เอโมริ อายะซังผู้รับบทเป็นโอนิสึกะ นัตสึมิซึ่งแม้จะอายุน้อยสุดใน Liella! แต่ก็โดดเด่นในการซัพพอร์ตเมมเบอร์และการสร้างสีสัน เธอได้มาเล่าถึงเบื้องหลังของการออดิชั่นให้ฟัง
— แต่เดิมเอโมริซังทำงานในวงการบันเทิงมาอยู่แล้ว แต่มารู้จักกับซีรีส์ LoveLive! โดยมีที่มาที่ไปอย่างไรเหรอคะ?
ฉันทำงานในวงการบันเทิงมาตั้งแต่อยู่อนุบาล ถ้าให้พูดก็รู้สึกเหมือนเป็นการร่ำเรียนมากกว่าทำงานค่ะ เป็นทั้งโมเดลและไอดอลพร้อมกับไปโรงเรียนและทำกิจกรรมชมรมไปด้วย และมารู้จักซีรีส์ LoveLive! จากสคูลเฟสค่ะ เพราะชอบเพลงเลยติดแล้วก็เล่นมาเรื่อยๆ แต่มาเริ่มดู TV อนิเมะจาก『LoveLive! Sunshine!!』ตอนอยู่ม.1 ค่ะ สมัยที่『LoveLive!』กำลังออกอากาศอยู่เป็นช่วงที่กำลังจดจ่ออยู่กับกิจกรรมชมรมเลยไม่ค่อยมีเวลาดูอนิเมะค่ะ ตอนแรกก็มาติดตามจากอนิเมะ แต่หลังจากดูวิดีโอตัวอย่าง Final Live ของ μ's ซังในเว็บไซต์วิดีโอก็ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ค่ะ อาจจะเพราะตัวเองก็เคยเป็นไอดอลมาก่อนด้วยเลยถูกดึงดูดไปโดยอัตโนมัติค่ะ
— ตอนได้ยินเรื่องออดิชั่น รู้สึกอย่างไรบ้างคะ?
ฉันเข้าร่วมตั้งแต่ตอนออดิชั่นรุ่นที่ 1 เลยค่ะ ตอนนั้นก็ตื่นเต้นว่า “จะมีซีรีส์ใหม่เหรอเนี่ย งั้นก็อาจจะมีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ LoveLive! ที่รักมากๆ ก็ได้น่ะสิ!” แต่เพราะในฐานะเซย์ยูตัวเองยังเป็นมือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์อยู่เลยไปขอคำแนะนำจากโคมิยะ อาริสะซังผู้รับบทเป็นคุโรซาวะ ไดยะ ซึ่งอยู่สังกัดเดียวกันมาด้วยค่ะ แต่สุดท้ายก็ไม่ผ่านการออดิชั่นรุ่นที่ 1… เลยรู้สึกเจ็บใจมากๆ จนดูซีรีส์ LoveLive! ต่อไปไม่ได้ไปช่วงหนึ่งเลยค่ะ ตัวเองก็คิดเหมือนกันค่ะว่าเรานี่เกลียดความพ่ายแพ้จริงๆ เลย ตอนประกาศแคสต์รุ่น 1 เองก็ดูไหวแค่นิดเดียว แต่อยู่มาวันหนึ่ง พอเข้าเว็บไซต์วิดีโอหนึ่งไปก็มีวิดีโอ Release Event『Hajimari wa Kimi no Sora』แนะนำขึ้นมา ถึงตอนนั้นจะยังทำใจไม่ได้แต่ก็เปิดเข้าไปเพราะอยากลองดู เมื่อดูแล้วก็ยอมรับได้เลยค่ะว่า “ถ้าแบบนี้ เราก็คงไม่ผ่านนั่นแหละ” ทั้งการร้อง การเต้น หรือการแสดงเองก็สุดยอดมากๆ เลยยอมรับความพ่ายแพ้ว่าตัวเองสู้ทั้ง 5 คนไม่ไหวจริงๆ แล้วจากตอนนั้นก็เริ่มสามารถเป็นกำลังใจให้ทั้ง 5 คนขึ้นมาได้ค่ะ
— แล้วจากนั้นก็ได้เข้าร่วมการออดิชั่นของรุ่นที่ 2 สินะคะ
ตอนที่ได้รับเรื่องออดิชั่นมาเป็นตอนอยู่ม.5 ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องคิดเรื่องอนาคตพอดีค่ะ เอาจริงๆ ก็คิดไว้ว่าจะออกจากวงการบันเทิงแล้วเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนอย่างปกติแล้ว แต่ก็คิดว่าไหนๆ โอกาสก็มาแล้วเลยเข้าร่วมโดยที่ตัดสินใจไว้ว่าถ้าไม่ผ่านก็จะออกจากวงการบันเทิงแล้วจริงๆ แล้วตอนที่รับรูปคาแรกเตอร์ของรุ่นที่ 2 มาก็รู้สึกถูกดึงดูดโดยนัตสึมิจังคนเดียวอย่างอย่างน่าประหลาดค่ะ ยังจำได้อยู่เลยว่าคิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกว่า「มีแค่เด็กคนนี้เท่านั้นล่ะที่เราเป็นได้」แต่ผลรอบแรกกลับไม่มาสักทีเลยคิดว่าคงไม่ผ่านแล้ว แต่แล้วจู่ๆ วันหนึ่งเมเนเจอร์ซังก็โทรมาบอกว่า “ถูกเรียกให้ไปออดิชั่นรอบสุดท้าย” เลยร้องไห้โฮอยู่ตรงที่จอดรถของโรงเรียนกวดวิชาเลยค่ะ (หัวเราะ) เพราะต้องเตรียมตัวสอบเข้าด้วย อนาคตเลยขึ้นอยู่กับตรงนี้แล้ว เหมือนกับเอาประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดตั้งแต่ 5-6 ขวบในวงการบันเทิงมาใช้กับการออดิชั่นในครั้งนี้เลยค่ะ เรื่องร้องกับเต้นเพราะทำมาตลอดอยู่แล้วเลยคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็คิดว่า “ก็เคยตกรอบเพราะแบบมาแล้ว เลยต้องพยายามมากว่าที่ผ่านมาต่างหาก!” จากนั้นเลยถ่ายวิดีโอการร้องการเต้นของตัวเองแล้วลิสต์จุดที่ยังทำได้ไม่ดีมากว่า 30 จุด เสร็จแล้วก็ค่อยๆ ไล่แก้ไขจุดเหล่านั้นไปเรื่อยๆ จนหมดค่ะ
— เห็นได้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของเอโมริซังเลยค่ะ แล้วตอนพบกับเมมเบอร์รุ่นที่ 2 เป็นครั้งแรกนี่รู้สึกว่าแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้างคะ?
โนโซมินี่เงียบมากๆ ตอนเจอกันในการออดิชั่นรอบสุดท้าย ถึงจะทักไปก็ไม่ทักกลับมาค่ะ ก็เลยคิดเหมือนกันว่า เอ๋? แต่พอมาได้ยินทีหลังว่าเป็นเด็กที่มาจากการออดิชั่นรอบบุคคลทั่วไปเลยตื่นเต้นมากๆ ก็คิดว่าอย่างนี้นี่เอง ของวาคานะ เพราะตอนออดิชั่นก็ได้เป็นชิกิจังเลยคิดว่าเด็กคนนี้ก็เป็นคนนิ่งๆ สินะ เพราะตอนนั้นยังผมยาวอยู่ด้วยเลยให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้ใหญ่แล้วค่ะ ส่วนอาคาเนะนี่มาพร้อมไฮไลต์ผมหลังหูเป็นสีแดง เล็บก็สีแดงแปร๊ดมาเลย เลยคิดว่า “อ่า มีสาวแกลด้วยแฮะ” (หัวเราะ) แต่เป็นคนที่สดใสที่สุดในทั้ง 3 คนแล้วเลยคิดว่าถ้ากับคนนี้ล่ะก็ไปด้วยกันได้แน่ค่ะ ตอนเจอกันครั้งแรกหลังออดิชั่นจบก็อยากจะแลกช่องทางติดต่อกันไว้สักหน่อย แต่ไม่มีเวลาเลย… แต่พอได้เรียนด้วยกันก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นค่ะ ในการทำกิจกรรมต่อไป อย่างน้อยๆ ถ้าเมมเบอร์ในรุ่นเดียวกันไม่ใช่คนที่เปิดใจให้กัน ในด้านเมนทัลก็จะไม่ไหวเอาเลยไม่อยากให้เมมเบอร์รุ่น 2 “เป็นแค่เพื่อนร่วมงาน” เฉยๆ ที่เสนอไปว่าให้เรียกกันด้วยชื่อต้นเองก็เพราะเหตุผลนั้นด้วยค่ะ มาตอนนี้ทั้ง 3 คนเป็นคนที่ฉันขาดไปไม่ได้เลยล่ะค่ะ!
— เอโมริซังเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในรุ่นที่ 2 แต่ให้ความรู้สึกว่าเป็นคนที่ดูแลคนอื่นได้เป็นอย่างดีล่ะค่ะ
เพราะมีสมัยที่เคยเป็นกัปตันชมรมมาก่อนและมีหลายครั้งที่เป็นลีดเดอร์ ไม่ว่ายังไงตัวเองเลยชอบคิดไปว่าต้องทำให้ดีค่ะ คิดเหมือนกันค่ะว่าตัวเองมีจุดที่ชอบทำตัวเป็นพี่สาว (หัวเราะ)
— ได้ยินว่ารุ่นที่ 2 ไปดูไลฟ์ของรุ่นที่ 1 ด้วยกันสินะคะ ตอนนั้นดูแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างคะ?
รู้สึกกดดันกับการที่จะต้องเข้าไปเป็นหนึ่งในนั้นอย่างเดียวเลยค่ะ คิดเลยค่ะว่า “พวกเราเข้าไปอยู่ในนี้ไม่ไหวหรอก” เพราะแฟนๆ เฝ้ามองทั้ง 5 คนนี้มาตลอดเลยกังวล พอได้เห็น Performance ที่พาวเวอร์อัพขึ้นมาขนาดนี้ในเวลาเพียงแค่หนึ่งปีก็คิดว่าต้องทำยังไงถึงจะไปถึงเลเวลนั้นได้บ้างกัน แล้วพอคิดแบบนั้นก็กลัวจนไม่รู้จะทำยังไงค่ะ รู้สึกขึ้นมาว่าอาจจะไม่ไหวก็ได้ แต่ก็ยืนอยู่ด้วยความรู้สึกเพียง 1% ที่ว่า “ตัวเองต้องทำให้ดี” ที่ความรู้สึกนั้นกลายมาเป็นความรู้สึกที่ว่า “ต้องพยายามแล้ว” เป็นตอนเปิดตัวเมมเบอร์ล่ะค่ะ ตอนนั้นรุ่น 2 ไปรวมตัวกันที่ร้านซูชิแล้วนั่งดูข้อมูลที่ประกาศออกมาด้วยกันค่ะ มีหลายคนเลยค่ะที่อุตส่าห์บอกมาว่า “เป็นกำลังใจให้อยู่นะ” พวกเราก็นั่งดูคอมเมนต์เหล่านั้นไปพร้อมบอกกันไปว่า “มาพยายามไปด้วยกันนะ” ทำให้ในที่สุดความกังวลนั้นก็หายไปค่ะ เพราะฉันเป็นประเภทที่ขอแค่มีแฟนๆ อยู่ก็สู้ไหว ตั้งแต่ได้ยืนอยู่ต่อหน้าทุกคนเลยได้รับพลังจากทุกคนมาอยู่เสมอเลยค่ะ
— รายการสดครั้งแรกและ LIVE & FAN Meeting เป็นอย่างไรบ้างคะ?
ตอนรายการสดนี่ไม่ตื่นเต้นเลยค่ะ เป็นความรู้สึกที่ว่า “ถ้าทุกคนมาทำความรู้จักเราก็คงดีเนอะ” สำหรับฉัน LIVE & FAN Meeting เป็นงานที่ใหญ่กว่า เพราะมีหลายอย่างเลยที่เพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรก เรื่องที่ต้องเรียนรู้เลยเยอะตาม คนรอบตัวเองก็ให้คำปรึกษามามากมาย ระหว่างนั้นเลยเริ่มรับไว้ไม่ไหว แต่เก็บเอาไว้คนเดียวโดยไม่บอกใครจนสุดท้ายก็ระเบิดออกมาระหว่างช่วงพักในรอบโอซาก้าค่ะ พอเริ่มพูดอะไรในแง่ลบออกมาให้ครูสอนเต้นฟัง น้ำตาก็ร่วงลงมาไม่หยุด เรื่องนี้เองก็คงเพราะคิดว่า "ต้องทำให้ดี" มากเกินไปจนความรู้สึกนี้มาไล่ต้อนตัวเอง แต่ทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกันและรุ่นที่ 1 เองก็อุตส่าห์เข้ามาปลอบด้วยคำพูดที่อ่อนโยน ทำให้คิดว่าตัวเองรัก Liella! จริงๆ นั่นแหละค่ะ
— ช่วยบอกไฮไลต์สำคัญของ TV อนิเมะภาค 2 หน่อยค่ะ
นัตสึมินี่ตอนแรกจะเป็นเหมือนคนเล่นมุก ให้ความรู้สึกว่าชอบพุ่งไปทำอะไรด้วยตัวคนเดียวค่ะ แต่พอได้รู้ถึงความรู้สึกที่เธอแบกเอาไว้ในตอนที่ 6 ก็จะทำให้รู้ว่าเป็นเด็กที่เอาจริงเอาจังและมองอะไรโดยโฟกัสไปที่ความเป็นจริงค่ะ คิดว่าจุดยืนใน Liella! ของนัตสึมิระหว่างตอนที่ 1 กับตอนที่ 12 นั้นต่างไปโดยสิ้นเชิง เลยอยากให้คอยจับตาดูความเปลี่ยนแปลงในจุดนั้นกันด้วยค่ะ จุดที่ถ้าตัดสินใจแล้วก็จะทำให้ถึงที่สุดนั้นคล้ายกับตัวฉันเองมากๆ เลยคิดว่าถ้าทุกคนลองจินตนาการในจุดนั้นไปด้วยระหว่างดูกันก็จะดีใจมากเลยค่ะ
— สุดท้ายนี้ช่วยฝากอะไรถึงผู้อ่านหน่อยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจให้อยู่เสมอมากๆ เลยนะคะ อยากให้ช่วยดูกันจนถึงท้ายที่สุดให้ได้เลยค่ะว่าในภาคที่ 2 นี้ Liella! ทั้ง 9 คนจะได้พบกับตอนจบแบบไหนกัน 3rd Live Tour เองก็ใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว คิดว่านี่จะต้องเป็นโอกาสดีๆ ที่จะได้ดู Liella! กันอย่างเต็มอิ่มแน่นอนค่ะ เพื่อที่จะสามารถเป็นคนที่ทำให้ทุกคนคิดว่า "จะพยายามเพราะจะได้เจอกับ Liella! / เพราะมีไลฟ์อยู่" ได้ พวกเรา 9 คนจะรวมพลังกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วเดินไปด้วยกันโดยไม่หยุดเลยค่ะ เพราะฉะนั้นจากนี้เองก็ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
เอโมริ อายะ
เกิดที่จังหวัดยามานาชิ ก่อนมาออดิชั่นเคยตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นนางพยาบาลผดุงครรภ์ หลังจากได้มารับบทเป็นนัตสึมิก็รู้สึกกังวลกับความแตกต่างระหว่างตัวเองกับเพื่อนร่วมชั้นที่ตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเข้ากันอย่างเต็มที่ ทำให้เห็นถึงความจริงจังของเธอ นอกจากนั้นเธอยังเล่าให้ฟังว่าสมัยเริ่มเล่นสคูลเฟสได้ไม่นานเคยเปิดได้ UR โคอิสุมิ ฮานาโยะ 2 ใบติดกันเลยทำเอาตกใจเป็นอย่างมาก
นิตยสาร LoveLive!Days Vol.33 วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2022
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in