นักแสดงนำ
เรื่องย่อ
อีซออู เด็กหนุ่มแปลกแยก ไม่ชอบสุงสิงกับใคร วันหนึ่งเขามีเรื่องทะเลาะรุนแรงกับ ชเวอูฮยอก นักเรียนเกเร ที่มีครอบครัวร่ำรวยคอยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากนิสัยเกะกะระรานของเขา ทั้งสองลงมือชกต่อยกันต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้นหลายคน โดยซออูโดนทำร้ายอย่างหนัก จนเกือบถึงชีวิต แต่ได้ครูประจำชั้นมาช่วยห้ามศึกไว้ก่อน
หลังจากนั้น ด้วยอำนาจของครอบครัวอูฮยอก และความหวาดกลัวของเพื่อนๆจนไม่กล้าเข้าให้การช่วยเหลือ ซออูกลับเป็นฝ่ายที่โดนต่อว่า และโดนบีบให้ย้ายโรงเรียน สุดท้ายซออูตัดสินใจเก็บของออกจากโรงเรียน หลังจากนั้นเขาก็ไม่มาที่โรงเรียนเลยเป็นเวลาหลายวัน จนกระทั่งเขาถูกพบเป็น... ศพ
เช้าตรู่วันหนึ่ง เบจุนยองออกจากบ้านเช้ากว่าปกติ เพราะพ่อกับแม่ของเขาทะเลาะกันแต่เช้า ระหว่างที่เขากำลังจะเดินขึ้นอาคารเรียน เขาสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติในพุ่มไม้ใกล้อาคารเรียน เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ๆ เขาพบว่ามันคือ... ศพ
โกซอยอน นักเรียนหญิงหัวหน้าห้องมาโรงเรียนในเช้าที่หิมะขาวโพลนและพบ จุนยองเพื่อนร่วมชั้นของเธอในภาวะตื่นตระหนก และนั่นทำให้เธอเป็นอีกคนที่อยู่ในสถานะผู้พบ... ศพ
แม้ตำรวจจะสรุปว่าการตายของซออูเป็นการฆ่าตัวตาย แต่กลับมีข่าวลือเกิดขึ้นในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ว่ามันอาจเป็นการฆาตกรรม เรื่องราวลุกลามใหญ่โต เมื่ออยู่ๆก็มีจดหมายลับถูกส่งไปที่บ้านซอยอน ซึ่งมีพ่อเป็นตำรวจ ว่าผู้เขียนนิรนามได้เห็นเหตุการณ์การตายของซออูด้วยตัวเอง
จดหมายฉบับนั้นนอกจากจะถูกส่งไปถึงซอยอน มันยังถูกส่งไปที่ผู้อำนวยการโรงเรียนด้วย และสุดท้าย มันหลุดไปถึงมือนักข่าวทีวี และนั่นทำให้เกิดการสืบสวนการตายของซออูอีกครั้ง
ซอยอนรวบรวมรายชื่อนักเรียนในโรงเรียน เพื่อขอจัดการว่าความสมมติในโรงเรียน เพื่อยืนยันข้อความในจดหมายที่บอกว่าอูฮยอกคือฆาตกร เธอได้รับความช่วยเหลือจาก ฮันจีฮุน เด็กชายต่างโรงเรียน ที่มาช่วยทำหน้าที่ทนายให้อูฮยอก แม้เธอจะไม่เข้าใจเหตุผลที่จีฮุนเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งที่ไม่รู้จักซออู และไม่ได้เรียนโรงเรียนเดียวกับเธอก็ตาม
เรตติ้งเฉลี่ยน ประมาณ 1.1 % (ซีรี่ส์ออกอากาศช่อง JTBC เป็นช่องเคเบิ้ล)
เป็นอีกครั้งที่ช่อง JTBC ส่งผลงาน 12 ตอน ที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันสั้นเหลือเกิน ซีรี่ส์รีเมคจากภาพยนตร์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นงานดัดแปลงมาจากนิยายชื่อเดียวกัน โดดเด่นด้วยการดำเนินเรื่องที่รัดกุม ผสมกลมกลืนทั้ง ดราม่าชีวิต ความลึกลับ การสืบหาความจริง และชั้นเชิงในกระบวนการศาล ด้วยหลายประเด็นที่อัดแน่น และความลึกซึ้งทางอารมณ์และพื้นฐานของตัวละครแต่ละตัว ทำให้เป็น 12 ตอนที่ไม่มีจุดน่าเบื่อเลย ความรักในเรื่องไม่เน้นไปที่ความรักหนุ่มสาว แต่เน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิท
นักแสดงหลักเป็นนักแสดงวัยรุ่น และบางคนก็มีผลงานเรื่องนี้เป็นผลงานเรื่องแรก แต่ทุกคนสามารถแสดงออกถึงความรู้สึกของตัวละครได้ออกมาดีมาก หลายฉาก เพราะการแสดงและบทที่ค่อนข้างมีความกดดัน ก็ถึงกับทำให้เราต้องเสียน้ำตาไปด้วย (ช่วงต้นคนดูอาจจะมีปัญหาเรื่องการจำหน้านักแสดงนิดหน่อย)
เรื่องใช้บรรยากาศของฤดูหนาว เป็นหลัก ทำให้อารมณ์ของเรื่องค่อนข้างเหงาเศร้า และดูมีความลับอยู่ตลอดเวลา เหมือนการที่ศพของซออูถูกพบอยู่ใต้หิมะ แต่ละตัวละคร ต่างก็มีความลับที่ค่อยๆถูกเปิดเผย ตลอด 12 ตอน จะมีตัวละครเพิ่มขึ้น และบางตัวละครที่หายไป แต่ทุกตัวละครมีส่วนในการขับเคลื่อนเรื่องไปสู่ความจริง
ระหว่างที่เรื่องดำเนินไป เราจะอดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่า ความจริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับซออู ซึ่งเราจะค่อยๆได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น แต่ก็ถือว่ายังเป็นการคาดเดาที่ไม่มีอะไรทำให้เรามั่่นใจได้เลย จนตอนสุดท้าย
เรื่องนี้แทรกประเด็นปัญหาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทั่วไปอย่างชีวิตครอบครัวของตัวละครแต่ละตัว ปัญหาระบบกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมสำหรับคนไร้อำนาจ ปัญหาความรุนแรงในโรงเรียน ปัญหาคอร์รัปชั่น หรือแม้กระทั่งเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
ซีรี่ส์เรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับการสืบสวน ไม่ต้องกลัวว่าเรื่องที่เกิดในโรงเรียนจะไม่น่าสนใจ เพราะเรื่องนี้โจทย์ที่ต้องแก้ค่อนข้างจะไม่ธรรมดาเหมือนเรื่องในโรงเรียนเรื่องอื่นๆเลย ระดับความดราม่าก็ใช้ได้ทีเดียว ไม่เบาโหว่งเหมือนซีรี่ส์มัธยมทั่วไป
ส่วนดีอย่างหนึ่งของเรื่องคือ เนื่องจากการดำเนินเรื่องส่วนหนึ่งเป็นการว่าความในศาลสมมติ ทำให้เราได้ฟังการสรุป ของทนาย และอัยการ ซึ่งการสรุปนั้น ช่วยให้เราสามารถเข้าใจใจความที่เรื่องต้องการสื่อได้ชัดๆ เหมือนเป็นการสรุปใจความสำคัญของเรื่องให้ตรงๆเลย
เรื่องนี้เป็นซีรี่ส์ที่ให้แง่คิดมากมาย หลายแง่มุม โดยเด็กๆแต่ละคนในเรื่องต่างก็ต้องเผชิญกับปัญหาของตัวเอง และในภาพกว้างก็แสดงให้เห็นถึงความเลวร้ายของระบบสังคม โดยให้โรงเรียนเป็นเสมือนตัวแทนของสังคมใหญ่
การจากไปของซออูเป็นส่วนผสมของความผิดพลาดหลายๆอย่าง ทั้งจากปัจจัยภายในของซออูเอง ที่มีอาการซึมเศร้า เป็นทุนเดิม และลักษณะนิสัย เก็บตัว และมองโลกในแง่ร้าย และการคอร์รัปชั่นในโรงเรียนของเด็กที่มีเส้นสายก็ยิ่งตอกย้ำให้โรงเรียนในสายตาของซออู เป็นสังคมสกปรก และความสกปรกนี้ก็เกิดขึ้นโดยผู้ใหญ่ที่เขาเคยเคารพ ด้วยความที่ซออูเป็นคนคิดมาก และค่อนข้างมองโลกในเชิงอุดมคติ ไม่แปลกที่ซออูจะรับไม่ได้กับสิ่งที่เขาได้รับรู้ ซออูมีจีฮุนเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว แต่กระนั้นเขาก็เลือกที่จะไม่พูดคุยเรื่องนี้อย่างเปิดเผยกับจีฮุน แต่เลือกที่จะบอกอ้อมๆ ซึ่งก็ไม่แปลกที่จีฮุนจะไม่เข้าใจ เพราะจีฮุนไม่เคยระแคะระคายสงสัยในตัวพ่อเลี้ยงที่ดูเป็นคนดีเหลือเกิินในสายตาของเขา
จุดสำคัญอย่างหนึ่งที่เป็นสาเหตุการตายของซออูก็คือ คำพูดเพียงคำเดียวของคนที่เขาไว้ใจ และเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา การที่เพื่อนที่เขารักที่สุด บอกเขาว่า "ถ้าอยากตาย ก็เอาเลย" นั่นเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้าย การฆ่าตัวตายเช่นการกระโดดตึกของซออู เป็นการตัดสินใจในชั่ววินาที ที่ไม่สามารถหวนคืนได้ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมการเลือกใช้คำพูด และการดูแลผู้ป่วยซึมเศร้า มีความสำคัญอย่างมาก
สุดท้ายไม่ว่าจะด้วยความกลัวที่ความลับของตัวเองจะแพร่ออกไปหรือเพราะทัศนคติที่เป็นเช่นนั้นจริงๆพ่อจีฮุนเลือกที่จะใช้จุดด้อยทางสังคมของซออูที่เป็นคนเข้ากับคนอื่นได้ยาก และไม่เป็นที่ยอมรับของเพื่อนในโรงเรียน มีความรู้สึกของความเป็นคนนอก ไม่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ตนเองอยู่ กีดกันเขาออกจากสังคมมากกว่าเดิม... เด็กบางคนไม่ได้รับการช่วยเหลือโดยการดึงเขาออกมาจากห้อง จากหน้าจอ จากสิ่งสมมติต่างๆ แต่คุณกลับบอกว่าเขาแปลก เป็นตัวประหลาดของสังคม และดันเขากลับเข้าห้อง และล็อคเขาไว้ในห้องนั้น ปัญหามากมายเพิ่มพูนใหญ่โต เพราะการพร่ำบ่น ตอกย้ำ แต่ไม่แก้ไข
ด้วยคำถามของซออูที่ถามจีฮุนไว้ก่อนจากไป หลังจากเรื่องราวทั้งหมด จีฮุนได้ทบทวนและได้คำตอบให้ตัวเองว่า คนเราไม่ได้มีชีวิตอยู่ เพราะรู้เหตุผลของการมีชีวิตอยู่ เพราะชีวิตเต็มไปด้วยหนทางวกวน พลิกผันไปมา ผสมปนเปทั้งสุขทุกข์ และทุกคนต่างก็ต้องใช้ชีวิตเช่นนั้นทั้งสิ้น เราไม่ได้เป็นคนเดียวที่มีความทุกข์ ไม่มีชีวิตของใครสมบูรณ์แบบ และต่อให้ทุกอย่างไม่ดีอย่างที่เราคาดหวัง แต่มันจะดีขึ้น การฆ่าตัวตาย เป็นเหมือนการเลือกที่จะปิดเพลงที่เพราะที่สุด หลังจากฟังแค่อินโทรของเพลง การสิ้นหวัง และละทิ้งความพยายาม ทั้งๆที่มันอาจจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ไม่เป็นอย่างที่เราหวัง โดยยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ปลายทางอาจจะเป็นชีวิตที่สวยงามและมีความสุขก็ได้ เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากเราเรียนรู้ไปกับทุกข์สุขที่ผ่านเข้ามา เราก็จะได้เรียนรู้ และสามารถมีความสุขได้ในที่สุด
แม้ว่าเราจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้อย่างที่เราต้องการ แม้ว่าระบบต่างๆในสังคม จะนำไปสู่การเสื่อมลงของศีลธรรม และจิตสำนึก แต่หากเรายังยึดมั่น และเชื่อในความถูกต้อง เมื่อเริ่มจากเรา ก็จะมีคนต่อไป และต่อๆไป จากกลุ่มสังคมที่ดีงามเล็กๆ ก็อาจะขยายใหญ่ขึ้นได้ และนั่นคือความหวังที่เรายังต้องรักษาเอาไว้ และเริ่มตันที่ตัวเราให้ดีที่สุด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in