น "
นี่คงเป็นครั้งแรก ที่ผมใจกล้าที่สุดในเรื่องของความรัก
" พี่ชอบน้องอัล ชอบมานานมาก นานพอจะรู้ว่ามันไม่ใช่ความรักแบบพี่ชาย แต่เป็นความรักแบบคนรัก แต่พี่เข้าใจดีถ้าน้องอัลจะคิดไม่เหมือนกันกับพี่ แล้วก็ไม่เป็นไรเลย ขอแค่น้องอัลสบายใจก็พอ " ผมพูดออกไปจากใจพร้อมกับจับมือคนตรงหน้ามากุมไว้หลวม ๆ
" พี่รักน้องอัลนะครับ แล้วน้องอัลล่ะ...คิดยังไงกับพี่ ช่วยบอกได้ไหม ไม่ต้องเครียดนะครับ ไม่ว่ายังไงพี่ก็จะเป็นพี่ชายของน้องอัลเหมือนเดิม "
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ คนตรงหน้าเอามือออกจากมือผม แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าพร้อมกับโทรหาใครบางคนด้วยสีหน้าที่ต่างไปจากตอนแรก
"ฮาโหล!! มอมมี่เหรอ? แผนสำเร็จแล้วนะ! ยังไงอัลฝากบอกป้าจีน่าด้วย อา....แต่ตอนนี้อัลต้องรีบวางก่อนนะมอมมี่ มีคนบางคนงงเป็นไก่ตาแตกแล้ว"
"น้องอัล นี่มัน..? เรื่องอะไรครับ?"
"Mission ไงครับคุณ CEO ก็มีคนบางคนแถวนี้ปิดปากเงียบมาตั้งกี่ปีไม่เคยพูดออกมาซักที ป้าจีน่ากับมอมมี่ก็เลยมาคุยกับอัลเลน แล้วอัลเลนก็ปิ๊งแผนนี้ขึ้นมา!...
เป็นไงครับ ฝีมือ 'การแสดง' ของอัลเลนเนี่ย ไม่ธรรมดาเลยใช่ไหม? "
"อย่าบอกนะครับว่า...เรื่องที่ทะเลาะกับป้าเอลี่ แล้วที่ร้องไห้คืนนั้นก็คือ...การแสดง? "
" Yes!! อัลเลน มอมมี่แล้วก็ป้าจีน่าเตี๊ยมแผนนี้มาหลายเดือนเลยนา งาน Coachella นี่ก็เหมือนกัน ไม่มีเพื่อนคนไหนลงขายทั้งนั้น อัลเลนต่างหากที่เป็นคนเข้าไปจองเอง ค่าบัตรโหดมาก แต่ดูเหมือนจะคุ้ม" ว่าแล้วคนตัวเล็กก็หัวเราะคิกคัก ก่อนจะพูดต่อ " อ้ะ แต่เรื่องนี้พี่เจสันจะมาโกรธพวกเราไม่ได้นะครับ ก็พี่เจสันนั้นแหละ...ปล่อยให้อัลรออยู่ได้ตั้งนาน สมน้ำหน้า!"
" หืม เดี๋ยวนะคับน้องอัล อย่างนี้ก็แสดงว่า...!" ตาของผมเบิกกว้างทันทีที่ได้ยินว่า น้องอัลเองก็รอให้ผมพูดความรู้สึกนี้...เพราะนั่นก็แสดงว่า...
" อื้อ ก็คิดเหมือนกับพี่เจสันนั่นแหละ..." แก้มน่ารักของคนตรงหน้าขึ้นเป็นสีแดง พร้อมกับสายตาเจ้าตัวที่ในขณะนี้อยู่นิ่งไม่ได้เลย มองทางนั้นทีทางนี้ที
" !!!!!!! " ผมดีใจตัวโยน ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าประโยคที่ควรต่อไปจะเป็นอะไร " ถ้าเราสองคนคิดตรงกัน งั้น...น้องอัลครับ เราหมั้นกันนะ "
"หืมพี่เจสัน เดี๋ยวนะ มันข้ามขั้นไปรึเปล่า!?"
" ไม่หรอกครับ เรารู้จักกันมานานพอแล้ว นี่ถ้าเป็นไปได้ก็จะขอแต่งงานเลย แต่กลัวคนแถวนี้ตกใจ"
"พูดไปเรื่อย!" คนตัวเล็กตีมาที่แขนผมหนึ่งที " นี่ พี่เจสันรู้ไหม อัลน่ะยอมทิ้งค่าตัวกว่าครึ่งแสน เพื่อกลับมาที่นี่เลยน้า คือว่าจริง ๆ แล้วอัลถูกเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในคนที่จะได้เล่นละครเวทีที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย แต่ไม่งั้นถ้าอัลเลือกทางนั้น...อัลต้องอยู่ที่ออสต่อไปอีก ทีนี้อาจจะไม่ใช่ 3 ปีแต่เป็นอยู่ที่นั่นถาวร อัลก็เลยเลือกถอนตัว แล้วกลับมาที่นี่ดีกว่า " คนตัวเล็กพูดไปก็ยิ้มไป
โอ๊ยใจเจสันเหมือนจะวาย
ไม่ไหวแล้ว น่ารักเกินไป
" แล้วจะไม่เป็นไรเหรอครับ นั่นเป็นความฝันของน้องอัล " ผมดีใจที่น้องเลือกกลับมา แต่ก็อดห่วงไม่ได้ว่าข้างในจริง ๆของคนตัวเล็กจะรู้สึกไม่ดีที่ต้องทิ้งสิ่งที่ตัวเองรักมา
" อัลไม่เป็นไรพี่เจสัน บางทีคนเราก็ต้องเลือก แล้วอัลก็เลือกแล้ว อัลอยากกลับมาอยู่ที่บ้าน อัลคิดถึงทุกคนที่นี่ มอมมี่ แด๊ดดี๊ แล้วก็พี่เจสัน ส่วนเรื่องงาน พอดีหลังจากทีชเชอร์ที่ออสรู้ว่าอัลจะกลับมาซานดิเอโก้ เขาก็แนะนำอัลให้กับเพื่อนเขาที่กำลังมีโปรเจกต์ละครเวทีที่นี่ ถึงจะไม่ได้เงินค่าตัวเท่าที่ออส แต่อัลก็พอใจมากๆแล้ว เอาเป็นว่ายังไง...ก็ฝากเลี้ยงอัลเลนด้วยครับคุณ CEO " เจ้าตัวพูดพรางทำตาปริบ ๆ แล้วยิ้มน่ารักมาหาผม
" ยินดีครับ จะเลี้ยงอย่างดีเลย " ผมตอบพรางยื่นมือไปลูบหัวคนตรงหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดบ้าง
" ขอบคุณนะครับที่น้องอัลเลือกกลับมาที่นี่ ขอบคุณที่เราคิดตรงกัน ขอบคุณที่น้องอัลไว้ใจพี่ พี่จะไม่สัญญา แต่จะทำให้เห็น...ว่าไอ้เจสันคนนี้จะดูแลน้องอัลไปเรื่อย ๆ จะไม่ไปไหนจนกว่าน้องอัลจะเบื่อพี่" ผมพูดจบแล้วก็ยักคิ้วให้คนตรงหน้าไปที ตอนนั้นเองที่อัลเลนเอามือมาคล้องคอผม
ก่อนเราทั้งคู่จะมอบสัมผัสแสนหวานให้กันและกัน
มันเป็นสัมผัสที่อ่อนโยน ไร้ซึ่งการรุกล้ำใด ๆ
และมันจะเป็นสัมผัสพิเศษ...
ที่ผมจะให้แค่คน ๆ นี้ คนเดียวเท่านั้น
หลังจากนั้นเวลาผ่านไปได้เกือบสองปี ตัวผมในตอนนี้รู้จักที่จะแบ่งเวลา และบาลานซ์ทุกอย่างได้ดียิ่งขึ้น ไม่เป็นเจสันที่หักโหม นั่งอยู่หลังงานเอกสารกองโตนั่นอีกแล้ว ส่วนน้องอัลก็ได้ทำตามความฝัน กลายเป็นนักแสดงละครเวทีที่มีชื่อเสียงของรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักพร้อมกับได้อยู่กับครอบครัว
สำหรับเรื่องความรักของผมกับน้องอัล เราอยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจ ต่างฝ่ายต่างปรับตัวเข้าหากัน
จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจขออัลเลนแต่งงาน
ผมคุกเข่ามอบแหวนประจำตระกูลที่ตกทอดกันมารุ่นสู่รุ่น ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่ร้านอาหาร ณ เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลีเมื่อปีที่แล้ว
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่เกาะส่วนตัวของครอบครัวผม การ์ดเชิญถูกส่งไปให้เพียงแค่คนสำคัญของกันและกันเท่านั้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่ายและเป็นส่วนตัว เราทั้งคู่จับมือพร้อมกล่าวคำสาบานใต้แสงอาทิตย์สีส้มแดงที่กำลังจะลับขอบฟ้า คำพูดในวันนั้นที่ว่าเราจะรักและอยู่เคียงข้างกันอย่างนี้เรื่อยไป จะไม่เป็นเพียงแค่คำสัญญา แต่ผมจะทำให้เห็นว่า
‘อัลเลน เบอร์เกสส์’ คือโลกทั้งใบของ ‘เจสัน วิลนีย์’ จริงๆ :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in