แมรี่โกลด์ลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืดสลัว
ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวที่แล่นปราดไปทั่วทั้งร่าง ทำให้เธอตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล -- ฝันร้ายนั้นพลันหายไปในพริบตา
ท่อนแขน และขาทั้งสองข้างของเธอสั่นเทิ้ม อ่อนแรงจนแทบขยับไม่ได้ ราวกับมันถูกทุบอย่างรุนแรง
ทุบงั้นหรือ --
คำนั้นทำให้ความทรงจำไหลผ่านเข้ามาในความคิดของเธอ -- ภาพท่อนไม้ที่หวดเข้าที่แขน และขาของเธอฉายชัดขึ้นมาในใจอีกครั้ง
และมือที่ถือท่อนไม้ไว้แน่นนั้น ก็ไม่ใช่มือใครอื่น หากแต่มันคือมือของเธอเอง --
แมรี่โกลด์หลับตาลงแน่น เมื่อสติเริ่มกลับเข้าร่างตนเองอีกครั้ง -- เป็นเธอเองที่ทำลายแขนและขาของตน จนแทบขยับไม่ไหว --
เธอไม่อยากจะขยับตัวได้อย่างปกติ
เธอไม่อยากจะให้ตัวเองนั้นเป็นคนที่ -- อันตราย -- มากไปกว่านี้
จากนั้นท่อนไม้ก็ถูกใครคนหนึ่งยื้อแย่งไปจากมือของเธอ มือหนาอันแข็งแรงนั้นกระชากท่อนไม้ไป แล้วซัดมันทิ้งลงบนพื้นดินโคลนอันเปียกแฉะ --
พื้นดินอันเปียกชื้น ที่ริมแม่น้ำแห่งนั้น --
แม่รี่โกลด์จำได้ว่าใบหน้าของเธอได้จมลงไปในความเปียกชื้นของดินนั่นจนเกือบครึ่ง ร่างทั้งร่างชักกระตุกแหวกว่ายอยู่ในดินโคลนนั้นอย่างรุนแรง จนลมหายใจแทบจะหมดจากร่าง และสติอันน้อยนิดก็เกือบจะหลุดลอยหายไป --
ถึงตรงนี้เธอก็มองเห็นอ้อมแขนของเคเลบ -- เป็นเขาที่หยุดยั้งไม่ให้เธอทำร้ายตนเองมากไปกว่านี้
แล้วก็เป็นเขา ที่โอบอุ้มเธอขึ้นมา แบกร่างของเธอไว้ในอ้อมกอดนั้นไปตลอดทางอันมืดสลัว
จากนั้นภาพริมแม่น้ำเริ่มเลือนหายไป และถูกแทนที่ด้วยป่าทึบ
ถึงตรงนี้ความจำของเธอก็ค่อยๆเลือนหายไป --
ฉับพลันนั้นเอง ความเจ็บปวดที่หน้าท้องก็ทำให้เธอแทบหยุดหายใจ ลืมสิ้นซึ่งความเจ็บปวดอื่นๆบนร่างกายตนเอง -- แรงบีบรัดอันหนักหน่วงนั่นฉุดรั้งให้เธอหวนกลับคืนมาสู่ความเป็นจริงตรงหน้าอีกครั้ง
หญิงสาวหอบหายใจ เหงื่อกาฬไหลอาบไปทั่วทั้งร่าง ดวงตาสีเขียวจ้องมองความมืดสลัวเหนือร่างตนเองอยู่นาน ก่อนที่จะพยายามเคลื่อนมืออันอ่อนแรงมาสัมผัสแผงอกของตนเอง
หัวใจที่เต้นเป็นจังหวะอันรัวเร็วนั้น ทำให้เธอสำนึกได้ว่าตนยังมีชีวิตอยู่
เธอยังไม่ตาย --
แมรี่โกลด์สูดลมหายใจเข้าลึก นึกตกใจเมื่อได้ยินเสียงดังครืดคราดออกมาจากแผงอกตนเอง
นั่นเสียงของเธอหรือ --
หากแต่ความตกใจนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเธอแว่วได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากทางด้านนอกของตัวบ้าน
“เคเลบ” แมรี่โกลด์กระซิบ “มีใครบางคนอยู่ข้างนอกนั่น --” เธอเอื้อมมือไปทางที่นอนข้างตนเอง หากแต่ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่า
นั่นทำให้เธอตื่นตระหนกยิ่งขึ้น ร่างบางขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง สองมือที่สั่นเทิ้มจากความเจ็บปวดพยายามออกแรงควานหาไปทั่วที่นอนข้างตน หากแต่เธอก็ไม่พบร่างของสามีตนเอง ไม่แม้แต่ไออุ่นที่หลงเหลืออยู่ --
นั่นทำให้เธอรู้ว่าเขาไปจากเธอนานหลายชั่วโมงแล้ว
แมรี่โกลด์พยายามระงับความหวาดกลัว และควบคุมสติของตนเองสุดความสามารถ เธอเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามายิ่งขึ้น -- จากนั้นเสียงกระแทกประตูก็ดังขึ้น แล้วตามมาด้วยเสียงสบถเบาๆ
นั่นใครกัน -- เธอนึก สัญชาตญาณในตัวกำลังร้องบอกเธอว่านั่นไม่ใช่เคเลบ และมันทำให้เธอระวังตัวขึ้นมาในทันใด
เธอกล้ำกลืนความเจ็บปวด ขยับมืออันรวดร้าวไปทางหัวเตียง พยายามควานหาอาวุธป้องกันตัว หากแต่ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่า --
แมรี่โกลด์กลั้นใจในขณะที่เสียงฝีเท้านั้นเดินไปรอบตัวบ้าน จากนั้นก็แผ่วหายไป -- เธอนิ่งรอ ทว่าไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้นอีกนอกจากความเงียบงันเท่านั้น --
เธออาจจะหูแว่วไปเอง --
แต่แล้วในวินาทีที่เธอเกือบจะวางใจแล้วนั่นเอง เสียงฝีเท้ากลับดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดังขึ้นที่หน้าประตูบ้านอย่างชัดเจน
บานประตูถูกปลดกลอน
ใครคนนั้นเข้ามาในตัวบ้าน แล้วปิดประตูตามลงมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะลงกลอนอย่างแน่นหนาอีกครั้ง --
แมรี่โกลด์นิ่งตัวแข็ง แทบไม่กล้าหายใจ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้านั่นดังมาตามโถงบันได ใกล้เข้ามาที่ห้องเธออย่างช้าๆ
“เคเลบ --” แมรี่โกลด์กระซิบออกไป
เสียงฝีเท้าหยุดลงที่หน้าประตูห้อง ทว่าไม่มีเสียงขานตอบกลับมาจากอีกฟากของประตู
แมรี่โกลด์กลั้นใจ รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี เตรียมเผชิญหน้ากับผู้มาเยือน -- แต่แล้วเมื่อเสียงบานประตูเปิดออก เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นกลับเป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยมาตลอดทั้งชีวิต
“แมรี่” เคเลบเรียกเธอ
แมรี่โกลด์ทอดถอนลมหายใจออกมา น้ำตาเอ่อท้นดวงตาทั้งสองข้าง ความรู้สึกหวาดกลัวระคนโล่งอกทำให้เธอน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว “เป็นคุณนี่เอง” เธอพูดออกมา
“แมรี่โกลด์ --”
“คุณไปไหนมา” หญิงสาวถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “หกเดือนที่ผ่านมาเราไม่เคยห่างกัน ข้างนอกนั่นอันตรายมากแค่ไหน เราต่างรู้ดี ทำไมคุณไม่ปลุกฉัน --”
เคเลบนิ่งไปเล็กน้อย รู้สึกเหมือนเพิ่งได้ยินเสียงของเธอชัดเจนครั้งแรกในรอบหกเดือน “คุณขยับตัวไม่ไหวแล้ว แมรี่โกลด์” เขาบอก
หญิงสาวไม่ได้ปฏิเสธความจริงในเรื่องนั้น “แต่คุณก็ควรจะบอกฉัน --” เธอบอก
เคเลบชำเลืองมองไปยังท่อนแขนที่สั่นเทิ้ม และท่อนขาที่ดูอ่อนแรงของภรรยาสาว เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบาว่า “คุณไม่ควรทำร้ายตัวเองแบบนี้ --”
เสียงทุ้มของเคเลบที่ดังขึ้นในความมืดนั้นทำให้ร่างของแมรี่โกลด์นิ่งเงียบไปนาน
“ฉันจะไม่มีวันทำร้ายคุณ --” แมรี่โกลด์ตอบอย่างอ่อนแรง “ด้วยวิธีนี้แล้ว ฉันจะไม่สามารถทำร้ายคุณได้ -- อย่างน้อยก็ดีกว่าการที่ฉันมีแขนและขาที่สมบูรณ์ --”
เคเลบไม่ได้ตอบ ดวงตาที่จ้องมองตรงมานั้นดูนิ่งสงบ จนยากที่จะอ่านความคิดใดๆได้
จนในที่สุด เขาก็เรียกเธอขึ้นมาอีกครั้งอย่างช้าๆว่า “แมรี่โกลด์” เขาเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น กระทั่งหยุดฝีเท้าลงที่ปลายเตียง “คุณมองผมไม่เห็นแล้วใช่ไหม”
คำถามนั้นทำให้แมรี่โกลด์นิ่งเงียบไป
ใบหน้าสวยหวานแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย เหงื่อกาฬไหลอาบลงมาตามขมับ และลำคอ -- ดวงตาสีเขียวที่มองตรงมานั้นดูล่องลอย และว่างเปล่าอย่างน่าใจหาย
ในที่สุดริมฝีปากอิ่มก็เผยอออก แล้วเปล่งเสียงออกมาว่า “ไม่ เคเลบ” เธอยอมรับ “ฉันแทบมองไม่เห็นคุณ -- หรืออะไรอีกต่อไปแล้ว -- ทุกอย่างมันเลือนราง จนเกือบมืดบอด”
เคเลบพยักหน้า จ้องมองภรรยาสาวที่นั่งอยู่กลางเตียงอย่างเงียบเชียบ แสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่างที่แตกร้าวมานั้น ยิ่งทำให้เขามองเห็นเส้นเลือดสีดำที่เริ่มปรากฏขึ้นมาตามท่อนแขนของเธอมากขึ้น
“คุณได้กลิ่นผมไหม” เคเลบถาม
แมรี่โกลด์ส่ายหน้า
เคเลบหลับตาลงแน่น มือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นเช็ดคราบเลือดอันเหม็นเน่าออกจากใบหน้า และลำคอของตนเอง จากนั้นจึงขยับขึ้นนั่งตรงปลายเตียง จ้องมองใบหน้าหญิงสาวที่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ แล้วถามอีกครั้งว่า “คราวนี้คุณได้กลิ่นผมไหม”
แมรี่โกลด์ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนที่จะพยักหน้าช้าๆ “เลือนราง”
เคเลบพยักหน้ารับ แล้ววางบางอย่างลงบนหน้าตักของเธอ
“ผมไปตามหาของที่จำเป็นต้องใช้ในหมู่บ้าน” เขาบอก “ผมไปตามหามีดผ่าตัด”
แมรี่โกลด์ยังคงนิ่งเงียบ ขณะที่ไล่มือสัมผัสไปตามคมมีดตรงหน้า ไม่สะดุ้งสักนิดแม้ว่ามันจะบาดปลายนิ้วเธอเป็นทางยาว
“ผมคิดว่าเราอาจจะต้องใช้มัน” เคเลบเช็ดเลือดออกจากนิ้วของภรรยาสาว หากแต่เธอกลับขยับมือหนี
เคเลบเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของแมรี่โกลด์ ที่ตอนนี้ดูขาวซีดยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดวงตาสีเขียวที่ลอยเคว้งคู่นั้นคล้ายจะกำลังจ้องมองเขา
“ฉันทำได้” เธอกระซิบออกมา “ฉันทำด้วยตัวของฉันเองได้ เคเลบ”
แมรี่โกลด์ขยับมือมาวางลงบนหน้าท้องที่นูนเด่นของตนเอง สัมผัสมันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมว่า
“ฉันคลอดลูกของเราได้”
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องชั่วอึดใจหนึ่ง ทั้งเคเลบและแมรี่โกลด์ต่างจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของตนเองอีกครั้ง
เธอดูสั่นสะท้านไปทั้งร่างยิ่งกว่าเดิม ส่วนเขาก็ดูเงียบขรึมมากขึ้น
ทว่าทั้งคู่กลับต่างดูเจ็บปวด และหวาดกลัวในบางสิ่งบางอย่างไม่ต่างกัน
เคเลบมองฝ่ามืออันสั่นระริกของแมรี่โกลด์ที่เกร็งแน่นยิ่งขึ้น ไล่ขึ้นมายังมุมปากที่ปรากฏให้เห็นคมเขี้ยวอันแหลมคม
ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายขยับตัว --
หลังจากที่นั่งนิ่งไปนาน เขาก็ลุกขึ้นมาจากขอบเตียง เดินไปคว้าอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะเดินกลับมาหาภรรยาสาว วางมันลงบนตักของเธออย่างนุ่มนวล แล้วพูดออกมาช้าๆว่า
“คุณทำไม่ได้หรอก แมรี่โกลด์”
คำพูดและการกระทำของเขาทำให้แมรี่โกลด์สะดุ้ง แวบหนึ่งเธอดูบันดาลโทสะ และเสียใจกับคำปรามาสของเขา แต่ทว่าในวินาทีถัดมานั้น ท่าทีของเธอก็ดูเปลี่ยนไป
หญิงสาวก้มหน้าลงไปยังหน้าตักตนเอง ปลายจมูกสูดดมกลิ่นที่สัมผัสได้อย่างรัวเร็ว ท่าทีแปรเปลี่ยนเป็นร้อนรนขึ้นมาในพริบตา
มือบางอันสั่นเทิ้มค่อยๆเอื้อมไปสัมผัสมันอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบากว่า “เคเลบ --”
“นกอินทรียักษ์” เคเลบบอกสั้นๆ “ผมจับมันได้ในป่า ระหว่างทางที่กลับมานี่”
แมรี่โกลด์เม้มริมฝีปากแน่นจนริมฝีปากแตกเป็นแผล ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม ราวกับกำลังอดกลั้นต่อความรู้สึกอันรุนแรงภายในร่างตนเองจนสุดกำลัง
“คุณควรกินมันเสีย” เคเลบบอก จ้องมองเธอผ่านความมืดสลัว “คุณคงหิวจัดมากแล้ว”
ราวกับคำพูดของเคเลบได้กระตุ้นให้สัญชาตญาณดิบเถื่อนในตัวของแมรี่โกลด์ตื่นตัวขึ้นมาอย่างเต็มที่ ความอดกลั้นอดทนได้พังทลายลง
ร่างบางเปล่งเสียงคำรามลั่น ใบหน้าโฉบลงไปยังร่างของนกอินทรียักษ์ คมเขี้ยวอันแหลมคนนั่นฉีกกระชาก กัดกินเนื้อหนังของมันอย่างตะกรุมตะกรามราวกับสัตว์ป่า เลือดสีแดงเข้มสาดกระเซ็นไปทั่วร่างของเธอ เตียงนอน และร่างสูงของเคเลบที่ยืนอยู่ข้างๆ เศษชิ้นเนื้อ และขนนกกระจัดกระจายไปทั่วเตียงนอน พร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่เหม็นคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ปะปนกับกลิ่นเลือดเน่าที่โชยมาจากร่างของเธอ จนห้องเล็กๆห้องนี้คล้ายจะกลายเป็นสุสานก็ไม่ปาน
เคเลบเฝ้ามองภรรยาของตนเองอย่างสงบนิ่ง จ้องมองทุกอากัปกิริยาของเธอ จนกระทั่งช่วงเวลาสยดสยองอันแสนยาวนานนั้นจบลง -- ในที่สุดเสียงกระดูกที่แตกหัก และเสียงเนื้อที่ถูกฉีกกระชากก็เงียบหายไป และถูกแทนที่ด้วยเสียงหอบหายใจอันหนักหน่วงของแมรี่โกลด์แทน
แมรี่โกลด์เงยหน้าขึ้น ท่าทีอันดุร้ายหายวับไป เหลือไว้เพียงดวงตาสีเขียว ที่ค่อยๆกลายเป็นสีขาว และเลือดที่ไหลมาจากมุมปากตนเองเท่านั้น
แมรี่โกลด์ยกมือขึ้นสัมผัสคราบเลือดที่มุมปาก และใบหน้าของตน -- ของเหลวสีแดงที่อาบท่วมไปทั่วร่างนั้นทำให้เธอสั่นสะท้านอย่างรุนแรง จิตใต้สำนึกของความเป็นมนุษย์ที่กลับคืนมา ทำให้เธอตื่นตระหนกต่อสิ่งที่เพิ่งกระทำลงไป จนหยาดน้ำตาไหลอาบทั้งสองข้างแก้ม
“โอ!” เธอร้องออกมา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่เกิดขึ้น “ไม่นะ! --”
เคเลบนั่งลงตรงหน้าแมรี่โกลด์อีกครั้ง เขาโอบกอดเธอไว้แน่น ไม่แยแสต่อซากศพของนกอินทรี กองเลือด หรือแม้แต่กลิ่นเหม็นเน่าที่โชยมาจากร่างของเธอ
เขาหลับตาลงแน่น กระชับอ้อมกอดมากกว่าเดิม เมื่อรับรู้ได้ถึงหยาดน้ำตาที่ไหลกระทบลงบนลาดไหล่ของเขา
“แมรี่โกลด์” เขากระซิบอย่างแผ่วเบา หากแต่ชัดเจนในทุกคำ “คุณกำลังจะกลายร่าง”
“ฉันรู้” แมรี่โกลด์ตอบ “แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้ลูกของเราตายในร่างปิศาจนี้เด็ดขาด”
เคเลบลืมตาขึ้น สัมผัสได้ถึงการต่อสู้กันของจิตใต้สำนึกระหว่างความเป็นมนุษย์และความเดรัจฉานในตัวของเธอ
หากแต่ซากศพนกอินทรีที่อยู่ข้างพวกเขาก็ยิ่งตอกย้ำความจริงตรงหน้า --
“ไม่ แมรี่โกลด์” เขากระซิบ “คุณทำไม่ได้หรอก”
เธอคลอดลูกในสภาพนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน -- เธอกำลังจะกลายเป็นปิศาจร้ายในอีกไม่นานนี้ --
ถึงตรงนี้แมรี่โกลด์ไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกมาอีก
หญิงสาวซุกใบหน้าลงกับร่างสูงตรงหน้า วางมือที่แทบขยับไม่ไหวลงบนแผ่นหลังกว้างนั้น แล้วกระซิบตอบกลับไปว่า “ลูกของเราใกล้คลอดแล้ว เคเลบ ฉันบอกคุณได้เลย ว่าคืนนี้อาจจะเป็นคืนที่ให้กำเนิดเขา --” จากนั้นจึงพูดต่อไปว่า “ถ้าฉันรอดไม่ถึงตอนเช้า -- ถ้าฉันผ่านคืนนี้ไปไม่สำเร็จ -- ถ้าสุดท้ายแล้วฉันไม่เป็นตัวของตัวเอง --” เธอหยุดเล็กน้อย ก่อนที่จะบอกต่อไปว่า “จนถึงตอนนั้นแล้ว ขอให้คุณช่วยชีวิตลูกของเรา”
เคเลบนิ่งฟังคำขอเธอ แล้วตอบกลับไปว่า “แมรี่โกลด์ ตอนนี้ข้างนอกนั่นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว” เขาบอก “เราหลบหนีอยู่บนเรือมานานหลายเดือน -- เราปลอดภัยในน่านน้ำมานานเกินไป -- จนลืมไปว่าโลกนี้อาจจะไม่ใช่ของมนุษย์อีกต่อไปแล้ว”
ภาพของหมู่บ้านที่เขาเพิ่งเผชิญไปเมื่อครู่ ฉายชัดขึ้นมาในห้วงความคิดอีกครั้ง
ใบหน้าของบรรดาผู้คนที่หนีตาย เพลิงไฟที่เผาไหม้ทุกหลังคาเรือน และเหล่าปิศาจร้ายที่กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณกลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง --
เช่นเดียวกันกับใบหน้าของเด็กชายที่กลายร่างไปต่อหน้าต่อตาเขาคนนั้น --
ถึงตรงนี้ เคเลบก็หลับตาลงแน่น --
“โลกนี้ไม่มีที่สำหรับมนุษย์อย่างเราอีกต่อไปแล้ว แมรี่โกลด์” เคเลบกระซิบ “ลูกของเราจะไม่มีชีวิตรอดในนรกแบบนี้”
โลกมนุษย์ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว --
มันไม่ได้ต่างอะไรจากนรกทั้งเป็น หรือสุสานร้าง ที่เหลือไว้เพียงซากปรักหักพัง คราบเลือด และซากศพเท่านั้น
“หกเดือนก่อน --” แมรี่โกลด์แทรกขึ้น และนั่นก็ทำให้เคเลบลืมตาขึ้น
เสียงสะอื้นดังมาจากร่างของแมรี่โกลด์ ราวกับว่ากำลังอดกลั้นความรู้สึกที่ถาโถมมาจากข้างใน “หกเดือนก่อนที่เราหนีขึ้นเรือ -- ฉันช่วยลูกของเราไว้ไม่ได้”
ถึงตรงนี้ภาพใบหน้าของเด็กชายอีกคนหนึ่งก็ปรากฏชัดขึ้นมาในใจเคเลบอีกครั้ง ราวกับว่ากำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่ปาน
ร่างเล็กนั้นเหมือนกับเขาทุกประการ ทั้งสีผม โครงหน้า และริมฝีปาก จนแวบหนึ่งเคเลบนึกว่าเขาเห็นเงาสะท้อนของตนเอง
หากแต่ดวงตาสีเขียวที่จ้องมองมานั้น กลับทำให้เขารับรู้ได้ว่า เด็กชายคนนี้ไม่ใช่เงาสะท้อนของเขา
เคเลบกะพริบตา มองร่างเล็กที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขา พลันหมอกหนาก็รายล้อมไปทั่ว -- เปียกชื้น และหนาวเย็นไปจนถึงขั้วหัวใจ --
ฉันช่วยลูกของเราไม่ได้
เสียงของแมรี่โกลด์ก้องกังวานในโสตประสาทของเขา ราวกับว่าดังมาจากที่ไหนสักแห่งที่อยู่ไกลออกไป
ฉันควรจะช่วยเขาไว้ได้ทัน --
ฉันไม่ควรปล่อยให้เขาหลุดมือไป --
ฉันควรจะช่วยเขาจากปิศาจร้ายเหล่านั้นไว้ได้ --
ในตอนนั้นเองที่ภาพของเด็กชายคนนั้นกลับแปรเปลี่ยนไป
ร่างเล็กที่ยืนจ้องมองเขาอยู่นั้น กลับกลายเป็นล้มลงอยู่บนพื้น นอนจมกองเลือดของตนเองอย่างแน่นิ่ง --
ฉันช่วยเขาไว้ไม่ได้ และเขาต้องตายอย่างเดียวดาย --
ภาพดวงตาที่เบิกโพลง และคล้ายจะจ้องมองมานั้น แทบทำให้เคเลบหมดลมหายใจ -- เขาค่อยๆขยับถอยออกมา ทีละก้าว -- และทีละก้าว -- จนกระทั่งดวงตา และร่างเล็กๆที่ไร้ซึ่งวิญญาณนั่นเลือนหายไปในหมอกหนา --
“ให้โอกาสฉันได้ล้างบาปด้วยเถอะ” เสียงของแมรี่โกลด์ดังขึ้นอีกครั้ง
ถึงตรงนี้เคเลบก็สูดลมหายใจเข้าลึก หวนกลับคืนสู่ปัจจุบันอีกครั้ง --
เขาเกือบจะสะดุ้งสุดตัวอยู่แล้วในตอนที่สติหวนคืนกลับมาสู่ห้องเล็กๆแห่งนี้ หากแต่เขารั้งตัวเองไว้ได้ทันในวินาทีสุดท้าย
“ให้ฉันได้ให้กำเนิดลูกคนนี้” แมรี่โกลด์กระซิบต่อไป “ให้ฉันได้ทำเพื่อเขา --”
เคเลบฟังเธออย่างสงบนิ่ง ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอยู่นาน
“แมรี่” เคเลบพูดขึ้น “ผมเสียใจ -- ในสิ่งที่ผมทำลงไปเมื่อหกเดือนก่อน”
ร่างของแมรี่โกลด์เกร็งแน่นขึ้นมา เมื่อได้ยินประโยคนั้น
“ผมไม่ควรกลัวเขา” เคเลบว่าต่อไป “ในตอนที่เขาถูกหมาล่าเนื้อของเรากัด -- ในตอนที่รู้ว่าเขาติดเชื้อ -- ผมควรจะช่วยเขา มากกว่าคิดฆ่าเขาทิ้ง -- ผมควรจะยืนหยัดเพื่อเขา ให้เขาจดจำผมในฐานะพ่อไว้แบบนั้น -- ไม่ใช่ในแบบฆาตกร --”
แมรี่โกลด์ยังคงไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา
“ผมควรจะยืนหยัดเพื่อเขา ในแบบที่คุณทำ -- ให้คุณจดจำผมในฐานะสามีที่ปกป้องครอบครัว ไม่ใช่ในแบบขี้ขลาด และเอาตัวรอด --” เคเลบกระซิบ “ผมควรจะทำให้ช่วงเวลาหกเดือนที่ผ่านมามันดีได้มากกว่านี้ -- แต่ --”
ถึงตรงนี้เสียงพูดของเคเลบเงียบหายไป -- คำพูดทั้งหมดราวกับจะติดอยู่ในลำคอของตนเองอีกครั้ง
เกิดความเงียบอยู่เนิ่นนาน ภายในห้องนอนเล็กๆแห่งนั้น
จนในที่สุด เป็นแมรี่โกลด์ที่ทำลายความเงียบขึ้นมา
“ถ้าวินาทีนั้นมาถึง -- ถ้าคุณต้องอยู่ ในตอนที่ฉันจากไปแล้ว -- อย่าลังเลที่จะช่วยลูกของเรา และอย่าลังเลที่จะทิ้งฉันไป” คราวนี้น้ำเสียงคล้ายจะวอนขอมากกว่าจะบีบบังคับ “คุณสัญญากับฉันได้ไหม เค --”
แวบนั้นเคเลบไม่อยากตอบอะไรกลับไป
หากแต่เมื่อรู้ตัวอีกที เขากลับก็พบว่าตนกำลังพูดออกไปว่า “ผมสัญญา” เขาได้ยินเสียงตนเองกระซิบขึ้นอย่างแผ่วเบา คล้ายจะพูดกับตัวเองมากกว่าแมรี่โกลด์
“นอนเสีย แมรี่โกลด์” เขาบอก เอนร่างโน้มตัวลงนอนเคียงข้างกับเธอ โดยไม่หวาดกลัวต่อเสียงหายใจดังครืดคราดราวสัตว์ป่า หรือเส้นเลือดสีดำที่ลามไปทั่วทั้งร่างนั้นสักนิด
วินาทีนั้น ความเงียบที่เกิดขึ้น คล้ายกับจะตอกย้ำถึงความจริงที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง
เวลาของเธอกำลังจะหมดลง -- เขากำลังจะสูญเสียเธอไป
การจากไปของเธอ คือจุดจบสำหรับลูกในท้องของพวกเขา
คือจุดจบสำหรับทุกอย่าง
และสำหรับเคเลบเองแล้ว ทั้งหมดนี้ดูราวกับจะไม่มีทางออกอื่นให้เขาอีกต่อไป -- ส่วนหนึ่งในใจเขาได้บอกเขาอย่างตรงไปตรงมาว่า มันจบลงแล้ว
มันจบลงแล้ว --
“นอนเสีย --” เขาหลับตาลง “จนกว่าจะถึงรุ่งเช้า จนกว่าที่เราจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชะตากรรมของพวกเราหลังจากนี้ -- เรายังเหลือคืนนี้ -- คืนที่เรายังจดจำกันและกันได้อยู่ในแบบที่เราเป็นอยู่”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in