สุซุฮาระ โนโซมิ ผู้มาเข้าร่วม Liella! จากการออดิชั่นแบบเปิดรับบุคคลทั่วไป เธอผู้ใช้ชีวิตโดยเก็บซ่อนสิ่งที่รักมาตลอดได้บอกเล่าถึงเรื่องราวจนกว่าจะได้มาเข้าร่วมในซีรีส์ LoveLive! ที่แสนรัก
— ก่อนอื่นช่วยบอกความฝันในวันเด็กหรือสิ่งที่ชอบเมื่อตอนนั้นหน่อยได้ไหมคะ?
ฉันชอบไอดอลมาตลอดตั้งแต่ตอนอยู่ป.3 เลยค่ะ ทั้งลองร้องเพลง ลองเต้นอยู่หน้ากระจกมาตลอด แน่นอนว่ามีความรู้สึกใฝ่ฝันอยากจะเป็นบ้าง แต่เพราะไม่คิดเลยแม้แต่นิดเดียวว่าตัวเองจะสามารถเป็นได้ ในเรียงความจบการศึกษาเลยเขียนความฝันในอนาคตที่ดูเป็นไปได้จริงไปค่ะ เพราะแบบนั้นด้วย ตัวเองเลยเกือบลืมความรู้สึกที่ว่าอยากเป็นไอดอลไป แต่ก็มีความทรงจำว่าตัวเองเคยเขียนว่า “อยากเป็นไอดอล” ไว้ตรงริมขอบสมุดโน้ตด้วยค่ะ อยู่มาวันหนึ่งที่โรงเรียนประถมมีโอกาสจัดงานที่คล้ายๆ กับเป็นการโต้วาทีกันซึ่งมีหัวข้อคือไอดอลที่ชอบ แล้วตอนนั้นเองค่ะที่โดนเพื่อนในห้องว่าเรื่องไอดอลจนไม่เหลือชิ้นดีจนร้องไห้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเลยคิดว่าตัวเองไม่ควรพูดถึงสิ่งที่ชอบจะดีกว่าเลยพยายามไม่พูดถึงค่ะ เพราะตัวเองก็ไม่ชอบที่จะรู้สึกเจ็บปวดจากการโดนใครปฏิเสธเพราะพูดถึงสิ่งที่ตัวเองชอบที่สุด เลยคิดมาตลอดว่าไม่อยากโดนคนอื่นล้อหรือหัวเราะเยาะเอาค่ะ
— เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นสินะคะ แล้วจากนั้นมารู้จักกับซีรีส์ LoveLive! ได้อย่างไรเหรอคะ?
ตอนนั้นคุณแม่กับพี่สาวไปโตเกียวกันเพื่อเตรียมตัวสอบเข้า ฉันเลยอยู่ที่บ้านกันสองคนกับคุณพ่อค่ะ แล้วในตอนที่คิดว่าไม่มีอะไรทำเลยลองเปิดโทรทัศน์ดูก็เป็นตอนที่ TV อนิเมะ『LoveLive!』ภาค 1 ตอนที่ 5 กำลังฉายซ้ำพอดี จากนั้นก็ติดในทันทีเพราะความน่ารักของยาซาวะ นิโกะจังและเนื้อเรื่องที่เขียนมาอย่างดีเลยเริ่มดูค่ะ จากนั้นก็คิดขึ้นมาว่า “อยากไปไลฟ์จัง!” เลยลองหาข้อมูลดู ปรากฎว่าวันนั้นเป็นหนึ่งวันหลังจากที่ Final Live ของ μ's ซังจบลงพอดี…ช็อกมากๆ เลยค่ะ ที่จริงก็รู้จักตัวโปรเจ็กต์『LoveLive!』มาอยู่ก่อนแล้ว แต่เพราะมีเรื่องสอบเข้ามัธยมต้นด้วยเลยคิดว่าถ้าติดขึ้นมาจะเลิกไม่ได้ เลยไม่ได้ดูแบบดีๆ สักทีค่ะ ทำเอาซึมไปสักพักเลยค่ะว่า “น่าจะดูตั้งนานแล้วแท้ๆ ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้กันนะ” แต่เพราะแบบนั้นเลยคิดว่าจะติดตาม Aqours ซังตั้งแต่แรกสุดเลย เลยคอยติดตามดูหลายๆ อย่างทั้งไปดูไลฟ์วิว 1st Live และไปเข้าร่วมแฟนมีตค่ะ
— ตอนที่ได้ยินเรื่องการออดิชั่นแบบเปิดรับบุคคลทั่วไปเป็นครั้งแรก รู้สึกอย่างไรบ้างคะ?
ที่จริงแล้วฉันได้ไปดู LoveLive! Fes วันที่ 2 เลยได้เห็นการประกาศ “เริ่มทำโปรเจ็กต์ใหม่” ที่นั่นเลยค่ะ หลังจากนั้นก็ได้รู้ว่าจะจัดการออดิชั่นแบบเปิดรับบุคคลทั่วไป แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดที่จะสมัครเลยค่ะ เพราะนึกว่าจะรับแค่คนเดียวเลยคิดว่าคนที่ได้รับเลือกจะต้องเป็นคนที่สุดยอดมากแน่ๆ หลังจากผ่านไปสักพักก็เห็นรูปอิลลัสต์ของ『LoveLive! Superstar!!』ที่ปล่อยมาทาง Twitter ค่ะ ที่ผ่านมาตัวเองจะคิดในฐานะแฟนคลับคนหนึ่งว่า “ใครจะได้กันนะ” แต่พอได้เห็นรูปอิลลัสต์กลับรู้สึกถึงแรงผลักดันบางอย่างขึ้นมา ตอนนั้นเป็นช่วงที่อยู่ม.6 พอดี เลยรู้สึกกังวลเรื่องอนาคตขึ้นมาเพราะต้องตัดสินใจเรื่องเส้นทางไปต่อในชีวิต แต่ยังไงความรู้สึกชอบซีรีส์ LoveLive! ของตัวเองก็ไม่แพ้ใครอยู่แล้วเลยมั่นใจในตอนนั้นว่าตัวเองมีแค่สิ่งนี้เท่านั้นค่ะ นอกจากนั้นยังรู้สึกดีใจที่ที่ผ่านมาตัวเองไม่เคยมีอะไรที่อยากทำมาก่อน แต่ตอนนี้กลับมีความฝันขึ้นมาแล้วค่ะ คุณแม่เองก็ชอบซีรีส์ LoveLive! มากๆ อยู่แล้วแบบที่คอยไปดูไลฟ์ด้วยกัน และเพราะรู้ว่าฉันกำลังคิดมากเรื่องอนาคตเลยเป็นคนที่ช่วยผลักดันให้ค่ะ
— มีเหตุการณ์อะไรตอนออดิชั่นที่ตรึงใจเป็นพิเศษไหมคะ?
เพราะตอนออดิชั่นรอบสุดท้ายโดนบอกมาว่า “วงการนี้ถึงจะโชว์ความสามารถของตัวเองออกมาจนล้ำหน้าคนอื่นไปก็ไม่มีใครมานึกอิจฉาหรือเกลียดชังหรอก เพราะฉะนั้นทำเต็มที่ได้เลยนะ” ซึ่งเป็นคำพูดที่ตรงเข้ามาในใจคนที่ใช้ชีวิตอยู่โดยหลบซ่อนมาตลอดอย่างฉันเป็นอย่างมากเลยค่ะ รู้สึกเลยว่า “ดีแล้วจริงๆ ที่วันนี้มาที่นี่ ประสบการณ์ในครั้งนี้จะต้องเป็นสิ่งที่คอยค้ำจุนชีวิตของตัวเองต่อจากนี้อย่างแน่นอน” และคิดว่าจะพยายามเต็มที่เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่มาเสียใจในภายหลังค่ะ แต่ออดิชั่นรอบสุดท้ายมีแต่คนที่เปล่งประกายกัน… ตั้งแต่วินาทีที่ไปถึงสถานที่ออดิชั่นก็เกือบพ่ายแพ้ออร่านั้นจนทำเอากลัวอยู่ตลอดเลยค่ะ แต่พอไปถึงที่นั่งกลับมีเด็กอยู่คนหนึ่งที่กำลังก้มหน้าอยู่เลยรู้สึกว่าเหมือนกับตัวเองเลยค่ะ จากนั้นเลยคุยกันและทำให้สนิทกันค่ะ แล้วตอนทดสอบการแสดงในออดิชั่นรอบสุดท้าย ฉันก็ได้คู่กับเด็กคนนั้นเลยพยายามกับการออดิชั่นไปพร้อมกับให้กำลังใจกันอยู่ตลอดค่ะ ตอนนี้เองก็กลายมาเป็นเพื่อนที่ยังติดต่อกันอยู่ค่ะ ในบทสัมภาษณ์แรกสุดของดาเตะซังก็เคยพูดถึงเรื่องที่ว่ามีเด็กคนหนึ่งที่ไปออดิชั่นพร้อมกันส่งจดหมายมาให้ใช่ไหมคะ คนคนนั้นคือเด็กคนนั้นล่ะค่ะ
— ตอนออดิชั่นรอบสุดท้ายเคยได้พบกับดาเตะซังด้วยใช่ไหมคะ
ตอนที่เดินสวนกับดาเตะซังในอาคาร เพื่อนคนนั้นเป็นคนแนะนำให้ค่ะว่า “เด็กคนนั้นคือซายุริจังนะ” ทั้งๆ ที่การออดิชั่นกำลังจะเริ่มอยู่แล้ว แต่ดาเตะซังกลับยิ้มอย่างสดใสและโบกมือให้ด้วยค่ะ แล้วรอยยิ้มนั้นก็เป็นรอยยิ้มที่ลืมไม่ลงเลย คิดว่าในเวลาแบบนี้แต่ยังยิ้มได้นี่เป็นคนที่สุดยอดจัง ส่วนฉันพอออดิชั่นจบก็ร้องไห้ไประหว่างกลับบ้านเลยค่ะ…… แต่เพราะเป็นครั้งแรกที่มีคนแต่งหน้าให้เลยไม่อยากให้เมคอัพหลุด เลยเดินมองฟ้าไปตลอดทางเลยค่ะ แล้วจากนั้นก็ติดต่อคุณแม่ไปว่า “ไม่ผ่านแน่ๆ แล้ว 99.9%” แล้วกลับบ้านไปค่ะ ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าทำไมถึงเหลือ 0.1% เอาไว้ (หัวเราะ) อาจจะยังอยากเหลือความหวังไว้แม้จะนิดเดียวก็ยังดีก็เป็นได้ค่ะ
— แล้ว 0.1% นั้นก็กลายมาเป็นความจริง ทำให้สุซุฮาระซังได้เข้าร่วม「LoveLive! Superstar!!」ในฐานะรุ่นที่ 2 สินะคะ ตอนที่ได้รับแจ้งเรื่องผ่านการออดิชั่น รู้สึกอย่างไรบ้างคะ?
ในวันหนึ่ง หลังจากจบการออดิชั่นมาสักพักใหญ่ๆ จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาค่ะ ฉันให้คุณแม่เป็นคนรับสายให้ก่อน แล้วจู่ๆ คุณแม่ดูลนลานขึ้นมา (หัวเราะ) พอเปลี่ยนมาคุยเองก็โดนบอกมาว่า “ถ้าไม่ติดอะไร สนใจเข้าร่วมในภาคที่ 2 ไหม” เอาจริงๆ คือไม่เข้าใจเลยแบบที่คิดว่า “ภาค 2 ? หมายความว่ายังไงกันนะ” เพราะไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลยบอกไปว่า “ขอคิดดูก่อนนะคะ” แล้วตัดสายไปค่ะ พอหลังจากตัดสายก็เพิ่งคิดขึ้นมาได้ว่า “หรืออาจจะได้เป็นหนึ่งในแคสต์?” เพราะงั้นก็ต้องรีบตอบรับไปว่า “ค่ะ” แล้วสิ! เลยรีบโทรกลับไปค่ะ ระหว่างนั้นก็ได้พูดคุยกันประมาณว่า “เสียงฟังดูไม่สดใสเลย หรือว่าจะไม่ค่อยดีใจ?” “เปล่าค่ะ ดีใจมากๆ เลยค่ะ” แต่เอาจริงๆ ในตอนนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไรค่ะ… (หัวเราะ) ถ้าจำไม่ผิดเหมือนทางนั้นจะอธิบายรายละเอียดต่อจากนี้ให้ฟัง แต่ทางนี้ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วค่ะ
— หลังจากรู้ว่าจะได้เข้าร่วมใน『LoveLive! Superstar!!』แล้ว ชีวิตหรือความรู้สึกเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างไหมคะ?
อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าฟังสักหน่อย แต่ฉันเป็นคนที่ไม่มีเรี่ยวแรงหรือพละกำลังเลยค่ะ… เป็นคนไม่เก่งเรื่องกีฬาหรือการออกกำลังกายแบบที่แทบจะรับลูกบอลที่พุ่งเข้ามาด้วยทั้งใบหน้าของตัวเองเลยค่ะ เพราะฉะนั้นเลยคิดว่าต้องหาทางทำอะไรสักอย่างแล้ว เพื่อเพิ่มพลังกายให้กับตัวเองเลยไปวิ่งรอบนอกสวนสาธารณะใกล้บ้าน แต่วิ่งไปได้พักเดียวก็เจ็บขาขึ้นมาแล้ว ตอนวิ่งครั้งแรกนี่วิ่งดีๆ ไม่ได้สักรอบด้วยซ้ำค่ะ ทำให้กังวลขึ้นมาว่าถ้าเป็นแบบนี้จะทำต่อไปได้ไหม แต่ช่วงนี้ถึงจะเรียนเต้นนานๆ ก็ไม่เหนื่อยเท่าเมื่อก่อนแล้ว เลยรู้สึกว่าตัวเองก็เริ่มมีแรงมากขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัวค่ะ ยิมเอง ถ้าเป็นตอนที่ไปบ่อยๆ ก็ไปอาทิตย์ละ 4 ครั้งเลยค่ะ เรื่องการพูดเองก็ไม่ค่อยคล่องเลยฝึกอยู่ทุกวันตอนอาบน้ำค่ะ เพราะระหว่างที่ดูผลงานของรุ่น 1 ตัวเองก็เตรียมพร้อมกับหลายๆ อย่างไปด้วย เลยไม่ได้รู้สึกเหมือนรอให้ภาค 2 มาถึงขนาดนั้นค่ะ แต่เพราะรุ่น 1 นั้นต่างจากฉันแบบสิ้นเชิงตั้งแต่เรื่องสมรรถภาพร่างกายเลยอยากพยายามมากขึ้นค่ะ
— ช่วยบอกความรู้สึกตั้งแต่『LoveLive! Superstar!!』เริ่มต้นขึ้นแบบละเอียดอีกครั้งหน่อยนะคะ ตอนที่ประกาศแคสต์รุ่น 1 ออกมา รู้สึกอย่างไรบ้างคะ?
ตอนประกาศแคสต์ออกมาก็คิดว่า “สักวันหนึ่งเราจะกลายเป็นพวกพ้องที่จะขึ้นไปยืนบนเวทีเดียวกันสินะ” ล่ะค่ะ แล้วพอเห็นดาเตะซังก็คิดว่า “เด็กคนนั้นผ่านจริงด้วย!” พร้อมกับตกใจว่ามีคนจากการออดิชั่นแบบเปิดรับบุคคลทั่วไปถึง 2 คนเลยค่ะ ทุกคนทั้งพูดคุยได้อย่างคล่องแคล่ว และดูเหมือนคาแรกเตอร์ของตัวเองกันมากๆ ทำให้ฮึดขึ้นมาว่าตัวเองก็ต้องขัดเกลาตัวเองในหลายๆ ด้านเพื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในนั้นแล้วค่ะ เพราะคิดว่าจะพยายามจนภาค 2 มาถึงเลยไม่ค่อยมีความรู้สึกในแง่ลบค่ะ ตอนรายการสดครั้งแรกของ Liella! ฉันเองก็ดูแบบเรียลไทม์ด้วยค่ะ! พอเห็นดาเตะซังร้องไห้ก็ทำให้รู้สึกว่าเพราะเป็นคนที่มาจากการออดิชั่นแบบเปิดรับบุคคลทั่วไปถึงได้พยายามอยู่ท่ามกลางความกดดันค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นก็รับหน้าที่ดำเนินรายการไปได้จนจบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเห็นแบบนั้นก็รู้สึกว่าสุดยอดมากเลยค่ะ ดูไปก็คิดว่าตัวเองยังพยายามไม่พอจริงๆ ด้วยและทำให้คิดว่าตัวเองยังสามารถทำได้มากกว่านี้อีกไหมนะค่ะ
— ตอน Release Event Liella! Debut Single『Hajimari wa Kimi mo Sora』เองก็ได้ไปรับชมถึงสถานที่จริงเลยใช่ไหมคะ?
ค่ะ สุดยอดเลยค่ะ ถึงจะมีกันอยู่ 5 คนแต่ก็ไม่ได้โดดเด่นน้อยไปกว่ากรุ๊ปอื่นๆ เลย เป็นเพราะคอยตระหนักอยู่เสมอว่าตัวเองจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของคนเหล่านี้ในภายหลัง เลยคิดว่าตัวเองต้องทำยังไงถึงจะสามารถพูดอย่างมั่นใจได้ว่าตัวเองก็เป็น “Liella! ค่ะ” เมื่อเห็นดาเตะซังสามารถร้องท่อนเริ่มของ「Watashi no Symphony」ที่แสนยากได้อย่างเพอร์เฟ็กต์ก็เผลอคิดไปว่าถ้าเกิดคนที่ยืนตรงนั้นคือตัวเองจะสามารถทำได้บ้างไหมนะและคิดว่าเพราะเข้ามาภายหลังด้วยเลยคงสู้รุ่น 1 ไม่ได้หรอก เพราะคิดว่าต้องพยายามมากกว่านี้แล้ว กลับบ้านไปเลยซ้อมในทันทีเลยค่ะ และหลังจากผ่านไปสักพักก็ได้รับเอกสารกับรูปอิลลัสต์ของเมมเบอร์รุ่น 2 มาค่ะ พอเข้าไปดู คนที่เข้ามาในสายตาเป็นคนแรกก็คือคินาโกะจังค่ะ รู้สึกว่าเหมือนตัวเองเลยแฮะ… รูปลักษณ์หน้าตาเองก็ชอบที่สุดในเมมเบอร์รุ่น 2 เลยคิดว่าจะต้องรับบทเป็นเด็กคนนี้ให้ได้เลยค่ะ พวกเรารุ่นที่ 2 จะต้องจัดการออดิชั่นครั้งสุดท้ายเพื่อตัดสินว่าใครจะได้รับบทเป็นใครด้วยค่ะ ฉันเลยมุ่งมั่นมากๆ และภาวนาอยู่ทุกวันเลยค่ะว่าขอให้ได้เป็นคินาโกะจังด้วยเถอะ…
— ภาวนาเหรอคะ?
คิดแต่ว่าจะต้องเป็นคนดี เลยพยายามทำความดีในทุกๆ วันค่ะ พอลองนึกย้อนกลับไปดูก็รู้สึกว่าตัวเองตอนนั้นเข้าโหมดอยู่ไม่สุขเป็นที่เรียบร้อยเลยค่ะ เพราะรู้สึกว่าตัวเองมืดมนเกินกว่าที่จะเป็นคินาโกะจัง เลยพยายามสดใสและยิ้มเข้าไว้ค่ะ รุ่น 2 ทุกคนเองก็บอกมาว่าดูสดใสขึ้นกว่าตอนออดิชั่นรอบสุดท้าย เลยคิดว่าถ้าตัวเองพอจะเปลี่ยนไปบ้างก็ดีค่ะ… ระหว่างนั้นเป็นช่วงที่ฉาย TV อนิเมะภาค 1 พอดี เลยคอยดูอยู่ทุกตอนไปพร้อมๆ กับคอลกับที่บ้านไปด้วยค่ะ แต่ยิ่งดูก็ยิ่งแอบกังวลขึ้นมา ถ้าปกติแล้วก็จะอินไปเรื่องราวของซีรีส์ LoveLive! ที่ตัวเองรักมากๆ แต่กลับร้องไห้ออกมาเพราะคิดว่า “ทุกคนเก่งจัง แล้วเราจะทำได้ไหมนะ” ล่ะค่ะ
— การออดิชั่นรอบสุดท้ายของรุ่นที่ 2 ที่จัดขึ้นในระหว่างนั้นเป็นอย่างไรบ้างคะ?
ตอนนี้เองก็ยังโดนบอกมาอยู่เลยค่ะว่าตอนออดิชั่น ฉันดูมืดมนมากๆ เพราะตั้งใจมากเกินเลยเผลอมองทุกคนเป็นศัตรูไปหมดล่ะค่ะ… (หัวเราะ) เพราะเป็นครั้งแรกด้วยที่ได้ไปห้องอัด เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงและน่าจะเผลอแผ่ออร่าลบๆ ออกไปค่ะ หลังจากผ่านไปสักพัก พอรู้ว่าตัวเองได้เป็นคินาโกะจังก็แฮปปี้ทั้งวันเลยค่ะ (หัวเราะ)
— เดือนพฤศจิกายน ปี 2021 เป็นครั้งแรกที่รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ได้พบกันสินะคะ
ตอนรุ่น 2 รวมตัวกันก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไร แต่ค่อยมาคุยกับทุกคนดีๆ ตอนเรียนเต้นหลังจากนั้นแล้วหลังจากนั้นก็ค่อยๆ สนิทกันมากขึ้นค่ะ ตอนนั้นอายะบอกมาว่า “มาเรียกด้วยชื่อต้นกันเถอะ!” แต่ฉันเป็นคนที่ไม่ถนัดการเรียกชื่อคนอื่นด้วยชื่อต้นเลยมีปัญหาเรื่องนี้เอาการเลยค่ะ แต่เพราะอุตส่าห์บอกมาว่า “ทางนี้ก็จะเรียกให้ได้เลย!” เลยพยายามดูค่ะ มาตอนนี้ก็คิดว่าเพราะแบบนั้นทุกคนเลยสนิทกันมากขึ้นนะคะ หลังจากนั้นก็มีตอนที่ได้พบกับรุ่น 1 ด้วยค่ะ รุ่น 2 ทุกคนจะไปยืนรออยู่หน้าห้องที่รุ่น 1 อยู่กัน แต่แล้วก็ได้ยินเสียงดังมาจากทางเดินว่า “ตั้งตารอที่จะได้เจอเลย!” ยังจำได้อยู่เลยค่ะว่าพอได้ยินแบบนั้นแล้วรู้สึกอุ่นใจมากๆ รุ่น 1 ทุกคนทำให้บรรยากาศตรงนั้นดูเปิดรับมากๆ เป็นที่ที่เป็นกันเองมากเลยค่ะ แล้วฉันก็เพิ่งบอกเป็นครั้งแรก ณ ตอนนั้นค่ะว่าตัวเองมาจากการออดิชั่นแบบเปิดรับบุคคลทั่วไป เพราะไม่เคยบอกรุ่น 2 มาก่อนด้วย รุ่น 2 เลยตกใจกันเสียยิ่งกว่ารุ่น 1 อีกจนบรรยากาศดูแปลกๆ ขึ้นมา… อายะนี่ตกใจจนลุกพรึ่บขึ้นมาข้างๆ เลยค่ะ ตลกมากเลย (หัวเราะ)
— ตอน 1st Live Tour ก็ได้ไปดูกับรุ่นที่ 2 ทุกคนสินะคะ
ที่จริงก็ดูมาทั้งหมดแล้วแบบถ่ายทอดสดค่ะ แต่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ไปดูที่สถานที่จริงซึ่งมีแฟนๆ อุตส่าห์มากัน พอได้เห็นรุ่น 1 แสดง Performance กันอยู่ตรงหน้าจริงๆ ก็รู้สึกได้ถึงพลังที่ใส่ลงไปในการเต้นและเสียงที่ดังกว่าที่ดูจากจออีกค่ะ ทำให้รู้เลยว่าที่ตัวเองซ้อมอยู่ตอนนี้ยังไม่พอเลยแม้แต่นิดเดียว รู้สึกถึงความห่างชั้นกันในทุกๆ อย่างเลยค่ะว่าตัวเองที่ไม่เก่งทั้งร้องหรือเต้นขนาดนั้นควรต้องทำยังไงในการเข้าไปเป็นหนึ่งในนั้นกัน ตอนที่รุ่น 2 อยู่กันครบ 4 คน ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีบรรยากาศที่สดใสร่าเริงกันค่ะ แต่หลังจากไลฟ์นี้จบลงก็บรรยากาศก็หนักอึ้งขึ้นมา สำหรับรุ่น 2 แล้ว ไม่ว่ายังไงก็จะเผลอรู้สึกว่ารุ่น 1 คือกำแพงสูงล่ะค่ะ แต่ก็คิดว่าไม่ควรคิดแบบนั้นมากไป แน่นอนว่ารู้สึกเคารพ แต่ตราบใดที่เป็นเมมเบอร์ในกรุ๊ปเดียวกันก็รู้สึกว่าอยากมองแบบเป็นกลาง เลยให้ความรู้สึกประมาณว่าตอนนี้จะพยายามจนกว่าจะตามทันก่อนก็พอ! ค่ะ
— หลังจากเริ่มอัดเสียงจริงๆ แล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ?
คินาโกะจังเป็นเด็กที่รีแอคชั่นค่อนข้างใหญ่ค่ะ! เป็นคนที่มีสีหน้าหลากหลาย และตะโกนอยู่บ่อยครั้ง เลยมีปัญหากับการที่เสียงไม่ยอมออกมาค่ะ… ฉันได้ปรึกษากับสตาฟซังมากมาย แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองยังตามคินาโกะจังไม่ทันเลยค่ะ คิดว่าตัวเองมีหลายจุดเลยที่คล้ายกับคานาโกะจัง แต่ระดับอารมณ์ที่แสดงออกมานั้นต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยค่ะ เลยคิดว่านี่เป็นสิ่งที่จากนี้ตัวเองต้องไปฝึกมาค่ะ
— ระหว่างช่วงอัดเสียงก็มีประกาศเปิดตัวรุ่นที่ 2 สินะคะ เห็นรีแอคชั่นของทุกคนแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างคะ?
ทั้งตอนประกาศเมมเบอร์ใหม่และแคสต์ใหม่ รุ่น 2 จะมารวมตัวกันและดูรีแอคชั่นของทุกคนไปด้วยกันค่ะ ตอนประกาศแคสต์ฉันลืมปิดแจ้งเตือน แจ้งเตือน Followers เลยเด้งขึ้นมารัวๆ ในพริบตาเดียวจนลนไปหมดเลยค่ะ ในช่วงแรกฉันกลัวจนไม่กล้าดูคอมเมนต์ แต่พอรวบรวมความกล้าลองเปิดคอมเมนต์ดูใน 3 วันให้หลังก็เจอแต่คอมเมนต์ที่ว่า “คุณเป็นหนึ่งใน Liella! ตั้งแต่วินาทีนี้แล้วนะ” “อาจจะมีเรื่องที่หนักหนา แต่เป็นกำลังใจให้อยู่นะ จะคอยอยู่ข้างๆ นะ” จนทำเอาตกใจเลยค่ะ เพราะเตรียมใจเจอความคิดเห็นที่รุนแรงเอาไว้แล้วเลยคิดว่า “ทุกคนอุตส่าห์ยอมรับเราตั้งขนาดนี้เลย” ยังจำความอุ่นใจได้อยู่เลยค่ะว่าแฟนๆ ทุกคนช่วยมอบคำพูดที่แสนอ่อนโยนให้กันตั้งขนาดนี้เลย
— ตอนนี้สุซุฮาระซังก็ผ่านการเปิดตัวมา และได้ยืนต่อหน้าทุกคนใน LIVE & FAN Meeting แล้วสินะคะ
ยังไม่รู้สึกขนาดนั้นเลยค่ะว่าตัวเองเป็นหนึ่งในเมมเบอร์ของ Liella! จริงๆ แต่ตอน LIVE & FAN Meeting ที่โตเกียวเมื่อก่อนหน้านี้ก็รู้สึกว่าเป็นครั้งแรกเลยค่ะที่ตัวเองสามารถพูดว่า “พวกเรา Liella! ค่ะ!” ได้คล่องเป็นครั้งแรก จะเรียกว่าชินกับการพูดคำนั้นแล้วก็ไม่เชิง เหมือนกับเบลดที่ทุกคนอุตส่าห์โบกให้กับความรู้สึกที่ว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ตรงนี้จริงๆ มันกลายมาเป็นหนึ่งเดียวกัน รู้สึกเหมือนกับว่าในที่สุดตัวเองก็ได้เป็นหนึ่งในนั้น ถ้าต่อจากนี้คอยสั่งสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ แล้วสามารถขึ้นไปยืนบนสเตจในฐานะเมมเบอร์ของ Liella! ได้อย่างภาคภูมิได้ก็คงดีค่ะ
— เป็น 2 ปีที่เปลี่ยนชีวิตไปมากมายเลยสินะคะ ถ้าหากบอกอะไรกับตัวเองตอนสมัครการออดิชั่นได้จะบอกอะไรเหรอคะ?
อืม— เก่งมาก! เก่งมากเลยนะ อยากชมตัวเองที่กล้าที่จะทำในสิ่งที่ถ้าเป็นตัวเองก่อนหน้าก็คงยอมแพ้ไปแล้วค่ะ บางครั้งก็คิดว่าถ้าคนอื่นมองมาก็อาจจะคิดว่าฉันไม่ได้พัฒนาขึ้นเลย แต่เมื่อมองจากตัวเองแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ โดยเริ่มจากเรื่องเล็กๆ จนเติบโตขึ้นมามากเลยค่ะ ก่อนอื่นเลยอยากชมตัวเองที่ทำได้แบบนั้นค่ะ จากนี้ก็อยากพยายามแบบที่จาก 100 กลายเป็น 180 เลยค่ะ ตอนนี้ได้รับโอกาสให้ได้ยืนต่อหน้าทุกคนใน LIVE & FAN Meeting และอื่นๆ อยู่ แต่พอกลับถึงบ้านก็จะกลับไปเป็นตัวเองธรรมดาๆ ค่ะ ตอนนี้ยังคิดอยู่เลยค่ะว่านี่เป็นความจริงหรือเปล่านะ แต่คนที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวฉันที่เป็นแบบนั้นได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ LoveLive! ที่ตัวเองรักแล้วจริงๆ ก็คือแฟนๆ ทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจให้ค่ะ ฉันเองก็จะทำเต็มจนกว่าจะถึงจุดที่ตัวเองพอใจเพื่อที่จะสามารถทำให้ทุกคนยินดีได้นะคะ
— สุดท้ายนี้ช่วยบอกไฮไลต์ของ TV อนิเมะภาค 2 หน่อยค่ะ!
ก่อนอื่นเลยก็อยากให้ทุกคนได้เห็นเสน่ห์ของรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ทุกคนกันอย่างเต็มที่ค่ะ! รุ่น 1 ได้กลายมาเป็นรุ่นพี่แล้วเลยคิดว่าจะยิ่งเห็นว่าการพูดคุยกับรุ่นน้องดูแปลกใหม่ยิ่งขึ้นนะคะ ส่วนตัวแล้วฉันชอบความสนุกสนานตอนที่ทุกคนมารวมตัวกันซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ LoveLive! มากๆ เลยอยากให้ตั้งใจดูตรงนั้นกันด้วยค่ะ ช่วยรอดูกันเลยนะคะ!
สุซุฮาระ โนโซมิ
เกิดที่จังหวัดมิยาซากิ ตอนเป็นนักเรียนมักจะอ่านหนังสือของห้องสมุด เมื่ออ่านจบแล้วก็อ่านเล่มต่อไปเรื่อยๆ ชอบเด็กผู้หญิงที่มัดผมทรงทวินเทล เมื่อเห็นดีไซน์ของคินาโกะจึงรู้สึกได้ถึงโชคชะตา ชอบ Tabletop Game อย่างเกมไพ่ ยังค้างคาใจเรื่องที่ Liella! ยังไม่ได้ไปออกกองกระโดดบันจี้จัมพ์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in