ปีนี้ตั้งเป้าว่าจะเริ่มฟัง podcast โดยเปิดฟังไปทุกเช้าครับ เนื่องจากปัจจุบันความขี้เกียจมีมากเลยเริ่มอาสัยวิธีนี้ในการนำความรู้ หรือแนวคิดใหม่ๆเข้าหัว ทำได้ติดต่อกัน 10 วันละครับ เปิดฟังไปในช่วงทานข้าว คือยอมรับว่าจำได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็ น่าจะดีกว่าไม่มีอะไรเติมลงไปเลย
ล่าสุดวันนี้ ได้ฟังเรื่อง พรข้อเดียวที่ควรขอกับยักษ์จีนี่ อธิบายก่อนหากใครไม่รู้จักตำนานนี้ลองเปิดเข้าไปดูอาละดินกับตะเกียงวิเศษนะก่อนได้ครับ แต่ถ้าเอาเคร่าๆ ยักษ์จีนี่คือ ยักษ์ที่อยู่ในตะเกียง หรือพาชนะ มีพลังอำนาจที่จะทำให้เจ้าของ(ผู้ที่ปลุกมันขึ้นมา) ขอพร จากมันได้ 3 ข้อ
ในคลิป มีผลสำรวจพบว่า พรที่คนนิยมขอมากที่สุด 3 ข้อ คือ รวย งาน และ ความสัมพันธ์(รัก) เราไม่นับพวกหัวหมอที่ขอว่า ขอให้ขอได้อีกไปได้ตลอด พวกนี้ออกแนวโกงเล็กๆ จินนี่อาจตบกะโหลกและลงไหไปคืนได้ แต่คำขอหนึ่งที่มักถูกมองข้ามไป คือ ขอให้มีความสุข ทั้งๆที่ ทั้งหมดที่เราขอไม่ว่า จะเงินทอง ลาภยศ ความรัก ก็ล้วนแต่เพื่อสร้างความสุขให้เรา เพราะเราคิดว่าทั้งหมดนั้นสัมพันธ์กับความสุข แต่จริงๆแล้ว ความสุข ก็คือ ความสุขครับ (ในคลิปบอก)
ที่นี้เลยลองย้อนกลับไปเซิดหาครับ ว่า อาละดินขออะไรบ้าง ซึ่งกลับไปดูในการ์ตูน พร 3 ข้อ ที่อาละดิน ขอ จะมี
1.ขอให้ออกจากถ้ำ
2.ขอให้เป็นเจ้าชาย
3.ขอให้จินนี่เป็นอิสระ
คืออาละดินก็ไม่ได้ขอให้ตัวเองมีความสุขเหมือนกัน แต่ตรงนี้มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่นะครับ
ข้อแรก ออกจากถ้ำตอนนั้นอาละดินแค่อยากออกจากปัญหาที่เผชิญ ถ้าอยู่ในถ้ำต่อไปต้องตายแน่ๆ แม้มีสมบัติมากมาย ข้อนี้จึงเหมือนเป็นการขอขั้นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตคือ ไม่ให้ตาย หรือปลอดภัย
ข้อสอง ขอให้เป็นเจ้าชาย ซึ่งเป็นตัวแทนของ ลาภยศ เงินทอง ทรัพย์สินภายนอก ที่คนส่วนใหญ่มักใฝ่หา เพื่อให้ตัวเองสุขสบาย ให้ได้พบเจ้าหญิงอยากให้เจ้าหญิงรัก ซึ่งก็รวมถึงความรักด้วย
ซึ่งจากผลสำรวจมักเป็นข้อที่คนขอกันมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะอะไร ส่วนหนึ่งต้องบอกว่า ข้อแรกก็ยังมีคนขอแต่มักเป็นโซนที่ไม่เคยถูกสำรวจนั่นคือคนไม่มีกิน คนแอฟริกา คนที่กำลังจะตาย คนที่ตกอยู่ในอันตราย ซึ่งถ้ารวมพวกเขาด้วย ข้อนี้อาจไม่ใช่ข้อแรกๆที่คนนึกถึงก็ได้
ข้อสาม ขอให้จินนี่เป็นอิสระ ข้อนี้เป็นข้อที่ทำให้คนดูอิ่มใจ เป็นข้อที่ อาละดินไม่ได้ทำเพื่อตนเอง แต่เป็นการทำเพื่อผู้อื่นคือการให้ ซึ่งเป็นความรู้สึกทางใจ ซึ่งข้อนี้เดาว่าคงเป็นอะไรที่คนขอกันน้อยที่สุดแหละถ้าไม่ได้ดูการ์ตูนมา แล้วกะเป็นพระเอกบ้าง
พรข้อ 1 คือ สีแดงส้ม พรข้อ 2 คือ สีเหลือง เขียว และ ข้อ 3 คือ สีฟ้า
ส่วนตัวก็คิดครับว่า ความสุขในชีวิตก็คงเป็นลำดับคล้ายๆคำขอของอาละดิน คือเราต้องมีชีวิตก่อน และเมื่อเรามีชีวิตเราก็อยากมีชีวิตที่มีความสุข งั้นก็คงไม่อยากมีชีวิตอยู่กัน ซึ่งการมี เงินทอง การงาน ความรัก หรืออื่นๆ มากๆตามที่เราต้องการเราก็จะทำให้เรามีความสุขได้
แต่ อาจต้องย้อนถามหาความพอดีในการมีสิ่งนั้นๆด้วย ในคลิปจะยกตัวอย่างเรื่อง เหมือนบุฟเฟ่ อาหารอร่อยมาก แต่ถ้าเลยจุดหนึ่งไป สิ่งที่คุณคำนึง จะไม่ใช่ความสุขที่เกิดจากความอร่อย แต่เป็นความคุ้มค่า ซึ่งอาจนำมาซึ่งความจุก ความอ้วนความรู้สึกผิดที่ตามมา
ความสุข แต่ละคนก็คงแตกต่างกันไป และไม่มีข้อสรุปว่ามันคืออะไรกันแน่ ซึ่งดูเป็นนามธรรมที่จับต้องยาก เราจึงพยายามศึกษาและสร้างสิ่งที่เป็นรูปธรรมของความสุขขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น ลาภยศ เงินทอง งาน สิ่งของ ความรัก เวลาอยากได้อะไรต้องได้ รักใครก็ได้รับรักกลับ ได้รับการยอมรับจากคนอื่นๆ ยอด LIKE วันนี้ต้องมากกว่าวันก่อน ซึ่งบางครั้งก็อาจทำให้เราหลุดจากการโฟกัสในความสุขจริงๆของเราไป
ส่วนตัวก็ไม่ได้คิดว่าความสุขอยากมีก็มีได้เลยนะครับเพราะก็ทำไม่ได้ (แต่เขาว่าพระหรือนักบวชทำกันได้นะอาจต้องลองไปศึกษาเพิ่มดู) เราในตอนนี้ก็อาจจะมีเงื่อนไขของความสุขของเราอยู่เหมือนกันซึ่ง ไม่ใช่เงื่อนไขที่สังคมหรือคนอื่นเป็นคนบอก แต่เป็นเงื่อนไข หรือความหมายของความสุขของเราจริงๆ เรามีเงินแต่ต้อง... เรามีความสุขจริงมั้ย เรามีชื่อเสียงแต่...เราสุขจริงรึป่าว บางครั้งอาจต้องตั้งคำถามกลับมาที่ตัวเองดู
ทุกวันนี้ ก็ยังนั่งถามตัวเองครับว่า ความสุข ของเราคืออะไร อะไรที่อาจเป็นข้อแม้สำคัญ ของเราจริงๆ หรือที่คำสวยๆเรียกว่า passion มันอาจจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ตามแต่ละช่วงวัย แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไรเพราะความสุขก็มีวิธีไปหาได้หลายรูปแบบและบางครั้งมันก็เกิดขึ้นได้เองโดยที่เราไม่ต้องออกไปหามัน พยายามจนได้มาก็มีความสุขได้ และบางครั้งเพียงแค่ยอมปล่อยมันไปก็มีความสุขได้เช่นกัน
ส่วนตัวเชื่อว่าความสุขนั้นเกิดขึ้นได้จากมุมมองของเราเป็นหลักครับ การเพิ่มมุมมอง การฟัง การทำความเข้าใจ การพูดคุยกับผู้อื่น การนั่งทำความเข้าใจกับตัวเอง จึงอาจเป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างความสุขได้เช่นกัน ที่เขาเรียกว่า positive thinking การมีความรู้ ความเข้าใจอาจไม่ใช่เพื่อร่ำรวย แต่อาจเพื่อจะทำความเข้าใจและมีมุมมองเพื่อใช้ในการมองโลกที่เป็นอยู่เพื่อให้ยิ้มรับได้ในทุกๆวันๆ
สุดท้ายนี้ ในคลิป ได้เล่านิทานคลาสสิคเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ ซึ่งก็น่าคิดตาม
คือเรื่อง ชายหาปลา กับ นักธุรกิจ ขอ copy มาจาก web http://bitcoretech.com/people-today-like-to-be-together-working-too-hard-to-be-depressed/ นะครับ
มีเศรษฐีผู้หนึ่ง เขาเป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง มีลูกน้องจำนวนมาก
วันหนึ่ง เขาได้เดินทางไปพักตากอากาศในวันหยุดของเขาบนเกาะแห่งหนึ่ง
ในระหว่างที่เขากำลังนั่งชมลมทะเล พลางจิบไวน์ ด้วยอารมณ์และความรู้สึกสบายอยู่นั้น
เขาก็มองเห็นชาวประมงคนหนึ่ง กำลังแล่นเรือมาเทียบท่าใกล้ๆกับที่ที่เขานั่ง
และเขาก็มองเห็นว่าภายในเรือ มีทั้งปลาตัวเล็กตัวใหญ่ กองอยู่บนเรือมากพอสมควร
เมื่อเรือมาจอดเทียบท่า เขาก็ได้เดินเข้าไปคุยกับชาวประมงคนนั้น
เศรษฐีได้เริ่มต้นบทสนทนา ถามชาวประมงว่า… “ได้ปลามาเยอะเลยนะ ปกติคุณใช้เวลาจับปลาพวกนี้นานหรือเปล่า”
ชาวประมงกระโดดลงมาจากเรือ และเดินเข้ามาคุยด้วย พร้อมตอบว่า “ไม่นานเท่าไหร่หรอก”
เศรษฐีจึงได้พูดต่อว่า “แล้วทำไมคุณไม่อยู่ให้นานขึ้นอีก เพื่อที่จะมีเวลาจับปลาได้มากกว่านี้ล่ะ”
ชาวประมงก็ได้ตอบกลับมาว่า “ผมหามาแค่พอกินอิ่ม และเลี้ยงครอบครัวในแต่ละวันได้ก็พอแล้ว”
เศรษฐีได้ยินดังนั้น จึงถามชาวประมงกลับไปว่า “แล้วคุณใช้เวลาที่เหลือทำอะไรบ้างล่ะ”
ชาวประมงก็ตอบไปว่า “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ผมก็แค่ตื่นนอนสายๆ แล้วก็ออกเรือไปจับปลามาเล็กๆน้อยๆ เที่ยงมาก็นอนกลางวัน บ่ายๆหน่อยก็ไปตกปลา นั่งจิบไวน์ และตอนเย็นก็นั่งเล่นกับเพื่อนฝูงแถวบ้าน”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เศรษฐีจึงพูดไปว่า “คุณอยากรวยหรือเปล่า ผมสามารถแนะนำให้คุณได้นะ สิ่งแรกที่คุณต้องทำเลยก็คือ คุณต้องใช้เวลาในการจับปลาแต่ละวันให้มากขึ้นกว่านี้”
ด้วยความสงสัย ชาวประมงก็เอ่ยว่า “แล้วยังไงต่อ…?”
เศรษฐีบอก “พอคุณจับปลาได้วันละมากๆ คุณก็นำปลาไปขาย พอได้เงินมามาก ก้เก็บเงินซื้อเรือที่ลำใหญ่ขึ้นกว่านี้”
ชาวประมงก็ถามต่อว่า “แล้วยังไงต่อ…?”
เศรษฐีบอก “พอคุณมีเรือลำใหญ่ คุณก็จะสามารถออกหาปลาได้ครั้งละมากๆในครั้งเดียว ประหยัดเวลา”
ชาวประมงก็ถามว่า “แล้วยังไงต่อ…?”
เศรษฐีบอก “เมื่อคุณได้ปลามาก คุณก็เอาไปขายที่โรงงาน คุณมีปลาเยอะ คุณก็ขายได้เยอะ และคุณก็จะได้เงินเยอะขึ้นไปอีก”
ชาวประมงก็ถามว่า “แล้วยังไงต่อ…?”
เศรษฐีบอก “จากนั้นคุณก็เอาเงินไปเปิดโรงงานเอง แล้วคุณก็จ้างลูกน้องมาทำงานแทนคุณ คุณก็ไม่จำเป็นต้องมาทำงานเองทุกวันแล้ว”
ชาวประมงเลยถามว่า “แล้วผมจะอยากมีลูกน้องไปทำไม ในเมื่อผมทำคนเดียวของผมไปแบบนี้ ผมก็ไม่ได้รู้สึก เ ดื อ ด ร้อนอะไร”
เศรษฐีก็บอกว่า “คุณก็จะได้มีเวลา มีอิสระมากขึ้น ทีนี้คุณก็จะได้นอนตื่นสายๆ แล้วก็ออกเรือไปจับปลามาเล็กๆน้อยๆ เที่ยงมาก็นอนกลางวัน บ่ายๆหน่อยก็ไปตกปลา นั่งจิบไวน์ และตอนเย็นก็นั่งเล่นกับเพื่อนฝูง ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการได้ไง”
ชาวประมงถามเศรษฐีกลับว่า “แล้วทั้งหมดที่คุณพูดมานี่ มันต้องใช้เวลากี่ปี…?”
เศรษฐีก็บอกว่า “อาจจะสัก 10-15 ปีแหละมั้ง ถ้าคุณมีความสามารถ คุณก็จะสร้างธุรกิจให้โตได้เร็วนะ”
ชาวประมงได้ฟังคำตอบ ก็ได้แต่ยิ้ม และตอบกลับไปว่า “แล้วทำไมผมจะต้องเสี ยเวลารออีกตั้ง 10-15 ปี ในเมื่อทุกวันนี้ผมก็ทำแบบนั้นทุกวันอยู่แล้ว”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in