“ช่วยด้วย!” เสียงกรีดร้องดังลั่น
เคเลบสะดุ้งตื่นขึ้น ดวงตาเบิกโพลง
เสียงร้องคำรามอันดุร้ายของสัตว์เดรัจฉาน และเสียงกรีดร้องอันตื่นตระหนกที่ดังก้องกังวานพลันหายไป คล้ายเสียงสะท้อนที่เลือนหายไปอย่างฉับพลัน
เคเลบหอบหายใจ ดวงตาสีดำกวาดมองไปตามกำแพงห้องที่ว่างเปล่า ผ้าม่านที่ปิดสนิท และประตูห้องที่ถูกลงกลอนไว้อย่างแน่นหนา แล้วเมื่อสายตาเขาชินกับความมืด เคเลบก็ค้นพบว่าสิ่งที่ทำให้หัวใจเขาเต้นรัวเร็วอยู่ขณะนี้ มันเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น
เป็นแค่ฝัน -- เคเลบบอกตนเอง -- ดวงตายังคงเบิกโพลง ขณะจ้องมองเพดานห้องนอน
ฝันร้ายที่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของริเวอร์
เขาสัมผัสถึงหัวใจตรงอกซ้ายที่ค่อยๆเต้นลงอย่างช้าๆ ฟังเสียงหอบหายใจของตนที่ค่อยๆแผ่วเบาลง
เคเลบพบว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียงของตนเอง ในท่าเดียวกันกับก่อนที่เขาจะหลับตานอนเมื่อคืน แขนข้างหนึ่งยังคงเหยียดตรงอยู่ภายใต้ผ้าห่ม ในขณะที่มืออีกข้างกำลังกุมฝ่ามืออันบอบบางไว้แน่น
เคเลบเหลือบมองฝ่ามือที่เขากุมกระชับเอาไว้ ก่อนจะไล่มองไปยังใบหน้าของเจ้าของฝ่ามือนั้น
ดวงตาสีเขียวของแมรี่โกลด์กำลังจ้องมองมา ริมฝีปากอิ่มส่งยิ้มมาให้เล็กน้อย ราวกับได้แอบมองเขาอยู่นานแล้ว
“สวัสดี” เคเลบกระซิบกับภรรยาสาว
“สวัสดีค่ะ” เธอตอบกลับมา
เคเลบมองรอยคล้ำใต้ตาของเธอ ก่อนจะถามขึ้นมาเบาๆว่า “คุณได้นอนหลับไปบ้างไหม แมรี่”
เขาถามเธอออกไปแบบนั้น ทั้งๆที่รับรู้อยู่เต็มอก ว่าเธอนอนไม่หลับ
สิ่งที่เธอกำลังแบกรับ และต่อสู้อยู่ภายในนั้นหนักหน่วง และน่ากลัวเกินกว่าที่เธอจะข่มตาหลับลงได้ --
ทั้งเขา และเธอไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วนั้น เธอจะยังเป็นแมรี่โกลด์คนเดิมอยู่หรือไม่
ความเงียบ และความหนาวเย็นในค่ำคืนปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของเขาและเธอ ความรู้สึกห่างเหินเกิดขึ้นมาในฉับพลัน และมันทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ห่างไกลจากเธอราวพันปีแสงก็ไม่ปาน
มันจบลงแล้ว -- เสียงหนึ่งดังขึ้นมาในใจของเขาอย่างแผ่วเบา -- เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความสุข หรืออุ่นไอรักใดๆในห้องนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
ดูเหมือนทั้งเขาและเธอจะเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดบางอย่างโดยไม่รู้ตัว
และบางที มันอาจจะจบไปตั้งนาน ตั้งแต่เมื่อหกเดือนก่อนแล้ว --
ในขณะที่เขาเผชิญหน้ากับความฝันอันโหดร้ายในยามหลับไหล แมรี่โกลด์ก็กำลังเผชิญหน้ากับความตายที่คืบใกล้เข้ามาในโลกของความเป็นจริง
เคเลบจ้องมองเธออยู่นาน ตัดสินใจที่จะไม่ซักไซ้ต่อ
มือหนาที่กอบกุมมือของเธอเลื่อนขึ้นมาตามเรียวแขน และหัวไหล่อันบอบบางของเธอที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำเข้มอย่างแผ่วเบา
ดวงตาสีดำเข้มของเคเลบจับจ้องใบหน้าภรรยาสาว -- พยายามจดจำเธอทุกรายละเอียดราวกับว่าเขาอาจจะไม่มีโอกาสนี้อีกต่อไปแล้ว
เขาพินิจมองไปตามใบหน้าของเธอ ทั้งหน้าผากกลมมน จมูกที่เชิดรั้น และริมฝีปากอิ่มตรงหน้า -- เธอดูอ่อนล้า และเหน็ดเหนื่อย หากแต่ความอ่อนหวานตรงหน้ากลับทำให้เคเลบรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดให้โน้มเข้าไปใกล้ชิดเธอมากขึ้น -- และมากขึ้น -- มากจนเห็นรอยกระบนจมูก และประกายเจิดจ้าในดวงตาสีเขียวคู่นั้นได้อย่างชัดเจน
ชั่วขณะนั้นแมรี่โกลด์ยังคงดูสวยงาม และอ่อนหวาน อย่างเช่นที่เขารู้จักมาตลอดทั้งชีวิต
เรือนผมสีแดงเพลิงที่สยายไปทั่วผ้าปูที่นอน ยิ่งทำให้ใบหน้าเล็กๆนั่นดูผุดผ่องมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น และงดงามยิ่งกว่าที่เคยเป็น --
ทว่าสำนึกถัดมาได้ปลุกให้เขาลืมตาตื่นขึ้นจากภวังค์
และนั่นทำให้แมรี่โกลด์ในสายตาเขาแปรเปลี่ยนไป
พลันผิวอันขาวผ่องนั้นกลับเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำเข้มกว่าเดิม และดวงตาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสีเขียวเจิดจ้า ก็กลับกลายเป็นสีขาวโพลน ดูว่างเปล่า และปราศจากความรู้สึกใดๆ --
เคเลบกลับมาสู่โลกความเป็นจริง ภาพในอดีตที่เขาจดจำเธอได้เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
ไม่มีอีกแล้ว แมรี่โกลด์ที่เขารู้จัก ไม่มีอีกแล้ว ความงามที่ตรึงตา กลิ่นกายที่หอมหวาน และความอ่อนโยนที่เขาคุ้นเคย -- ตอนนี้เหลือไว้เพียงผิวที่เริ่มลอกถลอกเป็นทางยาว กลิ่นเหม็นเน่าที่ลอยคลุ้ง และเสียงคำรามราวสัตว์ป่าเท่านั้น
ในวินาทีที่เขาปล่อยตัวปล่อยใจนั้นเอง ใบหน้าของแมรี่โกลด์ก็โฉบเข้ามาใกล้ คมเขี้ยวพุ่งเข้ามายังเส้นเลือดใหญ่ตรงลำคอของเขา พร้อมกับเปล่งเสียงคำรามที่ดังก้องไปทั่วทั้งห้อง!
เคเลบหลับตาลง เตรียมรับความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น --
หากแต่แมรี่โกลด์ยั้งตัวเองไว้ได้ทันในนาทีสุดท้าย -- ใบหน้าที่อยู่ห่างจากลำคอเขาไปเพียงเล็กน้อยนั้นสั่นระริก คมเขี้ยวที่สัมผัสผิวหนังของเขาไปอย่างฉิวเฉียดนั่นค่อยๆขยับถอยห่างไปอย่างช้าๆ -- ท่อนแขน และท่อนขาอันบวมช้ำของเธอ กอดรัดร่างเขาไว้แน่น -- ไม่นานนัก มันก็สั่นเทิ้ม และอ่อนแรง จนแทบขยับไม่ได้
ถึงตรงนี้เสียงคำรามจากลำคอหญิงสาวก็ดังขึ้นกว่าเดิม จนเคเลบแทบไม่ได้ยินเสียงเดิมของเธอในนั้นอีกต่อไปแล้ว
แมรี่โกลด์ใกล้จะถึงขีดจำกัดของตนเอง --
เธออดทนได้นานกว่าใครอื่นที่เขาเคยเผชิญหน้า -- เธอต่อสู้ได้นานกว่าคนติดเชื้อคนอื่นๆ
แต่ความอดทน และการต่อสู้กับตัวเองของเธอไม่อาจยื้อได้นานไปกว่านี้อีกแล้ว
ฉับพลันนั้นความคิดบางอย่างได้ครอบงำเคเลบขึ้นมาชั่วขณะ
มือหนาของเขากุมกระชับแขนของเธอแน่นกว่าเดิม บีบมันอย่างรุนแรงราวกับต้องการให้เธอแหลกสลายคามือของเขา ความคิดอันรุนแรงบางอย่างที่เกิดขึ้นมานั้น ทำให้ใบหน้าคมสันดูดุดันขึ้นมาชั่วขณะ ดวงตาอันคมกริบคู่นั้นทอประกายเจิดจ้าขึ้นในความมืด ก่อนที่จะหายวับไปอย่างรวดเร็ว
เคเลบสะดุ้งเป็นครั้งแรก -- แล้วทุกอย่างก็หยุดลงอย่างรวดเร็ว
วินาทีนั้นทั่วทั้งร่างเขาหยุดนิ่ง ฝ่ามือที่กุมหัวไหล่เธอเอาไว้เกร็งแน่นขึ้นมากะทันหัน ราวกับตื่นตกใจกับความคิดก่อนหน้าของตนเอง
เคเลบห้ามตนเองเอาไว้ --
ห้ามไม่ให้ตนใกล้ชิดเธอมากไปกว่านี้ --
ดวงตาอันลอยเคว้งของแมรี่โกลด์ยังคงจ้องมองมาอย่างแน่นิ่ง แม้เธอจะมองไม่เห็น แต่เคเลบก็มั่นใจว่าเธอกำลังพิจารณาเขาอยู่เงียบๆ ด้วยสติของมนุษย์อันน้อยนิดที่ยังหลงเหลืออยู่
หากแต่แมรี่โกลด์ก็ไม่ได้ถามคำถามใดๆออกมา
แต่เคเลบรู้ -- ว่าเธอรู้ว่าชั่วขณะนั้นเขากำลังคิดอะไร
เธอรู้ --
ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่นาน จนในที่สุดเคเลบก็ขยับตัว เขาโน้มใบหน้าไปจุมพิตเรือนผมสีแดงเพลิงของเธอ จากนั้นจึงขยับตัวลงจากเตียง ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
เขามองดูร่างบางที่นอนสั่นระริกอยู่บนเตียง ฟังเสียงครวญครางในลำคอ และเสียงหายใจดังครืดคราดที่ดังลั่นไปทั่วทั้งห้องนั่น -- แมรี่โกลด์ขยับหันมาตามเสียงฝีเท้า รูจมูกสูดดมกลิ่นเนื้อหนังจากร่างของเขา พร้อมกับคมเขี้ยวที่ปรากฏชัดขึ้นมาที่มุมปากอย่างชัดเจน
เคเลบทนมองเธอต่อไปอีกไม่ได้ มันทรมานเกินไป
เธอกำลังต่อสู้กับตนเองสุดความสามารถ
ยิ่งเธอต่อสู้กับจิตใต้สำนึกตนเองมากแค่ไหน ยิ่งเธอพยายามฉุดรั้งเวลาเพื่อลูกในท้องมากเพียงใด เธอก็ยิ่งห่างไกลจากความเป็นมนุษย์มากขึ้นเท่านั้น
เธออาจจะคลอดลูกคืนนี้จริงอย่างที่คาดไว้ แต่เธอจะทำไม่สำเร็จ -- เขาบอกตนเอง -- เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะทำสำเร็จ
เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขา -- ทั้งเขาและเธอ -- จะทำสำเร็จ
เคเลบกุมท่อนไม้ในมือไว้แน่น แล้วก้าวเดินตรงไปทางประตูห้อง
เสียงของแมรี่โกลด์ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง -- เสียงของเธอกลายเป็นเสียงร้องของปิศาจร้าย -- และเขาก็ไม่ได้หันกลับมามองเธอ
เคเลบลงมายังด้านล่างของตัวบ้าน กวาดตามองไปตามบ้านที่ถูกทิ้งร้างไปนานอย่างระมัดระวัง
เขาไล่สายตาไปตามผืนพรมที่เขาวางเป็นทอดยาวมาจากประตูหน้า มองดูคราบดินโคลนที่เปื้อนเป็นทางยาว และรอยชื้นที่ยังปรากฏอยู่เป็นดวง
มันทำให้เคเลบหวนนึกถึงความเย็นชื้น และความมืดสลัวของค่ำวันนี้อีกครั้ง
ตอนค่ำที่เขาเกือบจะช่วยชีวิตของแมรี่โกลด์ไว้ไม่ได้
แมรี่!!! เขาร้องเรียกเธอดังลั่น
โลกของเขาหยุดหมุนไปชั่วขณะ ในตอนที่เห็นร่างของเธอถูกฉุดกระชากลงมาจากลำเรือ ลากไปตามริมแม่น้ำ แล้วเข้าไปในพงหญ้า
ความเงียบงันรอบตัวถูกทำลายด้วยเสียงกรีดร้องของแมรี่โกลด์
จากนั้นเสียงเนื้อที่ถูกฉีกกระชากก็ดังขึ้น
ถึงตรงนี้เคเลบก็หลับตาลงแน่น เมื่อหวนนึกถึงตอนที่เขาหวดปิศาจร้ายตนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกะโหลกมันแหลกเป็นชิ้นๆ
เขาพุ่งตัวไปช่วยแมรี่โกลด์ออกมาจากพงหญ้าริมแม่น้ำ ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่างรอบตัว เมื่อเห็นเลือดไหลอาบไปทั่วลำคอของเธอ --
เธอโดนกัด
เคเลบพยายามรวบรวมสติของตนเองเข้าด้วยกันอย่างสุดความสามารถ
แต่เธอยังไม่ตาย! เขาบอกตนเอง เขายังช่วยเธอได้!
แมรี่โกลด์สั่นสะท้าน ขยับถอยหนีเขาในทันที “อย่าเข้ามาใกล้” เธอร้องบอก ดูหวาดกลัว และเสียขวัญอย่างชัดเจน “อย่าเข้ามาใกล้ฉันตอนนี้!!”
หากแต่เคเลบไม่สนใจคำสั่งนั้น
เขาไม่กลัวเธอ
เขาโอบอุ้มเธอขึ้นมา อดทนต่อแรงดิ้นสะบัดอันรุนแรงนั้น จนกระทั่งวินาทีหนึ่งเขาก็พลั้งเผลอทำให้เธอสะบัดหนีเป็นอิสระจากอ้อมกอดไป
แมรี่โกลด์ลงมือทำในสิ่งที่ต้องทำในทันที
เธอพยุงท้องที่ใหญ่โตของตนเองไว้แน่น ออกแรงวิ่งฝ่าดินโคลน แล้วตรงดิ่งเข้าสู่พงหญ้าอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากอิ่มอ้ากว้าง และเปล่งเสียงร้องออกมาดังลั่น -- มันเป็นเสียงกรีดร้องของหญิงสาวประสานกับเสียงร้องของสัตว์ป่าที่ฟังดูสยดสยองชวนขนลุก ราวกับว่ามีใครสักคนกำลังถูกสัตว์ป่ารุมทำร้ายก็ไม่ปาน ทั้งๆที่มันเป็นเสียงที่ดังมาจากร่างของหญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่งเท่านั้น!
แมรี่โกลด์เสียหลักล้มลงบนพื้นอย่างรุนแรง เธอกัดฟันแน่น ออกแรงคลานไปตามพื้นดิน ร่างทั้งร่างจมไปกับดินโคลนอันเปียกชื้น ในขณะที่สองตามองหาอะไรบางอย่างในความมืดรอบตัว
เคเลบวิ่งไล่ตามเธอมาติดๆ เขาคว้าข้อเท้าเธอไว้แน่น และพยายามฉุดรั้งร่างของเธอเอาไว้ ไม่ให้เข้าพงหญ้ามากไปกว่านั้น
“มันอันตราย!” เคเลบร้องบอก ใบหน้าคมสันฉายความตื่นกลัวออกมาอย่างชัดเจน “อาจจะมีพวกมันอยู่แถวนี้อีก!”
ความทรงจำครั้งสุดท้ายที่พวกเขาอยู่บนฝั่งไหลผ่านเข้ามาในหัวทันที ภาพลูกชายของเขาที่นอนจมกองเลือดกลางสายหมอกเมื่อหกเดือนก่อนฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง
ความทรงจำอันเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับลูกชาย และเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับภรรยา ทำให้เคเลบรู้ว่าพวกมันอยู่ในที่ที่มีเหยื่อให้ไล่ล่าเป็นอาหารอันโอชะอยู่เสมอ
และพวกเขาก็กำลังพาตัวเองมาตกอยู่ในสถานที่อันตรายนั่น พวกเขากำลังอยู่ริมแม่น้ำ ท่ามกลางป่าลึก และพงหญ้า!
แมรี่โกลด์ดิ้นสะบัดเป็นอิสระจากเขาอีกครั้ง คราวนี้เธอถอยหนีอย่างรวดเร็ว สองมือคว้าอะไรบางอย่างออกมาจากพงหญ้า
มันคือท่อนไม้ขนาดใหญ่ท่อนหนึ่ง
ก่อนที่เคเลบจะได้ทันทำอะไร แมรี่โกลด์ก็เงื้อมท่อนไม้นั่นขึ้นสูงเหนือศีรษะ
โครม!
วินาทีนั้นเคเลบตะโกนห้ามเธอจนสุดเสียงในตอนที่เธอหวดมันลงบนท่อนขาตนเองจนสุดแรง!
โครม! โครม! โครม!
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสดังมาจากร่างของแมรี่โกลด์ ใบหน้างามแดงก่ำ อาบไปด้วยน้ำตา และบิดเบี้ยวอย่างน่าสงสาร จนขาทั้งสองข้าง และแขนทั้งสองท่อนหมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะขยับเขยื้อนอีกต่อไป
เคเลบปราดเข้ามายื้อท่อนไม้นั่นมาจากเธอ ซัดมันทิ้งให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วโอบอุ้มร่างอันอ่อนแรงของเธอไว้ในอ้อมแขน
“เคเลบ --” เธอร้องเรียกเขาด้วยเสียงแหบแห้ง “ฉันถูกกัด --”
เคเลบเอื้อมมือไปปัดผมเธอให้พ้นจากลำคอ จ้องมองรอยแผลเหวอะที่ปรากฏอยู่บนเนื้ออันขาวผ่องนั่น
เคเลบหลับตาลงแน่น ความรู้สึกอันรุนแรงปะดังปะเด และท้วมท้นไปทั่วทั้งร่างเขา จนแวบหนึ่งเคเลบรู้สึกว่าตนกำลังจะแหลกสลายหายไปก็ไม่ปาน
“ฉันถูกกัด --” แมรี่โกลด์ยังคงกระซิบต่อไป “ฉันขอโทษ --”
ทำไมคุณทำแบบนี้ -- เคเลบได้ยินเสียงเขาร้องถามเธอ --
ทำไมคุณทำกับตัวเองแบบนี้ -- เขาถามซ้ำไปซ้ำมา จับท่อนแขนที่สั่นระริกนั่นอย่างเบามือ
แต่แมรี่โกลด์ไม่ได้ทำร้ายตัวเองลงไปเพราะไร้สติ -- เธอรู้ตัวดียิ่งกว่าใครว่ากำลังทำอะไร
เธอรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เธอรู้ว่าเธอกำลังจะกลายเป็นอะไรหลังจากนี้ -- และเธอจะไม่ยอมให้มันเป็นไปแบบนั้น
“ฉันจะไม่ทำร้ายคุณ สองมือและสองขาของฉันในสภาพนี้ ไม่อาจตามไล่ล่าคุณได้มากเหมือนพวกมันแล้ว --” แมรี่โกลด์กระซิบ คล้ายจะบอกกับตนเองมากกว่าเขา “คุณต้องรอด -- ตอนนี้ฉันกับลูกเหลือแค่คุณแล้ว -- คุณคนเดียวเท่านั้นที่ต้องไม่ติดเชื้อ” เธอหลับตาลงแน่น “คุณต้องช่วยฉันคลอดลูก -- และฉันจะรักษาชีวิตลูกของเราไว้ให้สำเร็จ -- ฉันจะไม่ยอมเสียใครไปอีกแล้ว -- ไม่อีกแล้ว --”
เคเลบนิ่งตะลึงงัน แทบไม่เชื่อว่าเพียงไม่กี่นาทีที่เกิดขึ้นหลังจากลงจากเรือ จะทำให้เขาสูญเสียเธอและลูกไปอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้
ทุกอย่างผิดพลาดไปหมด และรวดเร็วไปหมด จนเขาตั้งตัวแทบไม่ติด --
หากแต่ร่างแมรี่โกลด์ที่กำลังสั่นเทิ้ม และกุมหน้าท้องอันนูนเด่นของตนเองไว้แน่นนั้น ทำให้เขากลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง
ยัง -- เขาบอกตัวเองดังลั่น -- เขายังไม่ได้เสียเธอ และลูกไป!
แมรี่โกลด์ และลูกยังอยู่ตรงนี้กับเขา!
เคเลบรวบรวมสติของตนเอง ขับไล่ความคิดอันน่าสะพรึงกลัวออกไปจากจิตใจ
พวกเขาต้องรีบไปจากตรงนี้ -- เคเลบใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง -- เขาและเธอจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้ไม่ได้!
ถึงตรงนี้ เป็นเคเลบที่ทำในสิ่งที่ต้องลงมือทำสิ่งที่คิดอย่างรวดเร็ว และทันที
เขาโอบอุ้มร่างอันอ่อนแรงของแมรี่โกลด์ไว้แน่น แล้ววิ่งฝ่าป่าลึกไปอย่างระมัดระวัง พยายามสุดความสามารถที่จะหลบซ่อนอยู่ในเงามืด ในขณะที่วิ่งตัดหมู่แมกไม้ และพงหญ้าที่รกชัฏ
เสียงร้องของเหล่าปิศาจคล้ายจะแว่วดังมาจากในเงามืด บางครั้งมันดังมาจากทางด้านหลัง และบางครั้งดังมาจากทางด้านหน้า หากแต่เคเลบก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากเดินหน้าต่อไปเท่านั้น
ยิ่งเดินหน้า ก็ยิ่งได้ยินเสียงเหล่านั้นใกล้เข้ามามากขึ้น
ความมืดที่รายล้อมตัวเขา ยิ่งทำให้ป่าแห่งนี้ดูน่าสะพรึงกลัวมากกว่าเดิม และอันตรายมากกว่าเดิม
จนกระทั่งเสียงเหยียบท่อนไม้ดังขึ้นมาจากทางเบื้องหน้าเขา
แกรก!
เคเลบชะงักฝีเท้าในทันที มือหนาโอบอุ้มร่างของแมรี่โกลด์เอาไว้แน่น ในขณะที่ตั้งท่าระวังตนเอง
ทันใดนั้นร่างของชายฉกรรจ์ที่เต็มไปด้วยบาดแผลก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเคเลบ -- ดวงตาอันน่ากลัวที่จ้องมองมานั้น สำรวจมองเคเลบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะพูดขึ้นมาท่ามกลางความมืดสลัวว่า
“นายไม่ใช่คนที่นี่”
เคเลบเองก็มองสำรวจอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเช่นเดียวกัน -- ชายคนนี้ยังไม่ถูกกัด
ชายคนนั้นย่างเดินเข้ามาใกล้ ร่างสูงใหญ่มีท่าทีคุกคาม และข่มขู่อยู่ในที ก่อนจะขยับมือข้างหนึ่งมาเบื้องหน้าอย่างช้าๆ --
ในมือหนาข้างนั้น กำลังถือปืนกระบอกหนึ่ง
เคเลบละสายตาจากปืนกระบอกนั้น แล้วเงยหน้าขึ้นสบตามองอีกฝ่าย “เรามาดี” เคเลบกระซิบบอก “เราแค่ผ่านมาทางนี้เท่านั้น --”
“ไม่มีใครผ่านมาที่นี่นานแล้ว” ชายคนนั้นแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงข่มขู่ “อะไรทำให้นายมาที่นี่ -- เจ้าคนต่างถิ่น --”
“เมียฉันใกล้คลอดลูก” เคเลบตอบ ยังคงประเมินท่าทีอีกฝ่ายอยู่ในที “เราต้องการหมอ และนี่คือหมู่บ้านที่ฉันรู้ว่าจะหาหมอได้จากที่ไหน”
คำตอบนั้นทำให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นสูง “ฉันรู้จักนาย” เขานิ่งคิดเล็กน้อย “นายคือเคเลบ -- ชายที่เขาว่ากันว่าเป็นฆาตกรฆ่าทอมมี่ -- ชายที่เลี้ยงลูกปิศาจ และเป็นเจ้าของหมาปิศาจคนนั้น --”
“ฉันไม่ได้ฆ่าใคร” เคเลบบอก
“เจคอบไม่ได้เล่าไว้แบบนั้น” ชายคนนั้นจุ๊ปาก “ไม่เอาน่า -- จนป่านนี้แล้ว ไม่มีใครสนใจหรอกว่าใครฆ่าใคร -- เราต่างหนีเอาตัวรอดกันทั้งนั้น -- ใครเก่งสุด ก็เป็นผู้รอดชีวิต จริงไหม”
ชายคนนี้คิดไม่ซื่อ -- เคเลบบอกได้ในทันที -- ชายคนนี้ไม่ต่างอะไรจากโจรป่าที่ดักซุ่มทำร้ายผู้คนที่ผลัดหลงมา
“เราแค่ต้องการหมอ” เคเลบย้ำอีกครั้ง
ฉับพลันนั้น เขาก็แสยะยิ้มออกมาราวกับขำขันในคำพูดของเคเลบ ใบหน้าอันดุร้ายนั้นฉายความเย้ยหยันออกมาอย่างเปิดเผย
“หมอหรือ -- นายถ่อมาถึงที่นี่เพราะหมองั้นหรือ” เขาทวนคำพูดเคเลบ “ที่นี่ไม่มีหมออีกต่อไปแล้ว -- ที่แห่งนี้ไม่เหลืออะไรอีกต่อไปแล้ว! นอกจากพวกปิศาจร้าย กับพวกหน้าโง่ที่พยายามต่อสู้กอบกู้หมู่บ้าน -- หมอน่ะหรือ -- ตื่นเสีย นายกำลังฝันลมๆแล้งๆ เคเลบ”
เคเลบชำเลืองมองปลายเท้าอีกฝ่ายที่ก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้น และปลายปากกระบอกปืนจ่อมาทางเขามากกว่าเดิม
“นายเดินทางมาทางแม่น้ำ ด้วยเรือของนาย” ชายคนนั้นว่าต่อไป “มีแค่นายกับเมียนายสองคนงั้นหรือ”
ตอนนั้นเองที่เคเลบได้ยินเสียงกระซิบของแมรี่โกลด์
ริมฝีปากที่อยู่แนบชิดใบหูเขาอยู่นั้น กระซิบออกมาเสียงเบาหวิวว่า “มันมีกันสามคน --” เธอกระซิบ “พวกมันมีกันสามคน --”
คำเตือนของแมรี่โกลด์ ทำให้เคเลบเงี่ยหูฟังรอบตัว -- ก่อนจะพบว่าเป็นความจริงอย่างที่แมรี่โกลด์บอก
ขณะนี้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากหมู่แมกไม้รอบตัวเขา แม้จะดังเพียงแผ่วเบา หากแต่เขาก็แน่ใจว่ามีใครอื่นกำลังซุ่มดูเขาอยู่จากมุมมืดแห่งนี้
และมันทำให้เขากับแมรี่โกลด์ตกอยู่กลางวงล้อมของเหล่าโจรพวกนี้
ตอนนั้นเองที่ชายคนนั้นยิ้มออกมาอีกครั้ง คราวนี้ร่างของชายฉกรรจ์อีกสองคนปรากฏตัวขึ้นมาจากหมู่แมกไม้
พวกเขาล้อมเคเลบไว้ทั้งทางด้านหน้า และด้านหลัง ปิดกั้นซึ่งทุกๆทางออก
“นายต้องการอะไร” เคเลบถาม กระชับร่างแมรี่โกลด์แน่นมากขึ้น “นายต้องการเรือของฉันหรือ”
ชายทั้งสามหัวเราะประสานเสียงกันออกมา “เรืองั้นหรือ” พวกเขาถาม “พวกเราต้องการทั้งหมดเลยต่างหาก”
เคเลบตั้งท่าป้องกันตัวในทันที “อย่า” เขาบอก “ตอนนี้เราเหลือกันแค่นี้เท่านั้น -- เราเหลือแค่มนุษย์ด้วยกันเท่านั้น -- เราอย่ามาสู้กันอีกเลย”
คำพูดของเคเลบทำให้ชายทั้งสามดูประหลาดใจ
“งั้นนายคงรู้ว่านายเชื่อใจใครไม่ได้ทั้งนั้น” ชายคนนั้นว่าต่อไป พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “และนายคงรู้ว่าทุกที่ย่อมมีค่าผ่านทาง --”
“เมียผมแดงของนายสวยดีนี่” หนึ่งในนั้นพูดออกมา ขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับควงท่อนไม้ไปมา “สวยจนอันตรายเกินไปสำหรับที่นี่”
“มาสนุกกันก่อน ก่อนที่โลกนี้จะจบสิ้นกันดีกว่า”
“ก่อนตาย ได้สนุกกันก่อน ก่อนไม่เลวนี่นะ” พวกเขารุดประชิดเข้ามา พร้อมกับหัวเราะเสียงสูง
เคเลบใช้มือข้างหนึ่งปัดฝ่ามือของอีกฝ่ายทิ้งอย่างรุนแรง แสดงท่าทีหวงแหน และปกป้องภรรยาออกมาอย่างไม่เกรงกลัว
“อย่าแตะต้องเธอ” เขากระซิบเสียงต่ำ ดวงตาสีดำคมเข้มดูดุดันขึ้นมาในพริบตา
ท่าทีแข็งกร้าวของเคเลบราวกับจะบันดาลโทสะของชายทั้งสาม พวกเขาพุ่งตรงเข้ามา พร้อมกับขยับท่อนไม้ฟาดลงมาใส่เคเลบอย่างรวดเร็ว!
หากแต่ก่อนที่ไม้ท่อนนั้นจะกระแทกเข้ากับศีรษะของเคเลบ และก่อนที่ใครจะได้ทันทำอะไรมากไปกว่านั้น ร่างของแมรี่โกลด์ในอ้อมกอดของเคเลบก็ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
แมรี่โกลด์ที่ดูอ่อนแรง กลับขยับตัวอย่างรวดเร็วท่ามกลางความมืดสลัว
ในพริบตานั้น ร่างเล็กๆของเธอได้พุ่งเข้าใส่ชายที่กำลังหวดท่อนไม้ลงมา คมเขี้ยวที่โผล่พ้นมาจากมุมปากกัดกระชากท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั่นจนเป็นแผลเหวอะ
แมรี่โกลด์กัดกระชากกล้ามเนื้อนั่นออกเป็นทางยาว จนเลือดสาดกระจาย เธอไม่สนใจเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของชายคนนั้นสักนิด ใบหน้าอันซีดขาวนั้นดูดุร้ายราวสัตว์ป่า ในขณะที่โผเข้าใส่ชายอีกคนที่พุ่งเข้ามาทางด้านหลัง
มือนั้นบีบลำคอชายอีกคนด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล กรงเล็บที่ปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วฉีกกระชากลำคอหนาจนเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ และก่อนที่ชายคนนั้นจะได้ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ลมหายใจของเขาก็ดังขาดห้วง ร่างทั้งร่างชักกระตุกอย่างรุนแรง ก่อนจะแน่นิ่งไปคาฝ่ามือของเธอ
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้น พร้อมกับกระสุนที่ทะลุไหล่ของแมรี่โกลด์!
วินาทีนั้นเคเลบขยับตัวไปยื้อฝ่ามือหนาที่ตั้งท่ายิงภรรยาของตนอีกครั้ง เขาคำรามลั่น ออกแรงสู้อีกฝ่ายสุดชีวิต
“เมียแกเป็นปิศาจ!!” ชายคนนั้นร้องลั่น “แกมันบ้าไปแล้ว ที่ยังปกป้องเมียแกอยู่!!!”
สิ้นเสียงนั้น เคเลบก็ปล่อยหมัดเข้าใส่ใบหน้าอีกฝ่ายจนเขาล้มลงบนพื้น
เคเลบคว้าปืนออกมาจากมืออีกฝ่าย แล้วกระแทกศีรษะนั่นด้วยด้ามปืนตามไปติดๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายสลบไปในที่สุด
เสียงหอบหายใจครืดคราดดังขึ้นมาจากเบื้องหลังของเคเลบ
เขาค่อยๆหันชำเลืองไปทางต้นเสียง ก่อนจะพบแมรี่โกลด์ที่กำลังหอบหายใจ และสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
ใบหน้าอันขาวซีดนั้นอาบท่วมไปด้วยเลือด และดวงตาที่จ้องมองมานั้นก็เริ่มกลายเป็นสีขาวขุ่นเล็กน้อย
“แมรี่โกลด์ --” เคเลบกระซิบช้าๆ ขณะเฝ้าดูอากัปกิริยาของเธอ “แมรี่ --”
แมรี่โกลด์ไม่ตอบเขา หากแต่สั่นสะท้านมากกว่าเดิม -- ท่อนแขน และขาที่ออกแรงต่อสู้ไปเมื่อครู่ ยิ่งทำให้แผลเดิมบวมช้ำอักเสบมากขึ้น จนเธอแทบจะทรงตัวไม่ไหวอีกต่อไป
เธอทนเจ็บปวด ฝืนออกแรงสู้เพื่อปกป้องเขาเอาไว้
สภาพเธอในตอนนี้ดูราวกับปิศาจร้ายที่เขาหลบหนีมาตลอดหลายเดือน -- หากแต่เธอกลับไม่มีท่าทีจะไล่ล่าเขาแต่อย่างใด
“อย่าทิ้งฉัน ได้โปรด --” เธอกระซิบวอนขอออกมา “อย่าฆ่าฉัน --”
คำขอนั้นทำให้เคเลบตกใจ
นี่ภรรยาของเขากำลังกลัวเขาอยู่งั้นหรือ --
เคเลบขยับไปใกล้เธอมากขึ้น -- แมรี่โกลด์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขาโอบกอดเธอเอาไว้ แล้วอุ้มขึ้นมาจากพื้น ท่อนแขนอันแข็งแรงกอดรัดเธอไว้แนบแน่น แทนที่จะปล่อยเธอทิ้งไว้ในความมืด
เขากระซิบปลอบประโลมเธอแนบใบหู ก่อนจะออกเดินไปตามทางอีกครั้งอย่างรีบเร่ง
เสียงร้องของเหล่าปิศาจร้ายดังมาจากความมืดของป่าอีกครั้ง คราวนี้ใกล้เข้ามามากกว่าเดิม ราวกับว่าพวกมันได้ยินเสียงปืน และเสียงต่อสู้ของพวกเขา
หากแต่เลือดของแมรี่โกลด์ที่ไหลมาเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งร่างนั้น ทำให้เขาเดินหน้าต่อไป
เขาต้องหาที่ปลอดภัยให้แมรี่โกลด์ให้ได้!
สำนึกอันแรงกล้าทำให้เขาเดินหน้าต่อไปได้มากขึ้น และนานมากขึ้น --
จนกระทั่งเขามองเห็นบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้าตนเอง -- มันคือบ้านของเขาเอง
แวบหนึ่งเขาไม่แน่ใจว่าบ้านหลังนั้นปลอดภัย และเงียบสงบอย่างที่ตาเห็นจริงหรือไม่ หากแต่เขาก็ไม่เหลือทางเลือกอื่นอีก
เคเลบตัดสินใจเสี่ยงดวง ตรงไปยังบ้านหลังนั้น แล้วออกแรงกระแทกประตูเข้าไปในบ้าน
ดวงตาคมกริบสอดส่ายไปรอบๆ หากแต่ไม่พบอะไรนอกจากความมืด และความเงียบสงัดเท่านั้น
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอื่นอีก เคเลบจึงบรรจงวางร่างของแมรี่โกลด์ลงบนพื้นไม้ และปิดประตูตามลงอย่างรวดเร็วจนไม้กระดานดังลั่นเอียดอาดไปทั่วทั้งความเงียบ
สิ้นเสียงลั่นของไม้กระดานนั้นเอง เสียงร้องคำรามก็ดังขึ้นมาจากในตัวบ้าน เงามืดโฉบพุ่งมาทางเขาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงกรีดร้องอันแหลมสูง!
สัญชาตญาณเอาตัวรอดในตัวเคเลบทำงานในทันที เขากระแทกร่างที่พุ่งเข้ามานั้นเข้ากับบานประตู
เคเลบคำรามดังลั่น รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลือในกายต่อสู้กับอีกฝ่าย เขาปล่อยหมัดกระแทกอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า และครั้งแล้วครั้งเล่า -- จนกระทั่งร่างเล็กนั้นล้มลงบนพื้น แล้วชักกระตุกอย่างรุนแรง จนเกิดเป็นเสียงดังขึ้นในความมืดสลัว
เคเลบหมดสิ้นเรี่ยวแรง ล้มลงกับพื้นดังโครม!
ชายปิศาจคนนั้นหันขวับมาทางเคเลบ แล้วแผดเสียงออกมาในทันที
เคเลบสะดุ้ง เผลอหยิบปืนที่ขโมยมาได้จ่อไปทางหัวของชายคนนั้นที่เละไปเกือบครึ่ง
หากแต่สภาพที่ขยับแทบไม่ได้ของอีกฝ่าย กลับทำให้เคเลบหมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะลั่นไก
เหตุการณ์อันรวดเร็วที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ทั้งเคเลบ และแมรี่โกลด์ต่างหอบหายใจ เหนื่อยล้า และพูดอะไรออกมาไม่ได้ไปชั่วขณะ
“เค” แมรี่โกลด์กระซิบออกมาอย่างยากลำบาก “คุณอยู่ที่ไหน --”
“ผมอยู่นี่” เคเลบกระซิบตอบมาจากทางมุมห้อง
แมรี่โกลด์ดูโล่งใจเมื่อได้ยินเสียงสามีตนเอง ก่อนจะหันไปตามเสียงร้องของชายปิศาจคนนั้น -- ดวงตาที่เกือบมืดบอดของเธอมองไปทางต้นเสียง พร้อมกับถามออกมาว่า “เขายังไม่ตายหรือ”
เคเลบค่อยๆปรับลมหายใจของตนเองให้เข้าที่
เขาหันชำเลืองไปทางชายปิศาจที่นอนดิ้นอยู่บนพื้น -- ก่อนจะพบว่ามันคือร่างของชายชราที่เหม็นเน่า ผิวอันเหี่ยวย่นลอกถลอก และเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำเข้มอย่างน่ากลัว
เขาติดเชื้อแล้ว --
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นราวกับจะดูดพลังของสองสามีภรรยาไป แมรี่โกลด์ดูใกล้จะหมดสติ ในขณะที่เคเลบดูเข้าใจในอะไรบางอย่าง
การที่ร่างของปิศาจร้ายตนนี้พุ่งผ่านร่างของแมรี่โกลด์ไป แล้วตรงมายังเขา ทำให้เขาแน่ใจมากกว่าเดิม
เคเลบยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดของแมรี่โกลด์ออกจากร่างตนเอง -- ยิ่งเขาเช็ดมันออกเท่าไหร่ และยิ่งกลิ่นเหม็นเน่าหลุดพ้นจากผิวเขามากเพียงใด เสียงคำรามของปิศาจร้ายก็ยิ่งดังขึ้นเท่านั้น --
เคเลบชำเลืองมองไปยังแมรี่โกลด์ ไล่สายตาไปยังบานหน้าต่างที่แตกร้าว และผืนพรมที่อยู่กลางห้อง
เขาใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงขยับตัวอย่างระมัดวังไปทางหน้าต่าง
มือหนาปลดผ้าม่านผืนยาว มาปูลงบนพื้นต่อจากผืนพรมเป็นทางยาว ให้แผ่ออกไปยังโถงทางเดิน
ร่างสูงค่อยๆเหยียบลงบนผืนพรม ระวังไม่ให้เกิดเสียงใดๆดังขึ้น ในขณะที่ชำเลืองมองปิศาจตรงหน้า -- ใบหน้าอันเหี่ยวย่นนั่นไม่ได้หันมาทางเขา
แต่เมื่อเคเลบเหยียบปลายเท้าลงบนไม้กระดาน เสียงเอียดอาดที่ดังลั่นขึ้นมานั้น ก็ทำให้ร่างเล็กนั่นหันขวับมาทางเขา แล้วเปล่งเสียงคำรามออกมาในทันที
นั่นทำให้เคเลบรู้วิธียื้อเวลาในการเอาตัวรอดบนแผ่นดินนี้ได้ในที่สุด
เขารู้แล้ว -- เคเลบบอกตนเอง
ปิศาจร้ายไม่รับรู้การมีตัวตนของคนติดเชื้อ
มันรับรู้ได้เพียงมนุษย์ที่เป็นเหยื่อของพวกมันเท่านั้น
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมแมรี่โกลด์ถึงรับรู้ได้ว่ามีชายอีกสองคนหลบซ่อนอยู่ในป่า
ทำไมกลิ่นเลือดของแมรี่โกลด์บนตัวเขาถึงทำให้ชายปิศาจคนนี้ไม่พุ่งกัดเขาในทันที และทำไมชายปิศาจถึงพุ่งใส่เขาเมื่อไม้กระดานดังลั่น
นั่นเพราะกลิ่นเลือดของผู้ติดเชื้อ จะอำพรางเขาจากพวกปิศาจได้ -- เลือดแมรี่โกลด์ที่เปื้อนไปทั่วตัวเขาช่วยอำพรางเขาเอาไว้ได้
พลันภาพการเผชิญหน้าเมื่อหกเดือนก่อนของเขากับเจคอบก็ฉายชัดขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้ง
นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเสียงปืนถึงทำให้พวกมันแห่กันมาที่พวกเขา และทำไมกลิ่นมนุษย์ถึงเรียกพวกสัตว์ป่าและคนติดเชื้อตรงมาที่หมู่บ้าน
คำตอบคือกลิ่น และเสียง
ในที่สุด เคเลบก็เดินเข้าไปใกล้ร่างปิศาจตนนั้น แล้วทำในสิ่งที่ต้องทำ
เขาออกแรงกระทืบกะโหลกเล็กๆนั่น จนแหลกสลายแตกเป็นเสี่ยงๆอย่างไม่ปรานี!
เคเลบก็คว้าศีรษะที่แหลกสลายนั่นไว้ในมือข้างหนึ่ง ออกแรงสะบัดมันไปทั่วพื้น ไม่แยแสต่อกลิ่นเลือดเน่าที่คลุ้งไปทั่ว จากนั้นจึงโยนศีรษะอันน่าสยดสยองนั่นไปให้พ้นตัว เมื่อแน่ใจว่ากลิ่นเลือดเน่านั้นปกคลุมไปทั่วบริเวณ
เกิดความเงียบขึ้นภายในตัวบ้านอีกครั้ง --
เคเลบหอบหายใจ รวบรวมสติตนเอง ก่อนจะหันมาทางภรรยาสาวที่นิ่งตัวแข็ง
เสียงดังที่เกิดขึ้นทำให้เธอแทบไม่กล้าขยับตัว -- ดวงตาคู่โตเบิกกว้าง ร่างทั้งร่างแทบไม่ขยับหายใจด้วยความกลัว
“ผมจะปกป้องคุณเอง” เขาบอกเธอ ก่อนจะอุ้มเธอไปยังชั้นบนของตัวบ้านอย่างระมัดระวัง พยายามก้าวเดินไปตามผืนพรม ไม่ให้เกิดเสียงดังใดๆขึ้น “เชื่อใจผม แมรี่โกลด์”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in