“ไม่เคยลำบากมาก่อน” เป็นคำที่มักได้ยิน ในวงสนทนาเมื่อมีเรื่องของช่วงอายุ ทายาทธุรกิจ หรือ คนต่างรุ่น ร่วมกัน เป็นท่าไม้ตายหนึ่งที่เหล่าผู้สืบช่วงต่อ ไปต่อไม่ได้ หรือเอาจริงจะให้ไปลำบากตอนนี้ก็รู้สึกมีความหวาดกลัวไปบ้างแล้วเช่นกัน
พ่อแม่เริ่มจาก 0 เริ่มจากติดลบ จากเป็นหนี้ สร้างมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ในระหว่างที่เราเกิดมาก็สบายแล้ว มีธุรกิจมีอะไรไว้ให้แล้ว ซึ่งก็ยอมรับแบบไม่เถียงเลยครับว่า รู้สึกตัวเองโชคดีมากจริงๆ ที่ได้เกิดมา ณ จุดนี้ ในจุดที่ถือได้ว่าสบายมากระดับหนึ่งแล้ว ถ้างั้นคงไม่มีเวลามานั่งเขียนบันทึกนี้ได้ โดยที่ไม่ต้องพะว้าพะวงว่าพรุ่งนี้จะมีอะไรกิน หรือสิ้นเดือนจะหาที่ไหนมาจ่ายดอกเบี้ย
แต่ถ้าถามว่าเราสุขกายแล้ว แต่เราสบายใจทุกครั้งไปไหม คำถามนี้อาจตอบได้ไม่เต็มปาก แล้ว แม้ทายาทธุรกิจเกิดมาจะไม่ต้องกังวลปัจจัยพื้นฐานอะไรแล้ว แต่ความเครียด ความกังวลไม่ได้แบ่งซึ่งฐานะ หรือสิ่งที่มี ก็เหมือนที่ลุงเบนพูดกับสไปเดอร์แมน ปีเตอร์พาร์คเกอร์ “อำนาจที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับภาระที่ใหญ่ยิ่ง” ธุรกิจที่เราได้รับมาทำให้เราสบายและอยู่รอด แต่มันก็ไม่ใช่การได้มาโดยปราศจากความรับผิดชอบใดๆ เราเกิดมาในฐานะทายาทธุรกิจ ที่ต้องรับช่วงต่อจากสิ่งที่พ่อแม่สร้างมาไว้ โดยไม่มั่นใจว่าจะทำให้พัฒนาขึ้น หรือแค่เพียงหวังว่าจะรักษามันให้อยู่รอดต่อไปดังเดิมได้ไหม ก็ยังเป็นเรื่องที่เราต้องวิตก
การรักษา พัฒนา ไม่ได้มีคุณค่าต่างไปจาก การสร้าง โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของโลกธุรกิจในยุคนี้ แม้นักการตลาด นักธุรกิจที่เก่งก็ยังไม่สามารถคาดเดาแผนในอีก 5 ปี หรือ เอาเข้าจริงในเดือนถัดไปก็ยังทำไม่ได้อย่างแม่นยำ (ไม่ต้องพูดถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เลย)
ทายาทในยุคนี้เติบโตจากบทเรียนการสอนในยุคเก่าก่อน internet ซึ่งแทบจะเหลือใช้ไม่ได้แล้วในยุคนี้ที่แทบทุกชีวิตมี user facebook มีตัวตนในโลก online ตั้งแต่เกิด ความรู้ที่ใช้ต่อยอดหลายศาสตร์มักเกิดจากการศึกษาเพิ่มและเรียนรู้ด้วยตนเอง
ก็เหมือนกับการที่ผู้ใหญ่มักพูดว่า “จบตั้งปริญญาทำได้แค่นี้ สมัยพ่อแม่เอ็งจบแค่ ป.4 ยังสร้างมาได้” เราจบมาพร้อมกับความรู้ที่แทบไม่ได้ใช้แล้วเมื่อกลับมาสืบทอดธุรกิจของทางบ้าน ไม่ต่างอะไรเลยกับ ผู้ใหญ่ที่จบ ป.4 ไม่รู้อะไรแต่แล้วกลับสร้างธุรกิจได้จนใหญ่โต เพราะสิ่งเหล่านั้นหาใช่เพียงการศึกษาที่เรียนมาเหมือนๆกันทุกคนไม่
ไม่ได้บอกว่าการสร้างไม่ใช่เรื่องยากให้เราเริ่มอะไรตอนนี้ก็สารภาพว่าคิดไม่ออกเหมือนกันครับ เพียงแต่ย้ำว่าการสานต่อก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นกัน ทุกวันนี้ ทายาทรุ่นใหม่ ก็มีความกดดัน ความวิตกในการประกอบธุรกิจเช่นกัน กำลังใจและประสบการณ์จากคนรุ่นก่อน ควรเป็นคำชี้แนะหรือกำลังใจ มากกว่าคำติเตียนเพื่อกดคนรุ่นหลังผู้ที่จะขึ้นมาสานต่อ และรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
แชร์ประสบการณ์ที่เคยฟังและอ่านเจอครับ ผู้คนที่ประสบความสำเร็จมากๆในปัจจุบันบางเรื่องก็ยังยอมรับว่าบางช่วงเวลามันเป็นเรื่องของจังหวะจริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องเก่งโดยตัวของท่านเพียงอย่างเดียว ก็แค่บางครั้งมันอาจยังไม่ถึงจังหวะหรือช่วงเวลาของเรา
ไม่เพียงแต่ธุรกิจ แต่ในระดับประเทศ ผู้ที่จะต้องอยู่ต่อและรับผลในอนาคต ก็ควรได้สิทธิ์ในการบริหาร ตัดสินใจ หรือแสดงความคิดเห็นเช่นกัน บางเรื่องวัยวุฒิที่สังคมเราสั่งสอนกันมาก็อาจกลายเป็นดาบสองคมที่กดสังคมเราไว้เอง ฟังผู้ใหญ่ เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด สิ่งเหล่านี้อาจจะต้องให้นิยามของคำว่าผู้ใหญ่กันใหม่มากกว่าแค่อายุเยอะกว่าหรือเกิดก่อน ระบบรุ่นพี่รุ่นน้องในสถาบันต่างๆที่ขาดเหตุและผล กฏระเบียบเมื่อยี่สิบสามสิบปีที่แล้วที่ขัดกันโลกปัจจุบันที่ไม่ได้ถูกแก้ไขปรับเปลี่ยน
การกู้เงินหนึ่งครั้งเพื่อทำให้คนทุกวันนี้หรือกลุ่มคนใดกลุ่มหนึ่งรอด ก็อาจมีผลต่อไปในอีกหลายสิบปี หรือคนอีกนับสามสี่รุ่นในอนาคตที่ยังไม่ได้แม้แต่เกิดขึ้นมา หลายครั้งแม้คนกู้สิ้นชีพไปแล้วแต่ผลการกระทำของเขายังคงส่งผลเสียอยู่สืบไปในอีกหลายรุ่น ซึ่งแน่นอนพูดให้แฟร์ก็อาจส่งผลดีสืบไปด้วยได้เช่นกัน ถ้ามันเป็นการกระทำที่ถูกอย่างมีประสิทธิภาพ
เราเน้นย้ำเรื่องอนาคตของชาติ แต่ก็กลับเป็นเราเสียเองที่กด เบียดบัง และปิดกั้นอนาคตเหล่านั้นไว้ ภายใต้ความคิดและกฏระเบียบที่ไร้เหตุผลของเรา การแสดงความคิดหลายครั้งถูกมองว่าก้าวร้าวมากกว่าเป็นความคิดสร้างสรรค์ และเราก็คาดหวังว่าอนาคตจะดีขึ้นและเขาจะอยู่รอดได้ด้วยตนเอง . . .
ไม่รู้มาเรื่องนี้ยังไง มันเริ่มที่เรื่อง ทายาทธุรกิจที่รับภาวะแรงกดดัน แต่ก็คงถือได้ว่ายังเป็นภาพเดียวกันอยู่ ทุกคนควรมีคุณค่าในตัวเองแม้ในฐานะผู้สร้างหรือผู้รักษา กระทั่งผู้ที่ประคับประครองแม้มันอาจไม่ได้ดีดังเดิมแต่ก็ยังพามันก้าวผ่านมาได้ และถึงแม้นจะเป็นผู้ที่ล้มเหลวแต่ไม่แน่ว่าเขาอาจกลับมาเป็นผู้สร้างได้ในอนาคตต่อไป
การปรับตัว เปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องของทุกคน ดีไปเลว เลวไปดี ขึ้นๆ ลงๆ หรือคงที่ บ้างสลับกันไป เปลี่ยนที่ความคิดบ้าง เปลี่ยนที่พฤติกรรมบ้าง เรียนรู้ แนะนำ จดจำ และพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเด็กจะผู้ใหญ่ จะรุ่น 1 2 หรือ 10 การช่วยเหลือกัน ประชุมพูดคุย หาข้อสรุปช่วยกันตัดสินใจ ย่อมดีกว่าการ ปิดกั้น เด็กมันไม่เคยลำบาก อ่อนประสบการณ์ ผู้ใหญ่หัวโบราณ ตามไม่ทัน นอกจากมักไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว คำพวกนี้ ยังมีแต่ลดทอนจิตใจและกำลังใจซึ่งกัน
ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่อยากเห็นลูกได้ดีประสบผลสำเร็จ และก็ไม่มี ทายาทคนไหนอยากพาธุรกิจที่พ่อแม่สร้างมาล้มหายตายจากไปในรุ่นตัวเองเช่นกัน แต่การผ่านพ้นจุดใดจุดหนึ่งนั้นโดยลำพังอาจเป็นเรื่องยาก กำลังใจ ความเข้าใจ รู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบของตน และเหนือสิ่งอื่นใดการยอมรับซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ปัญหาต่างๆลดลง และทำให้เราผ่านพ้นมันไปได้ง่ายขึ้น และถึงแม้มันอาจไม่สำเร็จดังหวัง อาจพลาดพลั้ง จะติดลบ หรือขึ้นตัวแดง ไปบ้าง แต่ครอบครัวเราและความสัมพันธ์ ความรู้สึกดีๆของเรา ก็ไม่จำเป็นต้องติดลบตาม เขาถึงว่าสถาบันที่สำคัญที่สุด จึงเป็นครอบครัว ก่อนสถาบันใดๆ
บ้านใหญ่ๆ ที่ไม่มีใครมันคงอ้างว้างน่าดู
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in