เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Matomenew
จำได้ว่าญี่ปุ่นแคบมาก
  • ย้อนกลับไปเมื่อ5ปีที่แล้ว เอเจนซี่ที่พาไปเวิร์คเสนอราคาตั๋วเครื่องบินมาให้เราเลือก 
    ซึ่งมันแพงมากกกกก ประมาณ60,000บาทได้ เราเลยจัดการหาเอง หาแบบที่ได้แวะญี่ปุ่นด้วย
    ก็ได้ตั๋วของANAมาในราคานักเรียน ที่เลือกอานะเพราะเป็นสายการบินญป.และถูก (ถูกแล้ว)
    (ราคานักเรียนก็ห้าหมื่นTT ราคานี้ไม่รวมค่าเดินทางระหว่างเมืองในอเมริกา)


    ตัดภาพมาที่ตอนกลับจากเมกา เราแวะญี่ปุ่น8วัน นอนหอเพื่อนยกเว้นคืนสุดท้ายที่นอนโฮสเทล 
    ก่อนบินไปญี่ปุ่นก็นัดแนะกับเพื่อนอย่างดีว่าเจอกันที่ชินจุกุนะ บลาๆๆ
    ต้องนัดให้ดีเพราะว่าเราไม่มีเน็ต ออกจากสนามบินทุกอย่างจบ
    สมัยนั้นไม่เจริญเท่านี้ หรือไม่ก็เราไม่ฉลาดเท่าตอนนี้

    ...และวันนั้นเราหลงทางที่ชินจุกุ... 

    ยังไม่พอค่ะ ก่อนจะหาเพื่อนไม่เจอ เราก็สังเวยตัวเองกับบันไดเลื่อที่ชินจุกุเรียบร้อยแล้ว

    "มัน แคบ มาก"

    บันไดเลื่อนแคบมาก ยืนได้แค่คนเดียว แล้วเรามีกระเป๋าใบใหญ่2ใบ
    สภาพตอนนั้นคือดันกระเป๋าขึ้นไปก่อน1ใบ ถัดมาคือตัวเรา ท้ายสุดคือกระเป๋าอีกใบ
    แล้วเราก็หงายหลังที่บันไดเลื่อนนั้น ขมขื่นสุดๆ 
    โชคดีที่ไม่เจ็บอะไร แต่อายและสงสารคนข้างหลังมาก เพราะเราหงายหลังไปโดนเค้า
    ลุงซาลารี่แมนคนนั้นก็ถามมาว่า "ไดโจวบุเดสก๊ะ" 
    ปกติควรตอบว่า "ไดโจวบุเดส" ใช่มั้ย แต่เราตอบไปว่า "ไดโจวบุจาไน่เดส"
    ตอนถ่ายรูปนี่ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง
    ผ่านสถานการณ์บันไดเลื่อนอันโหดร้ายมาได้ เราก็ออกจากสถานีมาเพื่อพบกับความจริงที่ว่า
    ทางออกฝั่งนี้ไม่มีเพื่อน และไม่ค่อยมีคน คนที่เดินผ่านทุกคนดูรีบมากด้วย
    ยืนทำใจอยู่สักพัก เลยลองเข้าไปถามผู้หญิงวัยรุ่นที่เดินผ่านมา
    เค้าก็ช่วยพาไปหาตู้สาธารณะ และอยู่รอจนเราโทรหาเพื่อน ซึ่งก็โทรไม่ติด
    จนสุดท้ายเค้าใช้มือถือตัวเองลองโทรและส่งข้อความไป โชคดีที่เพื่อนเราออกมาเดินหาสัญญาณ
    ยังไม่พอ เค้าพาเราเดินไปหาเพื่อนถึงที่เลย ช่วยลากกระเป๋าอีก "omotenashi" จริงๆ
    รู้สึกขอบคุณมาก เลยเอาโดริโทสของหวงที่พกมาจากเมกาให้เค้าไป1ห่อ
    เสียดายที่ไม่มีเบอร์ติดต่อเค้าแล้ว รู้สึกขอบคุณมากจริงๆ ถ้าไม่ได้เค้าเราคงยืนร้องไห้ตายอยู่ที่ชินจุกุ


    จากชินจุกุนั่งไปหอเพื่อนอีกเกือบชั่วโมง ต้องนั่งChuo lineแล้วต่อรถไฟเอกชน
    พอถึงสถานีหอเพื่อนปุ๊บ โอ้โห สถานีเล็กมาก ถนนก็แคบมาก เดินๆ ไปนี่จะโดนรถชนมั้ย
    ไม่ชินอย่างแรง ที่เราไปมาในอเมริกาทุกอย่างมันกว้าง โล่ง โปร่ง ยกเว้นนิวยอร์กเนอะ
    พอมาถึงญี่ปุ่นแล้วแบบ ต้องทำตัวลีบๆ เพราะรู้สึกจะเดินชนทุกอย่าง

    ถนนแคบแล้ว ห้องก็แคบ เปิดประตูเข้าไปมีทางเดินเล็ก ฝั่งซ้ายเป็นเตียง 
    ฝั่งขวาเป็นทีวี โต๊ะอ่านหนังสือบลาๆ อ้อ ห้องเพื่อนมีระเบียงด้วย
    ในห้องนอนเพื่อนมีห้องน้ำในตัว แต่เวลาจะอาบน้ำ ต้องไปใช้ห้องอาบน้ำรวม
    แต่เราชอบห้องอาบน้ำที่ญป.มากเลย รู้สึกว่าเค้าทำมาดี


    ช่วงเวลาที่เพื่อนพาเที่ยวคือดีมาก เดินตามอย่างเดียว ทางเทิงก็ไม่ค่อยจำ 
    นัดเจอเพื่อนญป. ก็มีเพื่อนเป็นล่ามให้ 
    มีวันนึงเพื่อนเรามีเรียนทั้งวัน เลยพาเที่ยวไม่ได้ เราก็กะว่าจะออกไปเดินเล่นสถานีใกล้ๆ
    สุดท้ายนอนเป็นไข้อยู่ในห้องเพื่อน นอนจนเพื่อนกลับมาถึงได้ออกไปกินข้าวเช้ากลางวันเย็นในมือเดียว
    ก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมถึงป่วย เพราะก่อนมาญี่ปุ่น เราเที่ยวนิวยอร์ค2คืน 
    เที่ยวจนได้นอนแค่วันละ3-4ชั่วโมง แล้วยังเจ็ทแล็กอีก

    มีช่วงนึงที่เอ็นดูเด็กsexy zone แต่ก็แค่ช่วงสั้นๆ
    มันเป็นสด.ติ่ง เห็นแล้วต้องโฉบเข้าไปส่องหน่อย
    ข้างหน้านั่นคือร้านหมวกCa4la เพื่อนพาเดินมาดูว่าไอดอลเกาหลีมาซื้อหมวกที่สาขานี้

    หลังจากนั้นพอผ่านไปไม่กี่วันก็เริ่มชินในความแคบ 
    ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ ธรรมดามาก 
    กลายเป็นว่าถ้าเจออะไรกว้างๆ ในญี่ปุ่นจะประหลาดใจแทน
    เคยเจอห้องพักของโรมแรมที่โอซาก้า เลยนัมบะไป2สถานี ราคาถูกมาก 
    สภาพค่อนไปทางเก่า แต่ห้องโคตรกว้าง อะเม๊ซิ่งสุดๆ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in