แสงนวลของดวงจันทร์ทอแสงเคลิ้มหวานลงที่หน้าต่างห้องนอนของฉัน เสียงเพลงปริศนายังคงคลอเบาๆดังเช่นทุกคืนๆ ทั้งเสียงคลอเพลงและแสงนวลอร่ามนั้นชวนให้เคลิบเคลิ้ม แต่เหตุใดหนอฉันจึงรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากยยิ่งที่จะข่มตาหลับโดยมิได้ฟังจนจบ
เกือบสองยามแล้ว เสียงเพลงค่อยๆเบาลง ตัวฉันจึงเดินไปและทอดกายนั่งลงที่ริมหน้าต่าง สิ่งที่ฉันมองอย่างแรกคือดวงจันทร์ ช่างเป็นแสงสีนวลที่ตัวฉันภาวนาอย่าให้หายไปฟากฟ้านี้นิจนิรันดร์ และเมื่อลดระดับสายตาลง ฉันจึงได้มีโอกาสสบตากับชายหนุ่มคนหนึ่ง เขานั่งริมหน้าต่างเหมือนๆกับฉัน แต่ในมือนั้นถือคันชักและไวโอลินอยู่ ราวกับว่าเขาเพิ่งจะบรรเลงขับกล่อมใครบางคนให้เข้าสู่นิทราไปหมาดๆ และในตอนนี้ เขาก็จะเริ่มบรรเลงมันอีกครั้ง ฉันได้แต่คิดในใจว่าตัวเขาคงจะมองแววตาที่ซ่อนคำอ้อนวอนของฉันออก เขาจึงเล่นมันอีกครั้งตามคำขอที่ส่งไปทางสายตา
เสียงเพลงค่อยๆดังขึ้น เป็นเสียงเพลงที่ฉันคุ้นเคยดียิ่ง ท่วงทำนองหวานๆที่บาดลึกถึงขั้วหัวใจนั้น ถ้าไม่ทันสังเกต คงมิอาจรู้ได้ว่าเขาซ่อนอารมณ์เศร้าหมองและทรมานไว้ในทำนองนั้น เมื่อฉันยิ่งตั้งใจฟัง น้ำตาก็เริ่มไหลมาอย่างช้าๆ พร้อมๆกับการได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของใครบางคนในเสียงเพลง ในใจของฉันได้แต่เว้าวอนว่าอย่าให้เสียงสะอื้นนั้นเป็นของชายหนุ่มเลย และในครานั้น เขาก็หยุดบรรเลง ราวกับกลัวว่าฉันจะต้องรับรู้ความเจ็บปวดของตนไปมากกว่านี้ และค่อยๆเอ่ยทำลายความเงียบงันว่า "เพลงนี้ผมแต่งให้ผู้หญิงคนหนึ่งในวันครบรอบของเรา เธอคือคนที่ผมรักมาก และเป็นคนที่ใจดำพอจะหลอกให้ผมตายทั้งเป็นได้ขนาดที่ผมเองก็ไม่รู้ตัว..." น้ำเสียงของเขานั้นบ่งบอกว่าเขาทุกข์ระทมได้อย่างน่ากลัว และกว่าจะรู้ตัวอีกที ฉันก็เผลอพลั้งไปว่า "บางทีคุณควรลืมเธอนะ หรืออย่างน้อยคุณควรโยนดอกกุหลาบทิ้งถ้าหนามมันทิ่งแทงคุณ และคุณควรเริ่มต้นใหม่ให้เหมือนความหมายของดอกแดฟโฟดิลที่คุณปลูก" พอทุกคำพูดทุกพยางค์กลืนหายไปกับความเงียบ สิ่งที่ปรากฏบนใบหน้าของคือรอยยิ้มที่แทนคำขอบคุณและแววตาของคนมีความรักนั้นช่างเปล่งประกายกว่าแสงของดวงจันทร์ และในตอนนั้นฉันก็ได้รู้ ว่าจริงๆแล้วไม่ได้มีแค่เขาที่กำลังยิ้มทั้งริมฝีปากและดวงตา หากแต่เป็นฉันเองที่ยิ้มและมีความสุขไปกับเขา
SundayEvening(Dae)-เขียน/เรื่อง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in