Author’s Note : มาแจกมาม่าชาวเรือต่อ... ช่วงนี้ได้คุยกับคนอ่านเยอะขึ้นก็มีกำลังใจ (. .,,) ขอบคุณทุกคนที่ทักทายเข้ามานะคะ สนุกมากเลยการได้หวีด ได้คุยกับชาวเรือ ใครเห็นเราทางไหนก็ทักทายได้ตลอดน้า เป็นหมีใจดีที่ชอบแต่งฟิคค่ะ (...)
Pairing : Thor x Loki
Rate : G
Warning : LGBT , Boy's Love , ฟิควาย , *Spoiler Alert* for Thor : Ragnarok
Edit : เกลาสำนวนบางจุดนิดหน่อยค่า 13/12/2017 @ 19:44
………………………………………………………………..
………………………………………………………………..
เสียงฝีเท้าดังสะท้อนก้องห้องคุมขังมานานกว่าสามชั่วโมงแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะเงียบลงเร็วๆนี้เสียด้วย เมื่อบุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่ผู้เป็นที่มาของเสียง ยังคงวิ่งวนอยู่ในห้องขังรูปวงแหวนประหลาดนี้ไม่ยอมหยุดตั้งแต่ถูกจับโยนเข้ามาในนี้ และไม่ว่าเพื่อนใหม่ชาวโครแนนในห้องขังเดียวกับเขาที่ชื่อ ‘กร็อก’ จะพูดยังไง เจ้าเทพบ้าพลังจากแอสการ์ดนั่นก็ยังรั้นจะวิ่งอยู่ดี แถมยังวิ่งเสียเต็มฝีเท้าราวกับกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างเสียด้วย
ธอร์ในตอนนี้ขอแค่ให้ตัวเองได้วิ่ง ได้ออกแรง ได้ทำอะไรก็ได้สักอย่าง เพื่อปลดปล่อยความรุ่มร้อนอัดอั้น และคับข้องใจของเขาออกมา... เขาไม่สนด้วยซ้ำว่าอะไรจะตามมา ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อซึ่งเริ่มพากันประท้วง หรือปอดสองข้างซึ่งเริ่มเจ็บราวกับจะฉีก เขาไม่สนด้วยว่าตัวเองจะเหนื่อยแทบขาดใจ หรือจะล้มลงไปเสียตรงนี้เลยก็ได้... ขอแค่ไม่ต้องเป็นบ้า ไม่ต้องรู้สึกรู้สากับเรื่องราวมากมายที่รุมประดังกันเข้ามาในหัวตอนนี้
ลำพังไม่มีเรื่องอื่นเข้ามา ทุกวันนี้เขาเองก็ถูกอนุชาคนเดียวปั่นหัวจนแทบกระอักออกมาเป็นเลือดอยู่แล้ว ตอนนี้ไหนจะมีเรื่องของเฮล่า เรื่องแร็กนาร็อก การจากไปของพระบิดา และยังต้องมาสูญเสียอาวุธคู่กายอย่างโยลเนียร์ไปอีก
ธอร์แน่ใจ...ถ้าเป็นโลกิ...หมอนั่นคงรับมือกับเรื่องพวกนี้ได้อย่างชาญฉลาดกว่าเขา
...โลกิเป็นคนฉลาด... และธอร์รู้ดีว่าเขาไม่เหมือนอนุชา... เขาไม่ถนัดเรื่องการใช้หัวคิดเท่าโลกิ ยามที่เขาทั้งคู่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน การศึกใดต้องอาศัยการวางแผนการยุทธ์ โลกิจะเป็นคนแรกที่เขามอบความไว้วางใจให้เป็นมันสมองของทีมเสมอ...
...ส่วนเรื่องที่ธอร์ถนัด...คือการใช้หัวใจ...
หากเป็นสิ่งที่เขาเลือกแล้ว และตัดสินใจทำ เขาจะยอมแลกและทุ่มเททำมันสุดตัวเสมอ จนบางครั้งก็กลายเป็นการถลำลึกลงไปหากผิดพลาด และโลกิก็เลือกใช้มันเป็นจุดอ่อนย้อนกลับมาทำร้ายเขาหลายต่อหลายครั้ง
ทุกวันนี้ในความรู้สึก เรื่องราวระหว่างเขากับโลกิไม่ต่างจากการวิ่งวนในเขาวงกตอันจับต้นชนปลายไม่ถูก มีแต่คำถามที่เขาเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ แต่ก็ไม่เคยได้คำตอบ...
บุตรแห่งโอดินไม่รู้เลยว่ามันเริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร... แล้วจะไปสิ้นสุดลงที่ใด ...ไม่รู้ว่าเขาพลาดพลั้งทำสิ่งใดลงไป...และตั้งแต่เมื่อไหร่... แล้วเหตุใดอนุชาเพียงคนเดียวที่เขารักและหวงแหนที่สุด... ผู้ที่เคยเป็นทั้งเพื่อนร่วมรบและคนรู้ใจ... บัดนี้ถึงราวกับเป็นคนอื่นซึ่งเขาไม่มีวันเข้าใจสีหน้า รอยยิ้ม และแววตา หรือแม้กระทั่งถ้อยคำที่พูดออกมาได้อีก
‘ข้าไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเลยในชีวิต’
…บางทีคำพูดของอนุชาเขาอาจเป็นความจริง...พวกเขาอาจไม่เคยได้รู้จักตัวจริงของกันและกันมาก่อนเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา...
...เจ้าชายรัชทายาทแห่งแอสการ์ดผู้แข็งแกร่ง บัดนี้ทิ้งทั้งร่างและหัวใจอันหนักอึ้งของเขาลงบนพื้นอันเยียบเย็นและโสมม...เสียงฝีเท้าสะท้อนก้องในห้องขังพลันหยุดลง และถูกแทนที่ด้วยเสียงลมหายใจหอบโยนซึ่งขาดเป็นห้วงๆ...และแผ่วเบาในความเงียบ
---ℑ---
ทั้งๆที่รู้ว่าต้องแข่งกับเวลา บุตรแห่งลอเฟย์ก็ยังคงเอาแต่เดินกลับไปกลับมาเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้องของตนเองมาพักใหญ่ จริงอยู่ว่าการพบกันครั้งล่าสุดธอร์ดูจะดีใจที่ได้เจอเขา
...แต่...
ใบหน้าเทพหนุ่มกลับขึ้นสีฝาดเรื่อด้วยความกระอักกระอ่วนใจ เมื่อนึกถึงสายตาเชษฐาซึ่งมองมาที่เขาสลับกับแกรนด์มาสเตอร์ในตอนนั้น
...ใครใช้ให้เจ้าโผล่มาช้า!...
ไม่ใช่สิ!... โผล่มาผิดเวลาต่างหาก อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น เขาก็จะได้ใบเบิกทางการันตีสู่ชีวิตใหม่อันสุขสบายบนดาวดวงนี้โดยไม่รู้สึกอะไรแล้วแท้ๆ...
จะให้กลับไปแอสการ์ด สู้กับพี่สาวผู้เป็นเทพีแห่งความตายน่ะเหรอ... มันการกระทำของคนโง่ชัดๆ!...
โลกิเผลอกัดริมฝีปากล่างตนเองโดยไม่รู้ตัว อาจเพราะลึกๆแล้วเขารู้
...ถ้าจะมีคนโง่สักคน ที่คิดกลับไปแอสการ์ด เพื่อทำตัวเป็นฮีโร่โดยไม่ห่วงชีวิตตัวเองล่ะก็...
...คนๆนั้นคือธอร์...
ก็ขนาดชีวิตไร้ค่าของยักษ์น้ำแข็งแห่งโยธันไฮม์ ที่โลกิเคยพยายามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ด้วยไบฟรอสต์คราวนั้น เชษฐาของเขายังสู้ยิบตาเพื่อปกป้อง ถึงขนาดยอมทุบทำลายไบฟรอสต์ ทิ้งเส้นทางเดียวที่เจ้าพี่โง่นั่นจะกลับไปหานางในดวงใจชาวมิดการ์ดได้
...ใช่...ต้องโง่ขนาดไหนถึงทำเรื่องแบบนั้น...ทั้งที่แต่ก่อนตอนเด็กๆเคยเป็นคนพูดเองแท้ๆ ว่าจะฆ่าล้างให้สิ้นซาก...
‘ยักษ์น้ำแข็งยังมีชีวิตอยู่ไหมครับ?’
โลกิจำได้ว่าเขาเองเป็นคนถามโอดินออกไปอย่างหวาดๆ
‘ข้าได้เป็นกษัตริย์เมื่อไหร่ จะฆ่าล้างมันให้สิ้นซาก!’
และนั่นคือคำพูดของธอร์เมื่อครั้งที่พวกเขายังเยาว์วัยกว่านี้มาก
...แน่ล่ะ ในตอนนั้นทั้งเขาและเชษฐา ไม่มีใครรู้เลยว่า...
...เจ้าชายองค์รองแห่งแอสการ์ด...จะเป็นยักษ์น้ำแข็ง...
ดวงตาสีเขียวใสของโลกิไหววูบ ก่อนจะหยักยิ้มอย่างฝืดฝืน เขาเดาว่าธอร์คงรู้เรื่องนี้แล้วจากปากพระบิดา ในช่วงที่เขาต้องร่อนเร่ในอวกาศเพียงลำพังจนไปเจอกับธานอส
การที่ธอร์ยังคงเห็นเขาเป็นน้อง และตามมาถึงมิดการ์ดเพื่อพาเขากลับบ้าน หรืออันที่จริงอาจเป็นเพียงความต้องการจับเขาไปคุมขังในแอสการ์ดเพื่อปกป้องมิดการ์ดก็ตาม... ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง มันก็เปรียบประดุจความฝันแสนหวานซึ่งเขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นจริงอยู่ดี
ถึงแม้จะรู้สึกดีใจแต่มันก็สายไปแล้ว... เขาในตอนนั้น...ถอยกลับไม่ได้อีกแล้ว
...เจ้าพี่โง่...พอเป็นเรื่องข้า...ท่านมักช้าเกินไปเสมอ...
โลกิถอนหายใจยาว ขณะก้าวเท้าไปทางโซฟามุมห้อง เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ และมองดูร่างมายาของตนเดินหายออกจากห้องไป
---ℑ---
“โอดิน...หวังว่าท่านพ่อจะสถิตย์อยู่ในวัลฮาลา... ที่ซึ่งผู้กล้าคงอยู่นิรันดร์... เราจะช่วยสวดและโศกเศร้า..."
“...เพื่อผู้วายชนม์อย่างสมพระเกียรติ...” “...เพื่อผู้วายชนม์อย่างสมพระเกียรติ...”
เสียงคุ้นหูของใครอีกคนดังประสานขึ้นมาจากเบื้องหลัง เรียกให้ผู้ซึ่งเพิ่งเสร็จพิธีน้อมส่งดวงวิญญาณของพระบิดาเหลียวกลับไปมองทางเจ้าของเสียง
โลกิยืนอยู่เบื้องหน้า แต่ธอร์เพียงเปลี่ยนจากคุกเข่าทิ้งตัวลงนั่งเอนพิงผนังห้องขัง บุตรแห่งโอดินเงยมองอนุชา แต่เพียงแวบเดียวดวงตาสีฟ้าครามก็เบือนหลบไปทางอื่นอย่างหมางเมิน
“เจ็บใช่ไหมล่ะ?... ถูกหลอกเข้าเหมือนกัน ถูกหลอกว่าเป็นอย่างนึงแล้ว มารู้ทีหลังว่าเป็นเรื่องแต่ง...”
!!
คนพูดชะงักไป เมื่อเศษหินก้อนหนึ่งถูกเชษฐาตนขว้างใส่สีข้างเขาเบาๆ แน่ล่ะว่ามันลอยทะลุผ่านร่างมายาของโลกิไป และธอร์ก็หันกลับไปสนใจหินบนพื้นใกล้ตัวอีกครั้ง แทนการมองสบตาคนตรงหน้า
โลกิได้แต่ยิ้มอย่างปลงๆ
…นึกเหรอว่าเขาไม่อยากมาหา... แค่ร่างมายานี่ก็เสี่ยงมากแล้วด้วยซ้ำที่มาที่นี่...
แต่นั่นก็แค่ความคิด สิ่งที่เทพแห่งคำลวงกล่าวออกไปกลับเป็น...
“พี่ไม่คิดว่าข้ามาตัวเป็นๆใช่ไหม? ที่นี่โสโครกจะตาย”
แล้วหินอีกก้อนก็ลอยทะลุผ่านกลางลำตัวของเขาด้วยฝีมือของเชษฐา
“แปลว่าพี่ไม่อยากให้ข้าช่วยเหรอ? ข้าเสี่ยงให้แกรนด์มาสเตอร์ระแวงไม่ได้... ข้าเสียเวลาเอาใจอยู่ตั้งนาน เขาดูติงต๊อง แต่ใจกว้างน้า ที่ข้าจะบอกคือ พี่มาอยู่ฝ่ายข้า เข้าฝ่ายแกรนด์มาสเตอร์...แล้ว.....”
ร่างมายาของโลกิเมินก้อนหินซึ่งลอยทะลุร่างเขาไปอีกครั้งและพูดต่อ
“...ไม่แน่อีกหน่อย มีอุบัติเหตุกับแกรนด์มาสเตอร์ แล้วพี่.... กับข้า....”
มายาของโลกิทำมือเป็นสัญญาณ ชูนิ้วโป้งทั้งสองข้างคล้ายสื่อความหมายว่าพวกเขาทั้งคู่จะขึ้นปกครองซาคาร์ หากแต่หินก้อนใหญ่กว่าเก่าคราวนี้ลอยหวือจากมือคนที่นั่งเงียบ ทะลุผ่านหน้าของร่างมายาไป ทำเอาคนพูดไม่หลงเหลือรอยยิ้มบนใบหน้าอีก
“พี่ไม่ได้คิดจะกลับไปจริงๆใช่ไหม?”
“….”
อีกฝ่ายยังคงไม่ตอบ และดวงตาสีฟ้าของธอร์ก็ไม่แม้แต่จะเหลือบมองมาทางโลกิอีก
...ทำไมถึงได้ดื้อด้านและโง่เง่าถึงเพียงนี้นะ...
บุตรแห่งลอเฟย์ได้แต่กรีดร้องอยู่คนเดียวในใจ
“พี่ใหญ่ของเรา... บีบค้อนพี่แตกอย่างกับบีบแก้ว นางแข็งแกร่งกว่าเรา แข็งแกร่งกว่าพี่! พี่ไม่มีโอกาสเลย... พี่เข้าใจที่ข้าพูดไหมเนี่ย!”
ธอร์ยังคงไม่ตอบ ในลำคอบุตรแห่งโอดินยามนี้คล้ายมีก้อนจุกขึ้นมาด้วยความโกรธ
...ทำไมเขาจะไม่รู้... แต่ต่อให้รู้ว่ากลับไปแล้วต้องตาย เขาก็เลือกจะกลับไปอยู่ดี... เขาไม่ใช่คนที่จะใช้ชีวิตนั่งดื่มเหล้าไวน์เฮฮาทั้งวันอยู่ในงานปาร์ตี้โง่ๆนั่น ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าบ้านเกิดของตนกำลังตกอยู่ในมหันตภัยร้าย และประชาชนชาวแอสการ์ดอาจกำลังเดือดร้อนและทุกข์เข็ญภายใต้เงื้อมมือของเฮล่า...
...เขารู้ว่าโลกิแตกต่างจากเขา... เพราะสิ่งที่เขาแบกไว้บนบ่า...คือหน้าที่ในฐานะเจ้าชายรัชทายาทแห่งแอสการ์ด... คือคำสัญญาจะปกปักษ์รักษาความสงบสุขให้กับผู้คนอันเป็นประชาชนของเขา...
“…...”
ดวงตาสีเขียวมองใบหน้าหมางเมินของเชษฐา เขาไม่รู้ว่าต้องพูดเช่นไร ต้องห้ามยังไงอีกคนถึงจะยอมฟัง ถึงจะยอมเข้าใจ
...ธอร์เป็นแบบนี้เสมอ... เมื่อตัดสินใจเรื่องใดลงไป คนตรงหน้าจะก้าวไปตามทางที่เลือกอย่างมั่นคงไม่เคยโลเล ไม่เคยหันหลังกลับ...
...เพราะแบบนั้น... คนที่อยู่ได้เพียงด้านหลังอย่างเขาถึงไม่เคยอยู่ในสายตา... ถึงไม่เคยมีความหมาย...
“ได้... ข้าว่าข้าคงต้องลุยเดี่ยวแล้ว... เหมือนทุกทีนั่นแหละ”
โลกิกล่าวออกมาอย่างตัดพ้อ หากแต่คนตรงหน้ากลับยกยิ้มหยันและหลับตาลง ทิ้งเขาไว้ราวอากาศธาตุ
“จะไม่พูดอะไรเหรอ?...”
…ท่านพี่... อย่าทำเหมือนไม่เห็นหัวข้า...
“พูดอะไรบ้างสิ!”
“จะให้ข้าพูดอะไร?...”
ในที่สุดธอร์ก็ยอมเปิดปาก หากแต่หัวใจของเขากลับปิดแน่น
“เจ้าหลอกทำเป็นตาย!... เจ้าชิงบัลลังก์พ่อ ปลดอำนาจของโอดิน! ทิ้งเขาไว้บนโลกให้ตาย! เจ้าปล่อยเทพีแห่งความตาย! พูดแค่นี้พอใจรึยังหรือจะให้ย้อนกลับไปมากกว่าสองวัน!”
…ใช่...ทั้งหมดนั่นเป็นฝีมืออนุชาของเขา... และคนที่ทำทั้งหมดนั่นลงไป... ไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องพาตัวเองกลับไปรนหาที่ตายที่แอสการ์ด...
“รู้ไหม... ข้ายังไม่ได้เห็นแชมเปี้ยนที่เขาคุยนักคุยหนา... แต่ก็ได้ยินว่ามันโหดได้ใจเลย...”
โลกิ ลอเฟย์ซันเอ่ยเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาเสียดื้อๆ ดวงตาสีเขียวจับจ้องใบหน้าผู้เป็นเชษฐาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“…ข้าเดิมพันคู่แข่งพี่ไว้เยอะพรุ่งนี้... อย่าให้น้องผิดหวัง...”
คำสัญญาซึ่งธอร์เพียรพยายามรักษามันมาโดยตลอด คล้ายกับถูกอีกคนยกมาทวงเพื่อเหยียบย่ำ
‘…งั้นข้าขอให้สัญญา…โลกิ… ข้าจะเป็นพี่ชายที่ดีของเจ้า… จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังในตัวข้าอีก…’
ธอร์คว้าขวดแก้วที่ตกอยู่ข้างตัวแล้วเขวี้ยงใส่ภาพมายาของโลกิ และมันลอยทะลุร่างซึ่งกำลังเลือนหายไปจนกระทบผนังด้านหลังเสียงดังสนั่น
...ขวดแก้วแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ แต่ละเศษเสี้ยวร่วงกราวลงบนพื้น...พร้อมๆกับบางสิ่งซึ่งกำลังแหลกสลายอยู่ในกายผู้ซึ่งไม่ยอมให้ใครได้เห็นความอ่อนแอ...
...ทั้งธอร์และโลกิรู้ดีว่า การสนทนาของพวกเขาจบลงแล้ว…
...เส้นทางที่เขาทั้งคู่เลือกเดินก็ถูกขีดขึ้นมาแล้วเช่นกัน...
มันอาจเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดแล้วในความคิดของพวกเขา... แต่คงเป็นการเดินทางที่เงียบเหงาไปบ้าง เมื่อต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่า...ในเส้นทางซึ่งพวกเขาเลือกเดินนั้นจะไม่มีแม้แต่เงาของอีกคน...
==TBC.==
มาให้กำลังใจคนเขียนค่า มาช้าไปบ้างขออภัย ช่วงนี้ติดสอบและธุระเยอะมากค่ะ ❤️
ชอบตอนเปรียบเทียบระหว่างวิ่งวนในห้องขัง กับเรื่องระหว่างพี่กะน้องคู่นี้ มันใช่ ในที่สุดคุณพี่ก็มีเวลาได้คิดกะเขาบ้าง
‘ข้าไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเลยในชีวิต’
กับจุดนี้ก็ชอบมากค่ะ ตอนดูในหนังไม่ได้คิดถึงตรงนี้เลย คิดถึงแต่อิน้องพยายามให้ตัวเองรอด หรือไม่ก็วางแผนอะไรอยู่ ฮ่าาาา พี่ชายเขาคิดไกลขึ้นนะเนี่ย <3
รอตอนต่อไปนะคะ <3