「Liella! (ลิเอลล่า)」สคูลไอดอลกรุ๊ปที่เกิดมาจาก「LoveLive! Superstar!!」พวกเราได้สอบถามถึงหนทางสู่การออดิชั่นของดาเตะ ซายุริซัง・ผู้รับบทเป็นชิบุยะ คาน่อนซึ่งผ่านการคัดเลือกแบบเปิดรับบุคคลทั่วไป
ดาเตะ ซายุริซัง ผู้รับบทเป็นชิบุยะ คาน่อน
— ก่อนอื่นช่วยเล่าตอนที่ดาเตะซังมารู้จักกับ LoveLive! Series หน่อยค่ะ
มารู้จักตอนอยู่ป.5 ค่ะ ตอนนั้นอนิเมะกับเพลง Vocaloid กำลังเป็นที่นิยมในห้องเรียน มารู้จักเพราะเพื่อนบอกมาว่า “เพลงของ『LoveLive!』นี่ดีนะ ซายุก็ลองฟังดูสิ!” ค่ะ นอกจากนั้นยังเคยเห็นตอนที่เพื่อนวาดรูป μ's ซังในสมุดโน้ตด้วยค่ะ ตอนนั้นคิดแค่ว่า “มีอนิเมะที่มีเด็กสาวน่ารักๆ โผล่มากันด้วยเนอะ” แต่กลับรู้สึกสนใจแบบแปลกๆ ซะอย่างนั้น... พอขอยืมโทรศัพท์คุณแม่มาลองฟังเพลงของ『LoveLive!』ก็ติดหนึบมันตั้งแต่ฟังครั้งแรกเลยค่ะ (หัวเราะ) เพลงแรกที่ฟังน่าจะเป็น『Borarara (Bokura no LIVE Kimi to no LIFE)』ค่ะ จากนั้นก็เริ่มสะสม CD แล้วฟังวนมันอยู่อย่างนั้นเลยค่ะ แต่เพราะที่จังหวัดมิยางิไม่ค่อยมีอนิเมะที่ฉายแบบเรียลไทม์เลยไม่ได้ดู TV Anime『LoveLive!』สักทีค่ะ
— แล้วมาดู TV Anime Series ครั้งแรกตอนไหนเหรอคะ?
น่าจะหลังขึ้นม.ต้นนะคะ ตอนเปิดผังการออกอากาศดูเพราะจะอัดรายการหนึ่งเอาไว้ก็เห็นว่าจะฉาย『LoveLive!』ซ้ำอีกครั้งทางช่อง E Tele เลยตื่นเต้นดีใจมากเลยค่ะว่า “ที่จังหวัดมิยางิก็ดูได้ด้วย!” พอลองอัดมาดูจริงๆ ก็แน่นอนว่าตึดหนึบเลยค่ะ โดยเฉพาะตอนที่ 3 (『LoveLive!』ภาค 1 ตอนที่ 3 “First Live”) ซีนที่ร้อง『START:DASH!!』ในหอประชุมที่ไม่มีใครนี่ร้องไห้โฮเลยค่ะ ฉันดูซีนนั้นโดยที่คิดว่า “ยังไงก็คงยอมแพ้ไปแน่ๆ เลย” คิดว่าร้องเพลงในสถานการณ์แบบนี้น่ะไม่ไหวหรอก แต่เมื่อเห็นฮานาโยะจังที่รีบวิ่งมาก็ตัดสินใจที่จะร้องเพลงอย่างสุดความสามารถด้วยรอยยิ้มกันสินะคะ ทุกคนยังเป็นเด็กม.ปลายกันอยู่แท้ๆ แต่กลับพยายามกันถึงขนาดนี้ เลยทำให้ยิ่งตั้งตาที่จะได้เรียนต่อเลยค่ะว่าถ้าขึ้นม.ปลายแล้วจะมีชมรมที่เปล่งประกายแบบนี้อยู่ด้วย!
— สคูลไอดอลกลายเป็นสิ่งที่ดาเตะซังใฝ่ฝันเลยสินะคะ แล้วเคยไปชมไลฟ์บ้างไหมคะ?
เพราะเป็นนักเรียนเลยไม่มีเงิน ทำให้ไม่ได้ไปดูไลฟ์ที่สถานที่จริงสักทีค่ะ แต่เวลาตั้งใจสอบเข้าหรือสอบเก็บคะแนนทีก็จะไปดูไลฟ์วิวของ Aqours ซังเป็นการให้รางวัลตัวเองค่ะ โดยเฉพาะ 1st Live ของ Aqours ซังซึ่งเป็นไลฟ์แรกที่ได้ดูแบบไลฟ์วิวนี่ยังคงประทับใจไม่หายเลยค่ะ ฉันชอบเพลง『Omoi yo Hitotsu ni nare』มากค่ะ! หลังจบไลฟ์ก็ได้ยินไอดะซังซึ่งรับบทเป็นซากุระอุจิ ริโกะพูดในรายการหนึ่งว่าไม่มีประสบการณ์ด้านเปียโนมาก่อนเลยรู้สึกทึ่งเลยค่ะว่า “พยายามอย่างหนักแบบที่คาดไม่ถึงเลย” และเพราะทั้ง 9 คนต่างพยายามกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 1st Live ถึงได้ออกมาวิเศษขนาดนั้น ฉันโบกแท่งไฟไปรู้สึกประทับใจในตัวทั้ง 9 คนที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มตั้งแต่แรกจนจบไปเลยค่ะ
— แล้วก็มีประกาศโปรเจ็กต์ใหม่ใน『LoveLive! Fes』ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ปี 2020 ดาเตะซังทราบเรื่องนั้นตอนไหนเหรอคะ?
ฉันไปดูไลฟ์วิว Day 1 มาค่ะ แต่ประกาศอยู่ใน Day 2 เลยไม่ได้ดูตอนประกาศด้วยตาของตัวเองแล้วค่อยมารู้ข่าวใน Instagram เอาวันหลัง ตกใจเลยค่ะว่า “โปรเจ็กต์ใหม่นี่อะไรนะ!?”
— เมื่อทราบข่าวเรื่องออดิชั่นแล้วตอนนั้นตั้งใจจะส่งใบสมัครในทันทีเลยไหมคะ?
ตอนเห็นก็คิดว่า “อา อยากลองดูจัง” ค่ะ ที่ผ่านมาก็คิดมาตลอดว่าถ้าซีรีส์ LoveLive! มีการออดิชั่นก็คงสมัครไปแล้วแท้ๆ แต่ทั้งที่ใฝ่ฝันมาตลอด พอมาอยู่ตรงหน้าจริงๆ กลับไม่กล้าสมัครสักทีค่ะ เพราะอยู่ช่วงฤดูหนาวของม.5 ด้วยเลยตัดสินใจเรื่องอนาคตเอาไว้แล้ว ฉันตั้งใจว่าจะเป็นนักจิตวิทยาการปรึกษาค่ะ ฉันแก้ตัวกับตัวเองว่า “ไว้วันไหนค่อยถ่ายวิดีโอสำหรับการคัดเลือกรอบเว็บไซต์แล้วกัน” แล้วก็เลื่อนไปเรื่อยๆ จนถึงก่อนปิดรับสมัครเลยค่ะ ฉันชอบการร้องเพลงแต่อย่างฉันไม่มีทางที่จะเป็นไอดอลหรือนักร้องได้แน่ รู้สึกเหมือนเป็นสิ่งที่เอื้อมไม่ถึงเลยคิดว่าการใฝ่ฝันสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้มาตลอด แต่เมื่อถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร ในที่สุดก็คิดได้ว่า “นี่อาจเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายก็ได้ ลองดูดีกว่า” ค่ะ
— ได้ปรึกษาผู้ปกครองหรือเพื่อนๆ บ้างไหมคะ?
เรื่องสมัครนี่ไม่ได้ปรึกษาใครเลยค่ะ กับคุณแม่ที่เป็นคนเดียวที่ปรึกษาด้วยได้ก็ไม่ได้บอก แต่เพราะยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน พอถ่ายวิดีโอเสร็จเลยตัดสินใจโทรไปหาคุณแม่ที่อยู่ระหว่างทำงาน พอบอกไปว่า “ที่จริงแล้วมีออดิชั่นแบบนี้อยู่ล่ะ...” คุณแม่ก็ตอบกลับมาด้วยเสียงลนๆ ว่า “รอก่อนนะ!” แต่ก็แน่นอนสินะคะ (หัวเราะ) เพราะอยู่ที่มิยางิด้วยเลยคิดว่าถ้าคุณแม่ไม่เห็นด้วยก็จะตัดใจค่ะ แต่พอคุณแม่กลับมาแล้วได้คุยกันดีๆ คุณแม่กลับช่วยผลักดันว่า “ก็ชอบมาตลอดเลยนี่ ลองดูเลยสิ” พอกรอกฟอร์มใบสมัครเสร็จก็หันไปคอนเฟิร์มว่า “กดเลยนะ?” แล้วส่งไปต่อหน้าคุณแม่เลยค่ะ จากนั้นแต่ละวันที่ไม่คาดฝันมาก่อนก็เริ่มต้นขึ้นค่ะ
— เนื่องจากผลกระทบของโคโรน่าไวรัส การออดิชั่นรอบที่ 2 เลยจัดขึ้นทางออนไลน์สินะคะ การเตรียมใจเองก็คงต่างกับการออดิชั่นแบบต่อหน้า
พูดกันตามตรง กรรมการแต่ละท่านใส่แมสก์กันเลยรู้สึกกลัวค่ะ! ฉันอยากหาทางทำให้บรรยากาศดูดีขึ้นมาเลยพยายามยิ้มแบบสุดๆ เลยค่ะ (หัวเราะ) รอบ 2 มีแสดง ร้องเพลง แล้วก็แนะนำตัว ในเมลมีเขียนไว้ว่า “สำหรับใครที่ถนัดการเต้นช่วยแสดงการเต้นด้วย” ฉันเต้นโยซาโค่ยได้เพราะเคยอยู่ชมรมโยซาโค่ยตอนม.ต้นเลยเต้นโยซาโค่ยไปเพราะคิดว่าถึงจะเต้นไม่เป็นแต่ก็ควรแสดงอะไรไปก่อนค่ะ พอถึงช่วงถามตอบตอนท้ายนี่ผมกระเซิงไปหมดแถมยังหอบแฮ่กๆ... จำไม่ได้ด้วยค่ะว่าคำถามเป็นยังไง แต่ที่จำได้คืออย่างสุดท้ายโดนบอกมาว่าให้ “เปิดหน้าผาก” ก็เลยเปิดหน้าผากให้ดูไปโดยที่ในใจคิดว่า “?” ไปด้วย น่าจะทำให้เพื่อให้เห็นหน้าชัดขึ้นสำหรับเช็คล่ะค่ะ (หัวเราะ)
— จู่ๆ โดนบอกมาแบบนั้น ตกใจเลยสินะคะ (หัวเราะ) ดาเตะซังไม่มีประสบการณ์ด้านการแสดงมาก่อนแล้วฝ่าฟันการทดสอบการแสดงมาอย่างไรเหรอคะ?
ก่อนเริ่มจะได้รับบทพูดมาค่ะ พออ่านดูก็คิดออกเท่าที่ตัวเองจะคิดได้เลยว่าอยากแสดงออกมายังไง แต่เพราะเป็นการแสดงครั้งแรกเลยจินตนาการไม่ค่อยออกว่าการทดสอบจะจัดขึ้นในรูปแบบไหน แต่ก็ระวังไม่ให้จำบทมากเกินไปเพราะถ้าเผลอจำจนขึ้นใจก็กลัวว่าจะกลายเป็นแค่การพูดบทออกไปเฉยๆ เลยได้ลองเปลี่ยนเสียงพูดไปเรื่อยๆ เท่าที่ตัวเองจะทำได้พร้อมกับจินตนาการการแสดงในรูปแบบต่างๆ ไปด้วย ลองคิดว่าถ้าเป็นตัวเองก็คงแสดงออกมาแบบนี้ค่ะ
— หลังผ่านการออดิชั่นรอบที่ 2 ก็ได้ไปต่อในรอบที่ 3 ซึ่งการออดิชั่นรอบที่ 3 เป็นการทดสอบแบบกลุ่ม จัดขึ้นที่จังหวัดไซตามะสินะคะ
นี่เป็นครั้งแรกเลยด้วยที่ออกจากจังหวัดมิยางิมาด้วยตัวคนเดียวเลยยิ่งกังวลค่ะ และนี่เป็นครั้งแรกด้วยที่จะได้เจอกับผู้ผ่านเข้ารอบเหมือนกันเลยรู้สึกตื่นเต้นว่าคนที่ผ่านเข้ารอบมาเป็นคนแบบไหนกันบ้างค่ะ การทดสอบแบบกลุ่มจะจัดขึ้นโดยแบ่งกลุ่มละ 4 คน หลังแนะนำตัวกันครบแล้วก็จะเข้าสู่การเล่นเกมใบ้คำด้วยท่าทางกันทั้งกลุ่มในทันที... (หัวเราะ) เพิ่งเคยเจอหน้ากันแท้ๆ แต่ให้ลุกจากเก้าอี้มาทำท่าทางเพื่อใบ้คำนี่อายมากเลยค่ะ! กรรมการก็ดูอยู่ กล้องก็ถ่ายอยู่ด้วย คิดไปว่า “ไม่ไหว~” แต่สุดท้ายก็เล่นอย่างสนุกสนาน (หัวเราะ) ส่วนเกมอื่นๆ ก็มีเกมที่ให้เลือกลีดเดอร์ด้วย เพราะฉันโตสุดในกลุ่มเลยลองเสนอตัวไปค่ะ การทดสอบก็เป็นไปอย่างสนุกสนานค่ะ แต่เอาจริงๆ ก็แอบตั้งคำถามว่า “จะมองเห็นอะไรจากการคัดเลือกแบบนี้กันนะ?” (หัวเราะ)
— หลังจากนั้นมีการทดสอบแบบเดี่ยวด้วยสินะคะ
หลังทดสอบแบบกลุ่มเสร็จก็ไปที่ห้องรอกันทั้ง 4 คนแล้วจะโดนเรียกตามลำดับทีละคนค่ะ ตอนนั้นตื่นเต้นมากๆ เลยค่ะ แต่จำได้เลยว่าโดนเรียกทีก็บอกกันว่า “ไปก่อนนะ!” เพราะเป็นการทดสอบต่อหน้ากรรมการจริงๆ ครั้งแรกเลยโดนถามหลายอย่างเลยค่ะ แต่เอาจริงๆ คือจำเนื้อหาไม่ค่อยได้...ที่จำได้คือตอนทดสอบการร้องเพลงนี่เละเลยค่ะ เพลงที่กำหนดมาคือเพลง「Aishiteru Banzai!」ของ μ's ซังค่ะ ทั้งลืมเนื้อเพลง ทั้งตื่นเต้นจนร้องเสียงสั่นว่า “ไอชิเตรุ บันซาย~~~” ยับเยินเลยค่ะ แล้วก็แพนิคขึ้นมาจนคิดว่า “แบบนี้แย่แน่!” ปรากฎว่าโดนบอกมาว่า “ช่วยร้องอีกเพลงได้ไหม” เลยร้องเพลง「Snow halation」ซึ่งเป็นเพลงที่ชอบมากๆ ไปค่ะ ตอนทดสอบการเต้นก็ลืมท่าระหว่างเต้นเลยด้วย ตกใจเลยค่ะที่ว่าทั้งๆ ที่ดูวิดีโอไปซ้อมไปตั้งขนาดนั้นแล้วแท้ๆ แต่พอถึงรอบจริงแล้วก็ลืมได้จริงๆ ด้วย เพราะออกมาเป็นแบบนั้นเลยไม่มีความคิดว่าจะผ่านเลยค่ะ คิดว่าตกรอบแล้วแน่ๆ
— แล้วจนกว่าจะถึงตอนผลออกนี่ใช้ชีวิตอย่างไรบ้างคะ?
ปกติแล้วในเมลจะมีเขียนว่า “สำหรับผู้ที่ผ่านการคัดเลือก จะติดต่อไปภายในวันที่~” แล้วที่ผ่านมาผลจะมาก่อนถึงวันที่บอกไว้ 3 วัน แต่ตอนผลการคัดเลือกรอบที่ 3 นี่เหลือ 3 วันก็แล้ว 2 วันก็แล้วผลก็ยังไม่มาสักทีเลยคิดว่า “ก็ยับเยินซะขนาดนั้น ช่วยไม่ได้หรอกเนอะ” แต่ที่จริงแล้วเจ็บใจมากเลยค่ะ เพิ่งรู้ตัวว่าถึงจะทำออกมาได้ไม่ดีขนาดนั้นแต่พอคิดว่าตกรอบขึ้นมาจริงๆ ก็เจ็บใจขนาดนี้เลย คุณแม่ก็อุตส่าห์บอกว่า “ยังไม่ถึงวันที่บอกเลยนี่ ยังไม่รู้หรอกว่าผลจะเป็นยังไง” แต่ทางนี้ก็ซึมถึงขีดสุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงวันที่กำหนดตอนช่วงหนึ่งทุ่มที่ห้องนั่งเล่น พอดูโทรศัพท์ก็เห็นว่าเมื่อ 10 นาทีก่อนมีเมลเข้ามาค่ะ! ชื่อหัวข้อว่า “แจ้งรายละเอียดการออดิชั่นรอบสุดท้าย” สรุปว่าดันผ่านเข้ารอบเลยกระโดดโลดเต้นดีใจที่ได้ไปต่อในการออดิชั่นรอบสุดท้ายเลยค่ะ
— มีเวลาประมาณ 1 อาทิตย์จนกว่าจะถึงการออดิชั่นรอบสุดท้ายสินะคะ ระหว่างนั้นเตรียมตัวอย่างไรบ้างคะ?
ที่ผ่านมาฉันไม่มีประสบการณ์ด้านการแสดงมาก่อน อ่านบทแล้วก็แสดงออกมาได้แต่แบบเดิมๆ จนเหมือนกันไปหมด เลยคิดว่านี่เป็นการบ้านที่ต้องไปฝึกมาค่ะ สิ่งที่ฝึกจนกว่าจะถึงการออดิชั่นรอบสุดท้ายเลยเป็นการอ่านบทจนกว่าจะเข้าใจนิสัยและความรู้สึกของคาแรกเตอร์นั้นๆ แล้วลองเปลี่ยนการแสดงออกให้หลายรูปแบบที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้พร้อมอัดเสียงไว้ค่ะ รู้สึกเขินมากเลยค่ะที่ต้องฟังเสียงของตัวเองหลายๆ รอบ แต่เพราะการทดสอบการแสดงจะทดสอบโดยการพูดโต้ตอบกับคนที่คู่กัน เลยได้ลองเปลี่ยนวิธีซ้อมไปจากที่ผ่านมาเพื่อที่จะสามารถปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ได้ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแสดงแบบไหนมาค่ะ
— แล้วด้านการร้องการเต้นนี่ฝึกมาอย่างไรบ้างคะ?
เรื่องการเต้นก็ดูวิดีโอเยอะๆ แล้วซ้อมเต้นตามค่ะ ส่วนเรื่องการร้องเพลงก็พยายามไม่ฟังเพลงต้นฉบับมากเกินไปไม่ว่ายังไงก็จะเผลออยากก็อปปี้เสียงร้องหรือเอกลักษณ์ของต้นฉบับไปแต่จะทิ้งความเป็นตัวเองไปก็ไม่ดี คิดว่าไปแบบที่เป็นตัวเองเลยดีกว่าเลยฝึกร้องด้วยเสียงคาราโอเกะแล้วคอยคิดเสมอว่า “ถ้าเป็นตัวเองจะร้องแบบไหนกันนะ?” ค่ะ
— และแล้วก็มาถึงการออดิชั่นรอบสุดท้ายซึ่งจัดขึ้นหนึ่งวันเต็มๆ ในเขตชิบุยะสินะคะ
คุณแม่กับน้องชายมาส่งถึงชานชาลาชิงคันเซ็นเลยค่ะ ก่อนที่ฉันจะขึ้นรถไฟก็บอกมาว่า “พยายามเข้านะ” ด้วยแต่ฉันทำเป็นเก่งแล้วตอบกลับไปว่า “จะไม่พยายามหรอก ไปแบบสนุกๆ เท่านั้นแหละ” แล้วก็ออกจากบ้านเกิดไปแบบนั้น แต่ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะรู้สึกตื่นเต้นขนาดนั้นที่ชิงคันเซ็น... คุณยายให้เครื่องรางมาด้วยค่ะ ระหว่างกำเครื่องรางไว้ด้วยสองมือก็ใส่หูฟังฟังเพลง「Mirai Harmony」ของ Nijigasaki ซังอยู่ตลอดเลยค่ะ ตอนนี้เองพอฟังเพลงนี้แล้วก็จะนึกถึงวิวที่เห็นจากชิงคันเซ็นตลอดเลยค่ะ ฉันไม่เคยไปโตเกียวคนเดียวมาก่อน แล้วก็คิดว่าจะยังไงก็ไม่ควรไปสายเด็ดขาดค่ะ จากนั้นก็ถึงสถานที่ออดิชั่น ตามกำหนดการแล้วจะรวมตัวกันตอน 11 โมงเลยไปก่อน ปรากฎว่ามีเด็กผู้หญิงที่น่าจะรุ่นเดียวกันยืนรอหน้าเคาท์เตอร์อยู่ก่อนแล้วค่ะ! ตกใจหมดเลยค่ะว่า “มีคนเยอะขนาดนี้เลย!” (มีการออดิชั่นแคสต์ที่มีต้นสังกัดแล้วในวันเดียวกัน) พอทักทายไปว่า “สวัสดีค่า~” ก็โดนตอบกลับมาว่า “อรุณสวัสดิ์ค่ะ” นี่ก็ตกใจว่า “ทำไมเป็นอรุณสวัสดิ์ล่ะ? นี่กลางวันแล้วนะ?” (หัวเราะ) แล้วก็คิดไปว่า หรือจะเป็นคุณหนูกันนะ? …
— คงเป็นการทักทายของคนในวงการน่ะค่ะ (หัวเราะ)
คือจริงๆ แล้วเด็กคนนั้นคือเพย์จัง (เพย์ตัน นาโอมิซัง ผู้รับบทเป็นเฮอันนะ สุมิเระ) ล่ะค่ะ! ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอกันที่สถานที่ออดิชั่นมาก่อน พอมาคิดดูตอนนี้ก็รู้สึกว่าสุดยอดเลยค่ะ จากนั้นก็ไปนั่งรอที่เก้าอี้แล้วก็โดนเรียกชื่อไปแต่งหน้าทำผมพร้อมกันกับคู่ที่จะได้ทดสอบด้วยกันค่ะ แถมยังมีชุดเครื่องแบบเตรียมไว้ให้เลยไปเปลี่ยนชุด ตอนแรกคิดว่าเดี๋ยวก็เริ่มการทดสอบในทันทีเหมือนอย่างทุกทีเลยตกใจที่คราวนี้ดูเป็นทางการมากขนาดนี้ค่ะ ระหว่างเดินไปที่ห้องแต่งหน้าก็ได้เจอกับคนที่อยู่กลุ่มเดียวกันตอนคัดเลือกรอบ 3 อีกครั้งด้วย ถึงจะเจอกันแค่แป๊บเดียวแต่นั่นเป็นครั้งแรกของวันเลยค่ะที่ยิ้มออก ทำให้คิดว่า “ค่อยยังชั่วแน่ะ ไม่ได้ตัวคนเดียว”
— แล้วการทดสอบเป็นอย่างไรบ้างคะ?
เต้นกับร้องเป็นการทดสอบแบบเดี่ยว ส่วนการแสดงเป็นแบบคู่ค่ะ การทดสอบจัดขึ้นบนเวทีส่วนตรงที่นั่งมืดจนมองไม่เห็นกรรมการแล้วก็ไม่รู้ด้วยค่ะว่ามีกันกี่คนเลยยิ่งทำให้ตัวสั่นเข้าไปใหญ่ ตื่นเต้นจนร้องเพลง「Snow halation」ที่เป็นเพลงที่กำหนดไว้ด้วยเสียงไร้อารมณ์เลยค่ะ... เลยซึมไปเพราะคิดว่าที่ผ่านมาเสียเปล่าหมดเลย แต่กลับโดนบอกมาว่า “เหมือนจะตื่นเต้นสินะ เพราะงั้นช่วยร้องใหม่อีกทีได้หรือเปล่า” เลยได้รับโอกาสให้ได้แก้ตัวอีกครั้ง แต่ถึงจะบอกตัวเองให้ร้องไปแบบสบายๆ ก็ไม่ได้เรื่องอยู่ดีทำให้รู้เลยค่ะว่าอะไรๆ ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ซ้อมมา ส่วนตอนทดสอบการแสดงกับคู่นี่ไม่ตื่นเต้นเท่าตอนทดสอบเดี่ยวค่ะ พอฉันพูดอะไรออกไป อีกฝ่ายก็จะตอบกลับมา การพูดโต้ตอบกันทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา แต่หลังจากนั้นพอได้ดูการทดสอบเดี่ยวของคนที่คู่กันแล้ว เขาเก่งมากๆ จนทำเอาอยากกลับบ้านขึ้นมาเลยค่ะ... ทั้งการร้องเพลงทั้งการเต้นก็เก่งมากๆ ไม่พลาดเลยสักนิดเดียว เลยเริ่มรู้สึกแย่แล้วก็คิดว่า “ฉันคิดถูกหรือเปล่านะที่มา?” แล้วการทดสอบก็จบลง ฉันเดินทางจากสถานีโตเกียวกลับบ้านเกิดในทันทีเลยค่ะ
— มีคิดบ้างไหมคะว่าตัวเองจะผ่าน?
ไม่คิดเลยสักนิดเดียวค่ะ ระหว่างนั่งชิงคันเซ็นกลับบ้านก็รู้สึก “ว่างเปล่า” เลยค่ะ พอกลับถึงบ้านที่บ้านก็อุตส่าห์ไม่ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง?” แต่นั่นยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมซะอีก ฉันตัดใจไปแล้วค่ะว่าถึงไม่ผ่านแต่อย่างน้อยก็ได้สนุกไปกับมัน
— คิดไปแล้วว่าตัวเองไม่ผ่านสินะคะ
หลังจากนั้น 2 วันก็มีโทรศัพท์ติดต่อมาตอนอยู่ที่โรงเรียนค่ะ เพราะเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จักเลยไม่ได้รับในทันทีแต่พอเช็คดูก็เหมือนจะเป็นเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับการออดิชั่น แอบคาดหวังเหมือนกันค่ะว่า “อาจจะผ่านก็ได้!” เพราะไม่ได้บอกเพื่อนเลยไปหาที่ที่ไม่มีใครแล้วแอบโทรกลับไปค่ะ แต่จริงๆ แล้วกลับไม่ได้มาแจ้งว่าผ่านไหมแต่บอกว่า “มีเรื่องที่อยากสอบถามเพิ่มเติม พรุ่งนี้อยากประชุมทางไกล” ล่ะค่ะ... เลยทั้งกังวลกับการที่ต้องทดสอบอีกแต่ก็มีความหวังแบบครึ่งๆ กลางๆ ผุดขึ้นมาว่าตัวเองยังมีโอกาสอีกซึ่งขึ้นอยู่กับผลของการทดสอบนี้ แต่ใจนี่อยู่ไม่สุขเลยค่ะ แล้วเมื่อถึงวันนัดก็ต่อสายไปตื่นเต้นไป จากนั้นก็ได้ยินเสียงจากอีกฟากของจอบอกมาว่า “มีเรื่องจะแจ้ง ดาเตะซัง คุณผ่านการคัดเลือก”
— แล้วตอนนั้นดาเตะซังเป็นอย่างไรต่อคะ?
หัวขาวโพลนเลยค่ะ แบบ “เอ๊ะ? ทำไงดีๆๆ” คิดว่าโกหกหรือเปล่าแล้วก็แอบไม่เชื่อด้วยค่ะ คิดว่าทำไมถึงได้เป็นฉันกัน แล้วก็โดนบอกมาว่า “อยากอธิบายให้ผู้ปกครองฟังว่าผ่านการคัดเลือก รบกวนเรียกผู้ปกครองให้ได้ไหม” เลยไปเรียกพ่อแม่มา ในตอนนั้นพอได้เห็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความยินดีของครอบครัวแล้วถึงได้เริ่มรู้สึกขึ้นมานิดนึงว่านี่เป็นความจริงค่ะ ตอนนั้นยังไม่ได้มีการบอกว่าจะได้รับบทเป็นใคร ที่ได้รับการแจ้งว่าจะได้รับบทเป็นคาน่อนจังคือหลังจากนั้น 1 เดือน ตอนที่ได้เจอหน้ากับเมมเบอร์ค่ะ
— หลังจากนั้น『LoveLive! Superstar!!』ของดาเตะซังก็เริ่มต้นขึ้นสินะคะ ตอนนี้ก็ผ่านการออดิชั่นมาได้ 1 ปีแล้ว พอลองนึกย้อนกลับไปดูมีอะไรเกี่ยวกับตัวเองที่เปลี่ยนไปบ้างไหมคะ?
ชีวิตความเป็นอยู่ต่างจากที่ผ่านมาลิบลับเลยค่ะ ตอนนี้ยังมีบางครั้งเลยที่คิดว่าฝันไปหรือเปล่า 1 ปีก่อนหน้านี้ก็ไม่แม้แต่จะฝันว่าตัวเองจะมาอยู่โตเกียวเพื่อเข้าร่วมในซีรีส์ LoveLive! แต่ก็คิดว่าจะมัวพูดอยู่แต่อย่างนั้นไม่ได้ ตอนที่เปิดรับข้อความในรายการสดครั้งแรกมีข้อความจากคนที่อยู่กลุ่มเดียวกันตอนคัดเลือกรอบ 3 ส่งมาด้วยค่ะ เขียนมาว่า “ซายุริน ที่จริงก็อยากพูดว่ายินดีที่ได้รู้จักแต่ที่จริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นล่ะค่ะ จำฉันได้ไหมคะ?” ฉันรู้ในทันทีเลยค่ะว่า “เด็กคนนั้นนี่” ในเนื้อความบอกว่า “ฉันรู้สึกเจ็บใจที่ไม่ผ่าน แต่เป็นกำลังใจให้ซายุรินอยู่นะคะ” ถ้าหากฉันไม่ผ่านการออดิชั่นก็คงเจ็บใจจนอาจจะไม่สามารถดูอะไรของ『LoveLive!』ได้อีกเลยก็เป็นได้ ทั้งที่น่าจะเจ็บใจแท้ๆ แต่กลับช่วยเป็นกำลังใจอย่างซื่อตรง รู้สึกได้เลยค่ะว่าเป็นคนที่อ่อนโยนมากๆ ฉันทั้งดีใจและคิดขึ้นมาอย่างหนักแน่นเลยค่ะว่าจะทำลายความคาดหวังของเพื่อนพ้องเหล่านั้นไม่ได้เด็ดขาด บางทีฉันก็ย้อนกลับไปอ่านข้อความนั้นอีกครั้งค่ะ อ่านแล้วก็จะนึกถึงความรู้สึกใหม่ๆ เมื่อตอนออดิชั่นเลยค่ะ นอกจากนั้นยังเป็นสิ่งที่ช่วยคอนเฟิร์มตัวฉันอีกทีว่าตัวเองยืนอยู่ตรงนี้โดยแบกความรู้สึกของผู้ที่มาออดิชั่นทุกคนเอาไว้ แต่ตอนนี้ต่างออกไปจากตอนออดิชั่นแล้วเพราะตอนนี้มีเมมเบอร์ที่จะคอยสู้ไปด้วยกันอยู่ Liella! เป็นกรุ๊ปที่ฝ่าฟันโคโรน่าไวรัสแล้วเกิดขึ้นมาค่ะ เพราะฉะนั้นจากนี้จึงอยากช่วยเพิ่มสีสันให้กับซีรีส์ LoveLive! ยิ่งขึ้นไปอีกเพื่อที่จะสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจให้ได้ค่ะ!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in