เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I_Whyn Journalsi_whyn
[Review] คุณผู้ช่วยสถาปนิก
  • ADVERTISEMENT



    "การที่ทุกคนมีระดับในการรับรู้ต่อสิ่งที่เห็นแตกต่างกัน 

    เป็นเพราะขอบเขตในการเข้าใจสิ่งต่างๆ ของแต่ละคนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง...


    ยิ่งขอบเขตในการรับรู้ของนายลึกเท่าไหร่ 

    นายยิ่งสามารถได้รับเนื้อหาในระดับที่ลึกซึ้ง 

    ผ่านการอ่านจากลักษณะภายนอกมากขึ้นเท่านั้น"


    กู้เซียว


    เล่ม 3 หน้า 297





    ชื่อหนังสือ     
     :  คุณผู้ช่วยสถาปนิก [4 เล่มจบ]

    นักเขียน         :  ซีเหอชิงหลิง

    นักแปล          :  หนิงเหมิงฉา

    ประเภท          :  Fiction - Yaoi/Danmei, Comedy, Romance, Slice of Life

    เรท                 :  ไม่แน่ใจ น่าจะอ่านได้ทุกวัย แต่มีฉาก 18+

    tag                  :  จีนปัจจุบัน, วัยทำงาน, รายละเอียดอาชีพเชิงลึก

    Trigger           :  NA




     คำโปรยหลังปก เล่มหนึ่ง 



    เมื่อ จางซืออี้ นักเรียนนอกจบใหม่ไฟแรง
    กลับสู่ประเทศบ้านเกิดด้วยปนิธานมุ่งมั่นอยากจะเป็นสถาปนิก
    โดยมีแรงบันดาลใจมาจากไอดอลสมัยมัธยมปลาย


    แต่ชีวิตมันช่างยากเย็น แฟนก็เพิ่งเลิก งานการก็ยังไม่มี
    แถมค่าเช่าห้องก็ต้องจ่าย จะหาเงินจากไหนมาประทังชีวิต


    โชคยังดี บริษัทที่ส่งใบสมัครงานไว้เรียกไปสัมภาษณ์
    แต่เอ๊ะ! กู้เซียว ว่าที่เจ้านายที่สัมภาษณ์เขา
    คือคนที่โดนแฟนเก่าเขาสาดกาแฟใส่
    แถมยังเข้าใจเขาผิดอีกต่างหาก!


    แล้วทำไมทำงานวันแรกต้องถูกหักเงินเดือน แถมยังต้องทำโอทีอีก
    โอ๊ย.. นี่มันการต่อสู้ชีวิตของมนุษย์เงินเดือนจางซืออี้ชัดๆ




     ตัวละคร   -  ในมุมมองของเรา



    จางซืออี้ (MC) - เพิ่งเรียนการออกแบบสถาปัตย์จบใหม่มาจากอังกฤษ กลับมาหางานที่จีนในช่วงตลาดอสังหาฯ ขาลง เลยหางานยาก เป็น new comer ในตลาดการทำงาน นิสัยโดยรวมพูดเก่ง เข้ากับคนง่าย เป็นที่รัก แต่ก็เป็นเด็กขี้ดื้อคนหนึ่ง (ฮา) ชอบบ่นในใจตลอดเวลา แต่ก็รับฟังและพัฒนาตัวเอง ออกแนวบ่นก่อน ปรับตัวทีหลังอะไรงี้ ให้นึกภาพหมาตัวเล็กที่ขยันขู่แง่ว ๆๆ แต่คนมองก็คือ ไอ้ต้าวหมากระเป๋าร้องหงิง ๆๆ ตาแป๊ว ปล่อยให้งับมือเล่นนิดหน่อยไม่ถือสา (ฮา) แถมยังน่าแกล้งมากขึ้นไปอีก (ความในใจกู้เซียวที่ไม่ได้บอกออกมา)



    "จางซืออี้ ซือที่แปลว่าไตร่ตรอง อี้ที่มาจากคำว่าจิตใจแน่วแน่"


    จางซืออี้

    เล่ม 1 หน้า 45



    กู้เซียว (ML) - อายุห่างกับจางซืออี้ 6 ปี ทำงานจนเป็นผู้อำนวยการบริษัท เป็นคนเก่งมาก เก่งรอบด้าน สอบได้ที่หนึ่งมาตลอด ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ก็ถ่อมตน สันโดด จริงจัง ตรงไปตรงมา แต่บุคลิกไม่ได้น่ากลัว แม้จะปากร้ายเพราะพูดตรงจัด (จางซืออี้ตั้งฉายาให้ว่า ราชันปีศาจ - ฮา) ในที่ทำงานจะเป็นคนที่น่าพึ่งพา และผู้คนให้เกียรติ เพราะมีความสามารถและพูดจริงทำจริง  แต่ในชีวิตส่วนตัวกับคนใกล้ชิด อย่างเพื่อนสนิทและคนในครอบครัว ก็จะเป็นคนขี้แกล้งคนนึง  กับคนรัก ใช้คำว่าคลั่งรัก (ฮา) แต่ก็รักอย่างมีสติมาก ๆ รักแบบทุ่มเทให้จริง ๆ รักแบบหวังให้อีกคนได้ดี อะไรแบบนั้น นี่มันสามีแห่งชาติ!



    "ยิ่งไปกว่านั้น การเกลียดคนคนหนึ่งก็ต้องใช้พละกำลัง 

    ปกติฉันก็ยุ่งจะตายอยู่แล้ว จะเอาพลังที่ไหนมาใส่ใจเขา"


    กู้เซียว

    เล่ม 3 หน้า 337




    * MC (Main Character) = นายเอก, เคะ, โซ่ว, รับ

    ML (Male Lead) = พระเอก, เมะ, กง, รุก




    กู้เซียว (ซ้าย) จางซืออี้ (ขวา)

    รูปนี้เป็นการ์ดใสที่ ROSE แถมมาพร้อม BOXSET

    นักวาด - คุณกาน ทวิตเตอร์ @onegingek 






     เส้นเรื่อง 



    ที่ถมทึบคือสปอยล์นิดนึง ! [ spoiler alert ! ] 



    จะมีสองเส้นเรื่องขนานกันไป 



    เส้นแรก แน่นอนว่าคือเลิฟไลน์ เป็นความสัมพันธ์ของพระนายที่ค่อย ๆ คืบคลาน จากหัวหน้ากับลูกน้อง สู่คนรัก เส้นนี้สนุกมากจริง ทั้งตลกและเขิน  nc ก็ดี กู้เกอขยันทำการบ้านมาก O''O (เส้นความรักสมหวังกันที่เล่มสอง เพราะงั้นที่รู้สึกกันว่าเปิดเล่มสามมามันเอื่อย ๆ เพราะว่าเส้นเรื่องความสัมพันธ์กลายเป็น slice of life ไปแทน และไปเน้นที่เส้นเรื่องด้านการทำงาน แต่พอเล่มสี่ก็กลับมาพีคมากเพราะใส่ภารกิจย่อย ๆ เข้ามาเยอะ เช่น เปิดตัวกับพ่อแม่ ไปเรียนต่อ แฟนน้องสาว อะไรงี้)



    เส้นที่สอง คือการเติบโตในสายงานการออกแบบสถาปัตย์ของจางซืออี้ เส้นเรื่องนี้มาพร้อม quote การทำงานเยอะมากกกกก เราก็จดเก็บไว้เยอะมาก และไม่ได้รู้สึกว่าเป็นแค่คำคมเก๋ ๆ ด้วย เพราะในฐานะคนทำงานแล้วก็อินมาก รู้สึก motivated และสำหรับเราเส้นเร่ื่องนี้ก็ไม่เรียกว่า ซู (แมรี่ซู - เก่งและสมหวังไปหมด) ซะทีเดียว เพราะจางซื้ออี้ก็พยายามมากอยู่




    โดยรวม ๆ ก็คือชีวิตการทำงานของนายเอกในฐานะผู้ช่วยสถาปนิก ที่บังเอิญมีเจ้านายที่อยากจะเคี่ยวเข็ญให้พัฒนาตัวเอง ด้วยความเป็นเด็กจบใหม่ จางซืออี้ก็อาจจะอยากหาทางลัดที่จะประสบความสำเร็จบ้าง งานง่ายเงินเยอะ ใคร ๆ ก็ต้องการ แต่พอมีเจ้านายที่รู้สึกว่าการจะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องก้าวไปทีละขั้น ก็เลยมีทัศนคติที่ขัดแย้งกันบ้าง แต่ 'ความเป็นคนจริง' ของกู้เซียว ก็ทำให้จางซืออี้ค่อย ๆ เรียนรู้และเติบโต 





     โทนเรื่อง 


    นิยายตลกแหละ 5555555555

    ส่วนใหญ่ก็ขำมาก จังหวะตลกโบ๊ะบ๊ะ 


    แล้วก็หวานจนแทบสำลัก


    ช่วงแรกจะไม่มีไรมาก เพราะกู้เซียวดุมาก (ฮา) แต่ก็แอบหวานแบบคลุมเครือ ๆ ซึ่งก็ดีมากเช่นกัน ใส่ใจอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ อบอุ่นนุ่มละมุน ยุบยิบ ๆ 


    ส่วนช่วงที่รักกันแล้วก็หวานจนคนต้องเบือนหน้าหนี น้วยมาก


    เป็นนิยายฟีลกู้ด ไม่มีดราม่าเลย และก็ไม่ค่อยเอื่อย อาจจะมีอยู่บ้างนิดหน่อยแต่รวม ๆ น่าติดตาม มีโครงการสถาปัตย์นั่นนี่เข้ามาให้ทำ อ่านเพลินอยู่




     สำนวนแปล 


    ดี! ลื่นไหล!! อ่านง่าย!!! 











    * * *


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - [ spoiler alert ! ] - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    หลังจากนี้เป็นบันทึกความคิดเห็นและมุมมองส่วนตัว








    "เพราะเรามีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง

    ดังนั้นจึงเกิดการผสมผสานระหว่างความคิดเห็นของคนอื่น

    กับการวิเคราะห์ของเราเอง

    จนกลั่นกรองออกมาเป็นความคิดของเรา"


    กู้เซียว


    เล่ม 3 หน้า 295





    โดยรวมแล้วเราชอบเรื่องนี้มาก ชอบตรงที่มันผสมผสานระหว่างความหวานของพระนายกับการเติบโตในการทำงาน รวม ๆ ไปกับดีเทลอาชีพนักออกแบบสถาปัตย์ รวมกันออกมากลมกล่อมดี 



    และที่สำคัญคือ เรารู้สึกว่ามันไม่คลิเช่เท่าไหร่ ความจริงตลอดเรื่องนี้ ทั้งมุมมองความรัก มุมมองการทำงาน นิสัยของผู้คน ความอิจฉาริษยาของปุถุชน คนเรียนเก่งกว่าแต่เงินเดือนน้อยกว่า ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความชอบเอาชนะ ความดื้อด้าน ความคิดมาก ความอยุติธรรมบนโลก ใด ๆ ล้วนให้ความรู้สึกว่า อื้มๆๆ นั่นสินะ อยู่ตลอด แล้วก็มีหลาย ๆ ท่อนที่ทำให้รู้สึกว่าอบอุ่นดีจัง เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเรียลดีทีเดียวเลยสำหรับเรา



    อ่านแล้วยังได้ passion ทะลักทลายท่วมท้นด้วย อยากลุกขึ้นมาจับปากกาเปิดสมุดตั้งใจทำงานมาก (ฮา) แต่ไม่รู้ทำไม อ่านแล้วคิดถึงแนวคิดพวกอิคิไกกับวาบิซาบิของญี่ปุ่นมากกว่า (ฮา) การละเลียดไปกับรายละเอียดระหว่างทาง ช่างสังเกตและใส่ใจกับจุดเล็ก ๆ ที่คนอาจมองข้าม อะไรแบบนี้มีเสน่ห์มากจริง ๆ นะ เวลาที่คนตั้งใจกับสิ่งที่ตัวเองชอบ สิ่งที่ตัวเองทำอยู่ เสน่ห์มันพลุ่งพล่านมากเลย 



    ที่ชอบมาก ๆ อีกจุดนึงคือเรื่อง ทัศนคติสามอย่าง (i.e. ทัศนคติต่อโลก  ทัศนคติต่อชีวิต และทัศนคติต่อคุณค่า)



    "คนที่ชอบคนใช้ชีวิตแบบฉัน 

    ก็จะถูกทัศนคติต่อคุณค่าของฉันดึงดูดเข้ามาเอง 

    ต่อให้ต้องกินอาหารธรรมดา ๆ หรือใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย

    ก็ยังเลือกที่จะอยู่กับฉัน 

    แต่ถ้ามีทัศนคติทั้งสามอย่างไม่ตรงกัน 

    ต่อให้ฉันมีเงินมากมาย คนที่ถูกดึงดูดเข้ามาก็ไม่ใช่คนที่ฉันต้องการอยู่ดี 

    ถ้าไม่ใช่คนที่พร้อมจะเดินไปบนเส้นทางเดียวกันจนสุดทาง 

    คบกันไปแล้วจะมีความหมายอะไรล่ะ

    ...

    ยังไงความรัก ก็เป็นสิ่งที่พบเจอได้ แต่เรียกหาไม่ได้อยู่ดี"


     

    เหล่าเจียง

    (เพื่อนสนิทของกู้เซียว)

    เล่ม 2 หน้า 282




    ไม่ว่าจะความสัมพันธ์แบบไหน เพื่อน คนรัก เคมีระหว่างคู่ชิป ความสัมพันธ์ของศิลปินกับแฟนคลับ หรือความสัมพันธ์ของนักเขียนกับนักอ่าน ถ้าบังเอิญเจอคนที่มีทัศนคติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลาย ๆ อย่างตรงกัน ก็มีแนวโน้มว่าจะชอบงานของเขามากเลย 



    อย่างเรานี่ก็ถูกจริตกับ vibe และทัศนคติของนักเขียนหลายคนเหมือนกัน เช่น คุณซีเหอชิงหลิง (อ่าน 'แฟนปลอมๆ ของเนตไอดอลมหาลัย' ก็สนุกดี) คุณเหยียนเหลียงอวี่ (คู่จิ้นรักพลิกล็อก, บันทึกรักจิ่นหราน) คุณเมิ่งซีสือ (พันสารท, รัชศกเชิงฮวาปีที่สิบสี่) เป็นต้น




    อันนี้ตัวอย่างมุมมองความรักในเรื่อง



    "กู้เซียว ความมีเหตุผลคือจุดแข็งของนาย 

    แต่สำหรับความรักแล้ว บางครั้งการมีเหตุผลเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก 

    ชีวิตคนเรา งานหาใหม่ได้ โอกาสเข้ามาใหม่ได้ 

    มีเพียงความรักเท่านั้น ที่พบได้แต่ร้องขอไม่ได้


    ที่ฉันเพิ่งพูดไปว่า ระยะทางคือเครื่องพิสูจน์ความรักที่ดีที่สุด 

    ทำไมถึงบอกว่า 'ดีที่สุด' ถ้าลองคิดแบบย้อนกลับ 

    จะเห็นว่า ระยะทางก็เป็นเครื่องทำลายความรักที่ดีที่สุดเหมือนกัน


    ท้ายที่สุดแล้ว เราก็เป็นแค่คนธรรมดา 

    ไม่มีใครรับประกันได้เลยว่าต่อให้แยกจากกันคนละซีกโลก ความรู้สึกจะยังเหมือนเดิม 

    และก็ไม่มีใครรับประกันได้อีกว่า ในช่วงเวลาที่อ้างว้างและโดดเดี่ยว จะไม่มีใครเปลี่ยนใจจริงๆ 

    ดังนั้น อย่าทดสอบความรักของตัวเองง่าย ๆ แบบนั้น 

    พลังของระยะทางและเวลา แข็งแกร่งมากกว่าที่พวกนายคิดว่าจะเอาชนะได้


    ความรักของคนธรรมดาไม่มีทางทดสอบผ่านแน่นอน 

    ถ้านายอยากเดินต่อไปอย่างมั่นคง ก็อย่าคิดพึ่งพาโชคชะตาใด ๆ ทั้งนั้น 

    ให้พยายามสุดกำลังเพื่อให้ได้อยู่เคียงข้างกันตลอดไป 

    แบบนี้ถึงสามารถรักษาทุกอย่างเอาไว้ได้โดยที่ไม่ต้องเสียใจทีหลัง"



    เซี่ยเจียอี้

    (รุ่นพี่ของกู้เซียว)

    เล่ม 4 หน้า 216





    ตัวอย่างมุมมองการทำงานในเรื่อง




    "Pencil Do the Thinking 

    ไม่แน่บางภาพอาจจะเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบของเราก็ได้ จริงไหม" 


    เล่ม 1




    "พอทำงานนาน ๆ คนเราจะใจร้อนได้ง่ายและยากที่จะใจเย็นลงเพื่อเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ 

    เพราะการทำงานจะเน้นไปที่เรื่องของประสิทธิภาพ 

    ทำให้ส่วนใหญ่แล้ว ไม่มีเวลามากพอที่จะพิจารณาถึงกระบวนการ 

    และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเวลาเต็มที่ในการสร้างระบบความรู้"


    กู้เซียว

    เล่ม 4 หน้า 154




    จริง ๆ มีอีกเยอะมากกกกก ลืมจด หลาย ๆ ประโยคถึงขั้นร้องหู้ย เหมือนเขาสามารถบรรยายความรู้สึกของเราที่มันเบลอ ๆ ออกมาเป็นคำพูดแล้วกระแทกใจอย่างจัง





    แต่ก็มีจุดที่เราเสียดายอยู่เหมือนกัน 

    คือตอนท้าย ๆ เรื่อง ช่วงที่ทั้งสองคนกำลังจะไปเรียนต่อและออกจากบริษัท 



    รู้สึกเสียดายนิดหน่อย เพราะที่ผ่านมาทั้งเรื่อง ความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานถูกพูดถึงเยอะมากกกก และเป็นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ๆ แต่พอทั้งคู่จะลาออก เล่นหนีหายกันไปดื้อ ๆ รวบรัดตัดตอนจบมาก แบบเฮ้ เลี้ยงส่งกันหน่อยมั้ยพวกนาย (ฮา)



    ไม่รู้ทำไม แต่แอบใจหายแทนเพื่อนร่วมงานอะ... ก็สนิทกันขนาดนั้น...



    จางซืออี้ที่บอกก่อนหนึ่งเดือนนี่ยังมีเวลาให้ได้ฉลองส่งท้าย ได้จากลากัน

    แต่อิตากู้เซียวคือโยนระเบิดแล้วบินหนีไปเลย 55555555 

    ถ้านี่เป็นลูกน้องจะด่าให้จริง ๆ ไร้ความรับผิดชอบสุด 

    ทั้งการทำ job transfer ทั้งอะไรต่ออะไร หนีไปดื้อ ๆ ยังงั้นเลยโว้ย (อินแหละ - ฮา)




     

    ส่งท้ายด้วยปรัชญาการติ่งที่เด็ดที่สุดของเฮ่อเชิงเทียน



    "ชีวิตต้องพยายามมีความสุขจึงจะน่าพึงใจ 


    เงินทองมากมายจงโยนออกไปเพื่อซื้อความสุข"


    xD



    สาธุ





    [ END ]




    พยายามจะใช้สีพาสเทลตามปก (ฮา)

    ปกสวยมาก ดีงามมาก อวยไม่หยุดในเรื่องนี้



    และก็เหมือนทุกที เขียนในสิ่งที่เข้ามากระทบความคิด ฉุกใจอะไรก็ต่อยอด 

    เป็นความคิดเห็น ณ วันนี้ พรุ่งนี้อาจเปลี่ยนแล้ว



    พฤษภาคม ๒๕๖๔



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in