เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
DEFENDER คืนล้างโลกSamanthachiew
CALEB & RIVER.

  • ผมจะปกป้องคุณเอง


    ถึงตรงนี้เคเลบก็ลืมตาตื่นขึ้น -- ภาพของเหตุการณ์เมื่อตอนค่ำพลันหายวับไป

    สติที่ล่องลอยอยู่บ่อยครั้งทำให้เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย หากแต่เขาก็รับรู้ว่าตนได้หวนกลับมาสู่โลกของความเป็นจริงอีกครั้ง

    เขาปล่อยมือจากผืนพรม ยืดตัวขึ้นเต็มความสูง

    สติเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว -- และมันยากขึ้นเรื่อยๆ ในการที่จะเหนี่ยวรั้งสติตัวเองเอาไว้ ไม่ให้หลุดออกจากร่าง ในเมื่อทุกอย่างมันหนักหนาขึ้นทุกที


    เขากำลังจะรับทุกอย่างไม่ไหว


    แวบหนึ่งเขาแว่วได้ยินเสียงครวญของสัตว์ป่า ดังมาจากชั้นบนของตัวบ้าน -- มันคือเสียงของแมรี่โกลด์

    แต่เมื่อแวบนั้นผ่านไป ทุกอย่างก็ยังคงตกอยู่ในความเงียบสงัด

    เคเลบมองไปยังกองประกาศข่าวที่วางซ้อนอยู่กลางห้องนั่งเล่น ก่อนจะเดินเข้าไปมองสำรวจ

    มันคือข่าวหลายฉบับที่ถูกจัดเรียงไว้เป็นแนวยาว ราวกับเรื่องราวที่ถูกปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน แต่ละฉบับพาดหัวข่าวว่า

    หมู่บ้านเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า

    กลิ่นเหม็นเน่าของความตาย

    คำสาปของหมู่บ้าน

    เคเลบละสายตาไปยังชิ้นส่วนแผ่นประกาศอีกด้านหนึ่ง

    ฝูงนกอพยพ และซากนกที่ร่วงตายทั่วทั้งเมือง

    เสียงร้องลึกลับยามดึก คาดว่ามาจากชายแดนป่า

    สัตว์ป่าบ้าคลั่ง บุกทำร้ายมนุษย์

    คนตายอย่างปริศนา

    ไปจนถึงข่าวล่าสุดเมื่อวานที่ลงไว้ว่า

    เหตุลึกลับอันน่าหวาดกลัวของหมู่บ้าน 

    ถึงตรงนี้ ดวงตาสีดำละจากกองกระดาษตรงหน้า ค่อยๆไล่มองไปตามคราบเลือดที่เปรอะไปทั่วผืนพรม พื้นไม้ และกำแพงห้อง

    ดูเหมือนว่าทุกอย่างได้จบสิ้นไปแล้ว -- 

    ตอนนี้เหลือเพียงเขากับแมรี่โกลด์ และลูกในท้องเท่านั้น

    เคเลบหมุนตัวออกไปยังโถงทางเดินดั่งเดิม มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในเสื้อคลุม คว้ายาสูบมาคาบไว้มวนหนึ่ง

    พลันคำพูดที่เขาบอกกับแมรี่โกลด์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนก็ดังขึ้นมาในใจอีกครั้ง

    โลกนี้ไม่มีที่สำหรับมนุษย์อย่างเราอีกต่อไปแล้ว --

    โลกมนุษย์ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว -- มันไม่ได้ต่างอะไรจากนรกทั้งเป็น หรือสุสานร้าง ที่เหลือไว้เพียงซากปรักหักพัง คราบเลือด และซากศพเท่านั้น

    เคเลบจ้องมองปลายเท้าตนเอง ในขณะที่ความคิดหนึ่งยังคงดังลั่นอยู่ในโสตประสาทของตน

    ลูกของเราจะไม่มีชีวิตรอดในนรกแบบนี้

    เคเลบหลับตาลง รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาในใจ สีหน้าอันนิ่งเฉยฉายชัดถึงความรู้สึกเจ็บปวดบางอย่าง ราวกับกำลังแบกรับโลกทั้งใบก็ไม่ปาน

    สำหรับเขาแล้วนั้น มันไม่มีทางเลือกอื่นอีกต่อไปแล้ว

    ทว่าตอนนั้นเองที่หูเขาแว่วได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น --

    เคเลบชำเลืองมองไปยังห้องครัว -- ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น

    ดวงตาสีดำเหลือบมองไปทางประตูบ้าน แต่มันยังคงปิดสนิทดั่งเดิม -- 

    ร่างสูงนิ่งเงียบไปนาน ก่อนจะก้าวเดินตรงไปยังประตูบานนั้น แล้วคว้ากลอนประตูไว้แน่น -- กลอนประตูที่เขาลั่นเอาไว้ ยังสนิทดีดั่งเดิม

    เขานิ่งค้างท่านั้นอยู่นาน ในที่สุดจึงปล่อยมือ แล้วค่อยๆเดินถอยออกมา หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น

    เคเลบหยุดฝีเท้าลงกลางห้อง มองดูมุมขอบพรมผืนเก่าบนพื้นที่ยับย่น ค่อยๆก้มลงขยับมันให้เข้าที่ จากนั้นจึงคว้าไม้ขีดออกมาจากเสื้อคลุม แล้วจุดยาสูบขึ้น

    มันชัดเจนเกินกว่าที่เขาจะมองผ่านไปได้ --

    มีใครบางคนทำให้พรมผืนนี้ขยับ และมุมพับยับย่น เป็นคนละแนวกับที่เขาวางเอาไว้ก่อนหน้า

    เคเลบพ่นควันสีเทาออกมาจากริมฝีปากอย่างช้าๆ ขยับตัวนั่งลงบนเก้าอี้บุนวม ดวงตาสีดำกวาดมองไปรอบๆห้องนั่งเล่น ขณะวางท่อนไม้ไว้ข้างตัว

    ใครบางคนอยู่ที่นี่ -- เขาบอกตนเอง -- ใครบางคนกำลังอยู่ที่นี่กับเขา

    ภายในบ้านยังคงตกอยู่ในความเงียบ --

    เคเลบอัดควันยาสูบเข้าเต็มปอด ดวงตาสีดำยังคงจับจ้องไปยังความมืดเบื้องหน้า ริมฝีปากหยักขยับพ่นควันสีเทาออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเคลื่อนมืออีกข้างเข้าไปในเสื้อคลุมช้าๆ จากนั้นจึงเกิดเสียงดังขึ้นท่ามกลางความเงียบดัง แกรก --

    แสงจันทร์ส่องผ่านบานหน้าต่างที่แตกร้าวเข้ามาภายในห้อง เผยให้เห็นวัตถุบางอย่างในมือของเคเลบ แม้จะไม่ชัดเจน แต่มันก็มากพอที่จะทำให้สังเกตเห็นได้ว่ามันคือปืนกระบอกหนึ่ง

    ออกมา  เสียงทุ้มต่ำของเคเลบเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา หากแต่ดังชัดเจนภายในห้อง ดวงตาอันคมกริบยังคงจ้องมองไปยังมุมห้องที่มืดสนิท

    “นายมีเวลาห้านาที” เขาบอกกับผู้บุกรุกยามวิกาลคนนั้น

    ทว่าร่างที่ออกมาจากมุมมืดนั้น กลับเป็นชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่เขารู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

    ทั้งลาดไหล่ที่กว้างและแข็งแรง โครงหน้าคมสันในเงามืด และท่าเดินที่ขยับเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ 

    แสงสว่างจากปลายยาสูบที่ปลายริมฝีปากของชายคนนั้น ยิ่งทำให้เขามองเห็นดวงตาสีเขียวที่จ้องมองมาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น -- คราวนี้ชัดจนเคเลบแน่ใจเลยทีเดียว ว่านี่คือชายคนนั้น

    จำฉันได้ไหม เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามออกมาเป็นคำถามแรก

    นี่คือชายผู้ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของเขา

    ชายคนเดียวกันกับที่ตามหลอกหลอนเขาตลอดหกเดือนที่ผ่านมา

    ร่างนั้นเพ่งมองไปยังเส้นหมึกสีดำที่ถูกลากขนานกันเป็นทางยาว และมีสีน้ำเงินปรากฏเป็นรอยอันเลือนราง “นายหยุดเดินทาง แล้วขึ้นมาจากแม่น้ำเส้นนี้ --” เสียงทุ้มต่ำเงียบหายไปชั่วขณะ ราวกับพยายามคิดหาคำตอบ “อะไรทำให้นายกลับมาที่นี่กัน เคเลบ”

    เพราะแมรี่โกลด์ใช่ไหม  --

    คำตอบคือใช่ -- การที่เขามาพาตัวเองมาหยุดอยู่ในสถานที่ที่อันตรายแห่งนี้ ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดขณะนี้  ก็เพื่อแมรี่โกลด์ที่กำลังจะคลอดลูก

    แต่นายเห็นเองกับตาแล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้นในหมู่บ้านแห่งนี้

    และพวกมันกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ -- พวกมันกำลังมุ่งหน้ามาหานาย --

    นายรู้อยู่แก่ใจ

    ใช่ อีกไม่นานพวกปิศาจร้ายจะมุ่งหน้ามาที่นี่ -- เคเลบนึก ขณะจ้องมองร่างสูงตรงหน้า -- กลิ่นเลือดของปิศาจที่เขาสาดไปทั่วทั้งบ้าน และอาบไปตามเนื้อตัวของเขาขณะนี้ ไม่อาจซื้อเวลาให้เขาได้มากไปกว่านี้

    พวกมันกำลังมา

    เคเลบพ่นควันสีเทาออกมา ใบหน้านิ่งเฉย ปราศจากซึ่งท่าทีของความหวาดกลัว หรือความประหลาดใจใดๆ มือข้างหนึ่งยังคงยังคงกำชับกระบอกปืนไว้แน่น

    ชายร่างสูงก้าวเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น -- มากจนมองเห็นผิวสีแดง เต็มไปด้วยแผลถลอก และร่องรอยตะปุ่มตะป่ำอย่างน่ากลัว ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในความมืดเอนไปทางข้างหนึ่งราวกับกำลังใช้ความคิด

    “นายไม่กล้ายิงปืนหรอก” เขาเอ่ยออกมา “หลังจากเกิดเรื่องขึ้นเมื่อหกเดือนก่อน -- จริงไหม”


    หกเดือนก่อน --


    เคเลบสบตามองชายตรงหน้าที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่คืบ และแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมา หากแต่คำตอบก็ปรากฏในแววตาคู่นั้นอย่างชัดเจน

    เรื่องราวเมื่อหกเดือนก่อนยังคงตามหลอกหลอนเคเลบอยู่จนถึงขณะนี้

    และนั่นก็ทำให้เกิดเงามืดฉายวูบขึ้นมาในดวงตาสีเขียวเข้มของชายผู้มาเยือน ก่อนที่จะหายไปอย่างรวดเร็ว

    “นายดูเปลี่ยนไปกว่าที่ฉันจำได้” เขากระซิบ “นายดู -- ทุกข์ทรมานอย่างน่าเหลือเชื่อ”

    ทุกข์ทรมานอย่างน่าเหลือเชื่อ

    คำพูดนั้นทำให้เคเลบหวนนึกถึงอดีตของตนขึ้นมา  มันทำให้เขานึกถึงตนเองเมื่อหกเดือนก่อนที่ยังคงแข็งแรง และเต็มไปด้วยพลังอันมากมาย --

    และหกเดือนที่ผ่านมา ก็เกิดอะไรขึ้นมากกว่าที่เขาคาดฝันไว้

    เคเลบหลับตาลงแน่น ริมฝีปากหยักพ่นควันสีเทาออกมาอย่างช้าๆ ราวกับว่าความทรงจำทั้งหมดนั้นกำลังไหลผ่านเข้ามาในห้วงความคิดของเขาอย่างรวดเร็วและรุนแรง

    “ฉันเสียใจ” เขาได้ยินเสียงตนเองเอ่ยออก -- มาอย่างช้าๆและชัดเจน -- “ฉันเสียใจต่อสิ่งที่ฉันทำเอาไว้เมื่อหกเดือนก่อน”

    คำสารภาพนั่นราวกับจะกระแทกเข้าไปในใจ ทั้งเขาและชายตรงหน้า

    ยิ่งเคเลบเจ็บปวดมากเท่าไหร่ ชายคนนี้ก็ดูทุกข์ทรมานมากขึ้นเท่านั้น -- พวกเขาช่างเหมือนกันราวกับฝาแฝด

    ราวกับเป็นคนคนเดียวกัน!

    นายลงมือฆ่า  นายออกแรงทุบด้วยท่อนไม้ นายฟาดมันลงมาไม่ยั้งมือ นายหวดมันเสียเต็มแรง! -- เสียงทุ้มดังก้องกังวานไปทั่วทั้งห้อง

    ชายร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึก ใบหน้าที่เอนไปทางข้างหนึ่งส่องกระทบเข้ากับแสงจันทร์มากขึ้นกว่าเดิม จนเผยให้เห็นกะโหลกที่ยุบผิดสัดส่วน ราวกับถูกทุบจนกระดูกแหลก “นายตั้งใจที่จะทำให้อีกฝ่ายตายคาที่ เคเลบ! นายไม่ได้เหลือโอกาสให้อีกฝ่ายมีชีวิตรอดในคืนนั้นเลย!

    คราวนี้เป็นเคเลบเองที่รู้สึกเจ็บปวด ราวกับคำพูดนั่นทิ่มแทงเข้าไปลึกถึงเนื้อใน

    เสียงทุ้มต่ำของชายร่างสูงแผ่วหายไป จนเกิดเป็นความเงียบขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง

    เคเลบยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมตัวนั้นด้วยท่าทีสงบนิ่ง ใบหน้ายังคงแหงนเงยขึ้น จ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาอันนิ่งเฉย หากแต่รอบนี้เขาไม่สูบยาสูบอีกต่อไป เขาทำเพียงถือมันไว้ในมือเท่านั้น

    “ฉันไม่เคยลืมเลย ว่าทำอะไรลงไป” เคเลบเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา

    “และนายพูดถูกทุกอย่าง  คืนนั้นฉันตั้งใจลงมือฆ่า -- อย่างเจตนา และอย่างไม่ลังเล --  ไม่มีคืนไหนที่ฉันลืมว่าฉันได้ทำอะไรลงไป” เคเลบพูดต่อไป โดยไม่หลบสายตาอีกฝ่าย -- คล้ายจะพูดกับตนเองมากกว่าร่างในเงามืดตรงหน้า

     ไม่มีคืนไหนที่ฉันลืมว่าฉันได้ทำอะไรลงไป

    ในคืนที่หมอกลงหนาคืนนั้น --

    คืนเดียวกันกับที่พวกเขาวิ่งหนีตาย พยายามเอาชีวิตรอด ทั้งเขา แมรี่โกลด์ และ --

    ลูกชายของเขา


    พวกเขาพยายามวิ่งหนีไปในความมืด สองเท้าออกวิ่งเข้าไปในป่าลึก ก้อนหินอันแหลมคม และขวากหนามของหมู่แมกไม้ทิ่มแทงไปตามผิวหนังเป็นทางยาว จนเลือดไหลซึมไปทั่วทั้งร่าง และกลิ่นเลือดนั่นก็ยิ่งทำให้เสียงปิศาจร้ายที่ตามไล่ล่ามาจากทางด้านหลังนั้นดังใกล้เข้ามามากขึ้น

    เคเลบจำได้ว่าเขาร้องเรียกแมรี่โกลด์ และลูกชายของเขาดังลั่น แวบหนึ่งเขาคิดว่าตนคลาดกับพวกเขาทั้งสองในความมืด สองหูไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงฝีเท้าที่ไล่ตามมาจากทางด้านหลัง และเสียงหัวใจเต้นอันดังลั่นของตนเองเท่านั้น

    ในที่สุดเคเลบก็หาพวกเขาได้สำเร็จ

    แมรี่โกลด์วิ่งมาหาเขาจากความมืดพร้อมกับลูกชายที่ดูอ่อนแรง ร่างเล็กๆของเด็กชายเปียกโชกไปด้วยเหงื่อกาฬ สองขาเล็กๆนั่นสั่นระริก และแทบจะล้มลงกับพื้นได้ทุกขณะ เนื้ออ่อนยังคงบอบช้ำ และห้อเลือด จากการที่ถูกเขาทุบตีไป

    ลูกเขาวิ่งไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว -- เส้นทางที่พวกเขาต้องวิ่งมานั้นยาวไกลเกินไป และเรื่องราวที่ต้องเผชิญมาตลอดทางนั้นก็หนักหนาเกินไปสำหรับเด็กเล็ก

    ริเวอร์ทนพิษบาดแผล และต่อสู้กับสัญชาตญาณเดรัจฉานในตัวเองได้ไม่นานกว่านี้อีกแล้ว

    เคเลบก้มลงอุ้มลูกชายขึ้นบ่าตนเองอย่างรวดเร็ว ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งถือท่อนไม้ไว้แน่น “ผมแบกเขาไปได้เร็วกว่า” เขาบอกแมรี่โกลด์ที่ดูอ่อนล้า และตื่นตระหนกในขณะเดียวกัน “คุณไหวไหม --”

    แมรี่โกลด์หอบหายใจ มือข้างหนึ่งกุมหน้าท้องตนเองแน่น หากแต่แววตาของเธอกลับเด็ดเดี่ยว และกล้าหาญ

    “ผมจะดูแลลูก และระวังหลังให้” เคเลบบอก ในขณะที่ได้ยินเสียงคำรามปิศาจร้ายไล่ตามหลังมา “ระวังตัวด้วย”

    แมรี่โกลด์พยักหน้ารับ เธอรู้หน้าที่ตนเองในทันที

    หญิงสาวคว้าท่อนไม้ไว้ในมือ แล้วออกวิ่งนำทางไปยังเบื้องหน้าอย่างไม่ยอมเสียเวลา “เราใกล้ถึงแม่น้ำแล้ว” เธอร้องบอก “อีกนิดเดียวเท่านั้น”

    ทว่าทันทีที่พวกเขาโผล่พ้นหมู่ต้นไม้ใหญ่ออกมานั้น ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้ากลับทำให้พวกเขารีบถอยกลับเข้าไปในเงามืดแทบทันที

    เงียบ! แมรี่โกลด์หันมาให้สัญญาณสามีกับลูกชายตนเอง

    ที่ริมแม่น้ำแห่งนั้นไม่ได้เงียบสงบ เช่นที่ควรจะเป็น หากแต่กลับเต็มไปด้วยซากศพ และร่างของเหล่าปิศาจร้ายที่วิ่งไล่ล่าเหยื่อไปทั่ว!

    ดูเหมือนมนุษย์ทุกคนจะคิดเหมือนกัน และต่างพากันหนีมายังแม่น้ำเหมือนกันหมด ทุกคนต่างหนีมายังเรือที่ริมแม่น้ำ เพื่อที่จะหลบหนีจากเหล่าปิศาจร้ายที่กำลังไล่ล่าพวกเขาอยู่บนผืนแผ่นดิน

    และนั่นทำให้ทุกคนมีจุดจบลงที่เดียวกัน --

    เคเลบกลั้นหายใจ ในขณะที่มองไปตามร่างของมนุษย์ที่ถูกฉีกกระชากเนื้อหนังออกเป็นชิ้นๆ คมเขี้ยวของปิศาจร้ายที่โฉบลงมานั้นยิ่งฝังลึก ยิ่งกัดกินมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ไปจนถึงกระดูก หัวใจ และเส้นเอ็น! -- พวกเขาดิ้นพล่าน ร้องโหยหวน เจ็บปวดสาหัสจนถึงแก่ความตาย กลายเป็นเหยื่อให้เหล่าปิศาจร้าย

    แล้วในวินาทีถัดมานั้น เหล่าบรรดาซากศพที่เต็มไปด้วยบาดแผล และชิ้นส่วนร่างกายขาดรุ่งริ่งไม่สมประกอบ ก็ขยับตัวขึ้นมาจากพื้น ชักกระตุกอย่างรุนแรง ร่างเหล่านั้นเงยหน้าขึ้นเปล่งเสียงคำรามราวสัตว์เดรัจฉาน ดวงตาที่เบิกโพลงกลายเป็นสีขาวขุ่นมัว จนเกือบจะสะท้อนแสงออกมาในความมืด

    ภาพสยดสยองตรงหน้ายิ่งน่ากลัวมากขึ้น เมื่อปิศาจกลุ่มหนึ่งค่อยๆหันมาทางหมู่แมกไม้ที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ --

    แมรี่โกลด์ตัวสั่นเป็นครั้งแรก ความกลัวเริ่มฉายชัดออกมาจากร่างเธอ แม้ว่าเธอจะพยายามควบคุมตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม

    แวบหนึ่งเคเลบภาวนาให้พวกมันไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา

    พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในหมู่แมกไม้ที่รกชัฏ จนแทบจะกลืนไปกับเงามืดของยามค่ำคืนนี้ -- พวกเขานิ่งและเงียบจนแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของต้นไม้ใหญ่รอบตัว --

    พวกมันไม่รู้หรอก -- เคเลบภาวนา -- พวกมันไม่รู้หรอก ว่าพวกเขาหลบซ่อนอยู่ที่นี่

    เคเลบเฝ้ามองท่าทีของพวกมันที่ขยับตัวหันไปมา -- จนในที่สุดพวกมันก็ทำบางอย่างที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน

    พวกมันกำลังดมกลิ่นกลางอากาศ! พวกมันได้กลิ่นเนื้อมนุษย์จากตัวเขา แมรี่โกลด์ และลูกชาย!

    ​และพวกมันกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้!

    ใบหน้าอันขาวซีดเหล่านั้นแผดเสียงออกมาดังลั่น และออกวิ่งตรงดิ่งมาทางที่พวกเขาซ่อนตัว!

    ไป แมรี่โกลด์!!! เคเลบส่งตัวริเวอร์ให้เธอรับช่วงต่อ ออกคำสั่งอย่างรวดเร็วว่า รีบไปที่เรือ!!!

    พวกเขาพุ่งตัวออกมาจากความมืด วิ่งหนีบรรดาปิศาจที่วิ่งไล่ล่าตรงมาที่พวกเขาสุดฝีเท้า เคเลบและแมรี่โกลด์หวดท่อนไม้ใส่บรรดาปิศาจร้ายที่เขามาปะทะจนสุดแรง! สองเท้าออกแรงวิ่งตรงไปยังริมแม่น้ำที่เต็มไปด้วยซากศพ ปิศาจร้าย และผู้คนที่พากันวิ่งหนีไปยังเรือ!

    “ห้ามล้ม!” เคเลบตะโกนบอกแมรี่โกลด์และริเวอร์ดังลั่น ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของบรรดาผู้คนรอบด้านที่หกล้ม แล้วถูกปิศาจตามมาทาบทับ กัดกินเนื้อหนังทั้งเป็น!  ห้ามล้มเด็ดขาด!!

    เคเลบวิ่งนำหน้าครอบครัวตนเอง เปิดทางให้เธอและลูกมีโอกาสวิ่งหนีสำเร็จให้มากที่สุด

    เขาออกแรงฟาดท่อนไม้ใส่บรรดาปิศาจร้ายที่โฉบเข้ามาใกล้อย่างไม่ยั้งมือ เลือดอันเหม็นเน่าสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ จนมันทำให้ริมแม่น้ำแห่งนี้กลายเป็นสีแดงฉาน  ทว่าเขายังคงออกแรงทั้งหมดที่มีในตัว สู้ปะทะกับเหล่าปิศาจร้ายที่พุ่งเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเปิดทางให้แมรี่โกลด์และริเวอร์สามารถหนีไปถึงเรือให้ได้

    “หนีไป!!” เคเลบออกคำสั่งบอกแมรี่โกลด์ เมื่อแน่ใจว่าทางข้างหน้าเปิดโล่งมากพอให้เธอฝ่าไปถึงริมแม่น้ำ

    แมรี่โกลด์รีรอเล็กน้อย เมื่อต้องทิ้งเคเลบไว้เบื้องหลัง

    หนีไป แมรี่!!! เคเลบสั่งซ้ำอีกครั้ง

    แมรี่โกลด์กำมือของลูกชายไว้แน่น “เราจะรอคุณที่เรือ” เธอร้องบอก แล้ววิ่งหายเข้าไปในความมืด

    เคเลบเอี้ยวตัวหลบปิศาจร้ายที่พุ่งออกมาจากพงหญ้าได้ทันอย่างเฉียดฉิว  เคเลบกระทืบกะโหลกของปิศาจร้ายจนแหลกคาฝ่าเท้า ก้มลงเก็บอาวุธอย่างหนึ่งที่สะท้อนแสงจันทร์ขึ้นมาไว้ในมือ -- มันคือปืนกระบอกหนึ่ง

    ตอนนั้นเองที่เสียงของแมรี่โกลด์ดังขึ้น

    “ช่วยด้วย!!!” แมรี่โกลด์ร้องเรียกมาจากพงหญ้า น้ำเสียงแตกตื่นจนแทบสิ้นสติ พวกมันมาจากพงหญ้า!!!”

    เคเลบตื่นตระหนกกับคำบอกนั้น “แมรี่โกลด์!!” เขาออกวิ่งไปตามต้นเสียง “คุณอยู่ที่ไหน!!”

    เคเลบ พวกมันกระชากเอาตัวลูกของเราไป!!! เสียงแมรี่โกลด์กรีดร้องดังลั่น

     “ไปรอผมที่เรือ!!!เขาร้องบอกเธอ ในขณะที่วิ่งตามเข้าไปในพงหญ้าสูงตรงหน้า “เอาเรือออกไปจากฝั่ง อย่าเข้ามาใกล้พงหญ้า มันอันตราย!!! แล้วผมกับลูกจะตามคุณไป!!”

    “เคเลบ!!” เสียงแมรี่โกลด์ยังคงกรีดร้องอย่างแตกตื่น จากนั้นตามมาด้วยเสียงหวดท่อนไม้ดังลั่น พวกมันมีกันมากกว่าที่เราเห็น!! เธอร้องบอก น้ำเสียงเหนื่อยหอบราวกับเพิ่งออกแรงต่อสู้ไปจนสุดแรง

    เคเลบฟังเสียงเตือนของภรรยา

    ดวงตาคมกริบกวาดมองไปรอบตัวอย่างระมัดระวัง ในขณะที่สองมือแหวกพงหญ้าออกกว้าง พยายามตามหาลูกชายที่หายตัวไปอย่างร้อนรน

    เคเลบเรียกชื่อลูกชายออกมาหลายครั้ง -- ทว่าไม่มีเสียงขานตอบกลับมา -- และนั่นทำให้เขาใจเสียจนเกือบคุมสติตนเองไว้ไม่อยู่

    ไม่จริง -- เขาบอกตัวเอง -- ลูกชายของเขาต้องอยู่แถวนี้ --

    เขาต้องช่วยลูกได้ทัน!

    เขาต้องไม่ทำผิดพลาดเป็นครั้งที่สอง

    มันต้องไม่พลาดเหมือนตอนที่เขาช่วยลูกไม่ให้ติดเชื้อจากการที่ถูกหมาล่าเนื้อกัดไว้ไม่ได้ -- ต้องไม่เหมือนตอนที่เขาขี้ขลาดจนเกือบทุบลูกจนตายคามือตัวเอง!

    จนกระทั่งมือเขาสัมผัสเข้ากับของเหลวอันอุ่นชื้นที่เปื้อนต้นหญ้าเบื้องหน้าตนเอง

    เคเลบหยุดฝีเท้าลง จ้องมองคราบเลือดนั้นนิ่ง -- กลั้นใจในขณะที่ค่อยๆแหวกพงหญ้าออก

    และภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้เขาแทบหมดลมหายใจ --

    ร่างเล็กที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่นั้นอาบท่วมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ลำคอเล็กๆนั่นเต็มไปด้วยแผลเหวอะ และเนื้ออ่อนถูกเฉือนเข้าไปลึก จนเคเลบมองเห็นเส้นเอ็น และเนื้อในสีแดงสดนั่นได้อย่างชัดเจน

    เคเลบเลื่อนสายตาไปยังร่างของปิศาจที่ยืนตระหง่านเหนือลูกชายเขา -- มันคือชายร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่ดูดุร้ายที่สุดที่เขาเคยเห็น!

    ชายปิศาจคนนั้นหันมองมาทางเคเลบ ผละออกจากร่างเด็กชาย รุดวิ่งตรงมา แล้วแผดเสียงดังลั่นอย่างน่ากลัว

    เคเลบหวดท่อนไม้จนมันแตกหักออกเป็นสองท่อน หากแต่มันก็ทำอะไรร่างกายบึกบึนอันแข็งแรงตรงหน้าไม่ได้เลยสักนิด! เคเลบถูกชนกระแทกล้มลงกับพื้น เขารีบยกสองมือขึ้นรั้งอุ้งปากที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวที่โฉบเข้ามาใกล้นั้นได้อย่างเฉียดฉิว!

    เคเลบคว้าหินข้างตัวมาไว้ในมือ โถมกระหน่ำทุบศีรษะของอีกฝ่ายอย่างไม่ยั้งมือ จนเลือดสีแดงฉานไหลพุ่งไปทั่วใบหน้าเขา หากแต่ชายร่างยักษ์ตรงหน้าก็ยังไม่เซล้มไปจากร่างเขาสักนิด!

    เคเลบมองโพรงปากที่เต็มไปด้วยคราบเลือดตรงหน้า ออกแรงต้านพละกำลังมหาศาลนั่นสุดชีวิต จนแทบได้ยินเสียงกล้ามเนื้อตัวเองฉีกขาด

    เขากำลังจะแพ้!

    ทว่าร่างเล็กของลูกชายเขาที่ยืนอยู่ห่างออกไป กระตุ้นจิตใต้สำนึกของเคเลบให้กลับมาสู้อีกครั้ง

    เคเลบออกแรงเฮือกสุดท้าย เขาคำรามลั่น ใบหน้าแดงก่ำ และเต็มไปด้วยเส้นเลือดที่ปูดโปน

    ปัง!

    เสียงปืนดังลั่นขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยความเงียบอึดใจหนึ่ง

    ร่างปิศาจยักษ์นั่นล้มลงจากร่างเคเลบ ชักกระตุกไปมาบนพื้นดินโคลนอย่างเจ็บปวดรวดร้าว เคเลบชันตัวลุกขึ้น จ่อปืนไปที่กะโหลกนั่น แล้วยิงซ้ำอีกนัดอย่างไม่ลังเล

    ปัง!

    คราวนี้ร่างยักษ์นั่นนอนแน่นิ่งไปบนพื้น --

    เคเลบหอบหายใจ -- แวบหนึ่งทุกอย่างราวกับจะสงบนิ่ง หากแต่วินาทีถัดมา สองหูของเขาก็ได้ยินเสียงร้องของปิศาจมาจากพงหญ้ารอบตัว -- และพวกมันกำลังมุ่งมาหน้ามาทางเขาอย่างชัดเจน

    เสียงปืนทำให้พวกมันมุ่งหน้ามาทางนี้ -- สำนึกนั้นทำให้เคเลบรีบปราดไปหาลูกชายตนเอง

    “ลูกเป็นอะไรไหม” เคเลบเข้าไปดูอาการบาดแผลลึกฉกรรจ์ตรงลำคอนั่น เขารีบคุกเข่าลง มือหนาพยายามกดห้ามเลือดที่ไหลทะลักออกมา

    ทว่าร่างเล็กนั่นกลับยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม

    “พ่อ” เด็กชายกระซิบออกมาสั้นๆ

    เคเลบมองร่างของริเวอร์ที่ค่อยๆหมุนตัวกลับมาทางเขาอย่างช้าๆ ดวงตากลมโตค่อยๆสบตามองเขา เผยให้เห็นดวงตาสีขาวโพลนที่ลอยเคว้ง

    เคเลบนิ่งตะลึงงัน ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทำให้เขาลืมสิ้นทุกสตินึกคิดทั้งหมดทั้งมวล

    มันสายไปแล้ว

    เขามาถึงช้าไป

    การกัดครั้งที่สองนั้น ทำให้ลูกชายของเขาสู้กับความเดรัจฉานในตัวต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว --

    แม้ว่าคำพูดเหล่านั้นจะดังก้องกังวานไปมาในความมืด หากแต่เคเลบก็จำได้ว่าเขายังคงพยายามห้ามเลือดริเวอร์ต่อไป

    เขาพยายามโอบอุ้มเด็กชายอีกครั้ง -- พยายามทำทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ที่จะพาเขาหนีไปจากที่นี่

    “ผมโดนกัดอีก --” เสียงเด็กชายกระซิบบอกอย่างตื่นกลัว “ผมกำลังจะทนไม่ไหวแล้ว --”

    เคเลบไม่สนใจฟังเสียงนั้น เขาออกแรงฉุดรั้งมือบางนั้นให้ออกเดินตามมา ไม่เป็นไร -- เขานึกในใจ -- มันต้องมีหนทางอื่น --

    หากแต่ลูกชายกลับทำในสิ่งที่เขาไม่คิด

    ใบหน้าเล็กนั่นโฉบพุ่งเข้ามาใกล้เขา ราวกับจะกัดทึ้งใบหน้าเขาอย่างดุร้าย!

    เคเลบสะดุ้ง ยกมือขึ้นรั้งร่างเล็กนั่นไว้แน่น

    ลูกชายเขากำลัง -- เปลี่ยนไป -- อย่างรวดเร็วและไม่ทันตั้งตัว

    เด็กชายค่อยๆดึงตนเองออกมาจากอุ้งมือผู้เป็นพ่อ ราวกับพยายามเหนี่ยวรั้งไม่ให้ตนเองเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากไปกว่านี้

    เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะนั้น ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบ หมดซึ่งคำพูดใดๆที่จะเอื้อนเอ่ยออกมา -- ต่างดูตื่นกลัว และแหลกสลายไม่ต่างกัน

    เคเลบมองลูกชายทั้งน้ำตาในตอนที่ริเวอร์ค่อยๆเปล่งเสียงออกมาว่า “ช่วยด้วย” เด็กชายกระซิบ “ช่วยผมด้วย --”

    เสียงปิศาจดังใกล้เข้ามามากขึ้น และยอดพงหญ้าก็เริ่มขยับไหวไปมามากกว่าเดิม -- พวกมันใกล้ประชิดตัวพวกเขาแล้ว

    “ผมกลัว -- ผมกลัว --” หยาดน้ำตาไหลมาจากดวงตาสีขาวมัวของเด็กชาย เสียงลมหายใจดังครืดคราดพร้อมกับเปล่งเสียงที่เริ่มกลายเป็นเสียงคำรามว่า “ผมจะกลายเป็นแบบพวกมันไหม --” เขากระซิบ “ผมจะตายไหมครับ พ่อ --”

    เคเลบไม่กล้าตอบคำถามนั้น

    และนั่นคือคำตอบที่เด็กชายรับรู้ได้เช่นเดียวกัน -- ริเวอร์สัมผัสได้ถึงชะตากรรมของตนเอง -- เพราะเขาพูดออกมาว่า

    “ผมรักพ่อ” ริเวอร์กระซิบด้วยเสียงที่แหบพร่า “บอกแม่ -- ว่าผมรักแม่ --”

    พริบตานั้นเด็กชายก็แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ราวกับฟางเส้นสุดท้ายได้ฉีกขาด จิตวิญญาณ และสติสัมปชัญญะแห่งความเป็นมนุษย์ได้หลุดลอยออกไปจากร่างของเขาจนหมดสิ้น

    ใบหน้าอันขาวซีดปราศจากความใสซื่อดั่งที่เคเลบคุ้นเคย ท่าทีอันอ่อนโยนของเด็กชายกลับกลายเป็นดุร้ายป่าเถื่อน ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำเข้ม และริมฝีปากบางที่อ้ากว้างผิดปกติ ก็เต็มไปด้วยคมเขี้ยวราวกับสัตว์ป่า

    ลูกชายได้จากเขาไปแล้ว --

    เคเลบมองริเวอร์ทั้งน้ำตา ในตอนที่เขาพุ่งเข้ามาใกล้พร้อมกับเปล่งเสียงกรีดร้องแหลมสูง

    โครม!

    น้ำตาเขาไหลเป็นครั้งแรก เมื่อออกแรงฟาดท่อนไม้ในมือใส่ร่างเล็กๆนั่น

    ใบหน้าอันขาวซีดอาบไปด้วยเลือด เนื้อส่วนหนึ่งลอกถลอกอย่างน่ากลัวจากแรงทุบกระแทก ริเวอร์แผดเสียงดังลั่น คมเขี้ยวงอกเงยออกมามากขึ้นราวกับสัตว์ร้าย

    โครม! โครม! โครม!

    เคเลบฟาดลงไปไม่ยั้งมือ -- ยิ่งเขาออกแรงมากเท่าไหร่ และท่อนไม้หวดลงไปรุนแรงมากเพียงใด เศษเสี้ยวในใจเขาก็ยิ่งแหลกสลายมากขึ้นเท่านั้น

    จนถึงจุดหนึ่งเคเลบรู้สึกราวกับว่าดวงวิญญาณของเขาได้แตกสลาย และดับสูญไปตลอดกาล

    สำนึกนั้นทำให้เคเลบก้าวถอยหนี -- ดวงตาจับจ้องไปยังร่างเล็กที่บิดเบี้ยวผิดรูป และผิวกลายเป็นตะปุ่มตะป่ำมากขึ้นกว่าเดิม

    เขาลงมือมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว -- เคเลบบอกตนเองทั้งน้ำตา -- เขาทำไม่ได้

    แล้วเมื่อร่างเด็กชายคลานเข้ามาใกล้มากพอ มือหนาข้างหนึ่งของเขาก็รั้งศีรษะเล็กๆนั่นไว้แน่น หน้าผากกว้างก้มลงแนบชิดกับหน้าผากที่ลอกถลอกนั้น -- เคเลบหลับตาลงแน่น ก่อนที่จะกลั้นใจ --

    ปัง! -- เสียงปืนดังขึ้น

    ร่างของริเวอร์ชักกระตุก ในตอนที่เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด

    ปัง!

    ร่างเล็กนั้นล้มลงบนพื้น ใบหน้าอันขาวซีด เปื้อนไปด้วยเลือดที่ไหลมาจากรอยกระสุนข้างขมับ

    เคเลบ! เสียงร้องอย่างตื่นตกใจระคนตื่นกลัวสุดขีดของแมรี่โกลด์ดังขึ้นมาจากริมแม่น้ำที่อยู่ไกลออกไป เคเลบ!!

    แล้วเธอก็เรียกชื่อลูกออกมา “ริเวอร์!!!”

    ชื่อริเวอร์ที่แมรี่โกลด์กรีดร้องออกมานั้นดังลั่นไปทั่วทั้งความมืด

    และชื่อนั้นก็ทำให้เคเลบได้สติ

    เขาลุกขึ้นมาจากพื้นอันเปียกชื้น ค่อยๆก้าวถอยออกมาจากภาพตรงหน้า สัญชาตญาณเอาตัวรอดเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง --

    เขายังต้องปกป้องแมรี่โกลด์ -- เขาต้องรีบหนีไปจากที่นี่  -- ทว่าดวงตายังคงไม่อาจละไปจากร่างเล็กที่นอนจมกองเลือดสีแดงฉานนั้นได้

    ลาก่อน ลูกรัก -- เขาได้ยินเสียงตนเองกระซิบ -- 

    ในที่สุดเคเลบก็ทอดทิ้งลูกชายที่เพิ่งฆ่าทิ้งกับมือไว้ตรงนั้นอย่างเดียวดาย

    ลาก่อน ริเวอร์ --

    เขาบอกลาลูกชายตนเอง ก่อนที่จะกลับหลังหัน ออกแรงวิ่ง และทอดทิ้งลูกชายไว้ในพงหญ้าที่หมอกเริ่มลงหนา หนาวเย็น และเต็มไปด้วยเลือด โดยไม่หันหลับมามองอีกเลย


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in