Author’s Note : มาถึงตอนที่ 7 แล้ว ในที่สุดพี่ชายก็กลับมา กลัวคนจะหนีขึ้นเรือ Frostmaster หรือ Grandki กันหมดแล้ว (T^T) (ไม่เว้นแม้แต่คนเขียน) หวังว่าคนอ่านจะสนุกไปกับเรานะคะ ปล. ดีใจมากเลยที่เริ่มมีคนคอมเม้นท์พูดคุยมา ขอบคุณและดีใจมากๆจริงๆค่ะ จะพยายามลงให้ต่อเนื่องเรื่อยๆนะคะ แล้วมาเม้าๆกันอีกน้า
Pairing : Thor x Loki (แทรก Grandki / Frostmaster)
Rate : 15+
Warning : LGBT , Boy's Love , ฟิควาย , *Spoiler Alert* for Thor : Ragnarok
………………………………………………………………..
………………………………………………………………..
...อายุขัยของชาวแอสการ์ดคนหนึ่งอยู่ที่ราวๆห้าพันปี... หากเกินกว่าครึ่งหนึ่งของมันจะต้องถูกใช้เพื่อลืมใครสักคน...มันคงเป็นความทรมานที่ยาวนานน่าดู...
โลกิ ลอเฟย์ซันไม่ใช่คนโง่ เขาฉลาดมากพอที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องจมปลักอยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนั้นแน่ๆ
โลกิเลือกแล้ว... ที่จะมีชีวิตใหม่บนดาวดวงนี้... ดาวที่ไม่มีนิทานก่อนนอนเรื่องยักษ์น้ำแข็งตัวฟ้า... ไม่มีใครเรียกเขาว่า ‘บุตรองค์รองแห่งโอดิน’ หรือ ‘อนุชาแห่งธอร์’…ไม่มีใครให้เขาต้องซุกอาศัยอยู่ใต้เงามืดอีกแล้ว...
...ใช่...บนดาวดวงนี้...ไม่มีธอร์...
ในความทรงจำอันคุ้นตา เป็นภาพผ้าคลุมสีแดงบนแผ่นหลังกว้างของผู้ที่ได้ชื่อว่าพี่ชาย เป็นแผ่นหลังซึ่งโลกิเคยวิ่งตามไขว่คว้า โหยหามันเหมือนเด็กๆ ขณะเดียวกันกลับเต็มไปด้วยความกลัวว่าตนจะถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง
ในที่สุดฝันร้ายอันยาวนานของเขาก็ถึงเวลาปิดฉากลงเสียที...
ทุกย่างก้าวของเขาจากนี้ เขาจะเดินเคียงข้างแกรนด์มาสเตอร์ เขาจะอยู่เบื้องหน้าคนทุกคนในซาคาร์ และที่นี่...เขาจะเป็นคนมีค่า...และถูกรัก...
นั่นเป็นเรื่องน่ายินดีมิใช่หรือ?
โลกิแค่นขำออกมาเบาๆ มือเรียวขาวฉวยเอาแก้วเครื่องดื่มสีสวยจากบริกรมากระดกดื่มรวดเดียวหมด เขาดื่มเฉลิมฉลองให้กับชีวิตใหม่ของตนเองด้วยการปล่อยให้ของเหลวรสร้อนแรงแผดเผาลงไปตามลำคอ
แก้วนี้เป็นแก้วที่เท่าไหร่ของวัน เขาเองก็เริ่มจำไม่ได้ และไม่คิดใส่ใจจะจำ
เขาเพียงต้องการปล่อยตัวปล่อยใจไปกับงานปาร์ตี้ ท่ามกลางบรรยากาศแปลกใหม่ไม่คุ้นตา ท่ามกลางผู้คนใหม่ๆ
เสียงบีทดนตรี แสงสี และความฉูดฉาดของซาคาร์กลายเป็นสีสรรอันน่าอภิรมย์ขึ้นมากในสายตาเขาหลังจากปรับตัวกับมันอยู่พักใหญ่
ดวงตาสีเขียวคู่สวยกวาดมองบรรยากาศไปรอบห้อง และตอนนั้นเองที่ใครคนหนึ่งหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันแต่เยื้องไปทางด้านหลังเขา และเลื่อนมือมาคล้องโอบเอวเขาไว้
ลมหายใจอุ่นรินรดลงบนต้นคอด้านหลัง เรียกให้โลกิเหลียวหันไปมอง เขาประสานสายตากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของแกรนด์มาสเตอร์ซึ่งดูเร่าร้อนกว่าทุกที
ใบหน้าของเขาทั้งคู่อยู่ใกล้กันมาก จนปลายจมูกของคนด้านหลังเกือบจะกดลงบนผิวแก้มเขาอยู่แล้ว หากโลกิไม่ทันได้เอนตัวออกห่างด้วยความตกใจ
“แกรนมาสเตอร์...”
อีกคนหลิ่วตาให้แทนการตอบรับ
“เจ้าดูใจลอย ปาร์ตี้ไม่สนุกเหรอ?”
“เปล่าเลย!... ข้าเพียงกำลังคิด... ว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ได้มาอยู่ที่นี่ ได้มาเจอท่าน”
บุรุษผมสีดอกเลาหัวเราะเบาๆอย่างพึงใจกับคำตอบ
“ข้าต่างหากที่เจอเจ้า...”
คนสูงวัยกว่าเล่นลิ้น พลางไล้ข้อนิ้วบนผิวแก้มคนหนุ่มแผ่วเบา
“เราไม่มีวันรู้...ว่าพายุคลั่งฟ้าคะนองเช่นนั้นจะพาให้เราได้พบเจออะไรบ้าง จริงไหม?”
โลกิกลับปวดแปลบในใจขึ้นมาเฉยๆเมื่อพูดถึงเมฆฝนและพายุฟ้าคะนอง แต่เขาก็กลบเกลื่อนมันด้วยรอยยิ้ม และหันไปหยิบแก้วเครื่องดื่มจากบริกรที่เดินผ่านมาใกล้ๆ ยกดื่มเข้าไปจนหมดอีกครั้ง
หลายวันมานี้เขาดื่มมากกว่าที่เคยดื่ม แต่ก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเมาจริงๆจังๆสักที มันคงฟังดูตลก ถ้าเทพแห่งคำลวงอย่างเขาจะมาพยายามรักษาสัญญาบ้าๆที่เคยรับปากไว้กับใครสักคน แต่ก็นั่นแหละ... กระทั่งอีกฝ่ายผิดสัญญาไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว เขาก็ยังคงรักษาคำพูดที่ให้ไว้อยู่ดี
‘…งั้นข้าขอให้สัญญา...โลกิ... ข้าจะเป็นพี่ชายที่ดีของเจ้า... จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังในตัวข้าอีก...’
...บางทีอาจเพราะเขาไม่เคยต้องการสัญญานั่น...
ผู้ปกครองดาวซาคาร์ยังคงไม่ละสายตาจากดวงหน้างดงามของอีกฝ่าย รอจนอีกคนลดแก้วอันว่างเปล่าลง จึงค่อยเอ่ยถาม
“...ไหนเจ้าบอกว่า คอไม่แข็ง”
“...และท่านบอกว่า... จะดูแลข้าอย่างดี...หากข้าเมา”
แกรนด์มาสเตอร์หลุดขำออกมา ชักหมั่นเขี้ยวในความช่างยอกย้อนของอีกฝ่ายนัก แววตาซึ่งกำลังจับจ้องจึงทอแววเสน่หาร้อนแรงขึ้นอีก และโลกิก็ยิ้มบางตอบรับ
“แล้วนี่... ใกล้เมารึยัง? ข้าจะได้เตรียมตัวทำหน้าที่ของข้าให้พร้อม”
ฝ่ายสูงวัยกว่าถามเย้า พลางหยั่งเชิงด้วยการโน้มหน้ากดปลายจมูกลากไล้ลงมาตามกรอบหน้าของอีกคน
โลกิไม่ได้ถอยหนีหรือหลบเลี่ยง เขาเพียงขืนตัวไว้ และอดรู้สึกเกร็งนิดๆไม่ได้ด้วยยังตื่นในสัมผัส
ฝ่ายเจนจัดกว่าดูออก และนั่นยิ่งทำให้เทพหนุ่มเบื้องหน้ายิ่งดูน่ารักและมีเสน่ห์ดึงดูดเข้าไปใหญ่
“ข้า...”
ไม่ทันที่โลกิจะได้ตอบ ริมฝีปากของแกรนด์มาสเตอร์ก็เลื่อนขึ้นไปจูบเบาๆเข้าที่หลังใบหู ทำเอาลมหายใจของแอสการ์เดี้ยนหนุ่มถึงกับสะดุด หัวใจพาลสูบฉีดเป็นจังหวะหนักหน่วงและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสัมผัสร้อนไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น แต่กลับพรมสัมผัสลงมาตามลำคอระหง จนผิวขาวซีดพลันปรากฏเป็นสีระเรื่อ และเจ้าตัวก็หลุดเสียงครางเบาๆในลำคอออกมาโดยไม่รู้ตัว
ในหัวของเทพแห่งคำลวงคล้ายว่างเปล่าไปชั่วขณะ เขาไม่คุ้นชินกับสัมผัสหวามเช่นนี้เท่าไหร่นัก แอลกอฮอล์ในกายก็เหมือนจะเป็นใจตอบรับ ช่วยให้ร่างกายเขาค่อยๆผ่อนคลายลงช้าๆ ขณะที่ก้อนเนื้อในอกกลับเต้นโครมครามหนักขึ้นเรื่อยๆราวกับจะกระโจนออกมาฟ้องคนข้างนอก
โลกิพริ้มหลับตาลง กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ค่อยเอ่ยตอบเสียงพร่า
“...ดูเหมือน...ข้ากำลังจะเมาด้วยสัมผัสจากท่านมากกว่า...แกรนด์มาสเตอร์”
“ข้าจะถือว่านั่นเป็นคำชมก็แล้วกัน”
“…นั่นเป็นคำชม...”
โลกิคลี่ยิ้มหวานให้ และมันก็เรียกรอยยิ้มกว้างจากบุรุษสูงวัยกว่าได้ราวมีมนต์สะกด
“เจ้าช่างพูดจาได้น่ารักถูกใจข้านัก โลกิ”
ชายสูงวัยกว่าหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี ริมฝีปากแต้มสีฟ้าเคลื่อนเข้าดูดเม้มผิวอ่อนตรงซอกคอและลาดบ่า ปรากฏเป็นร่องรอยสีจางไว้บนกายเทพหนุ่ม ขณะเดียวกันมือของแกรนด์มาสเตอร์เริ่มลูบไล้ไปตามหน้าขา แต่กลับถูกโลกิคว้ามือนั้นมากุมประสานนิ้วไว้ด้วยกันจนอีกฝ่ายต้องหยุด และถอนใบหน้าออกมามองอย่างสงสัย
โลกิเม้มปากจนเป็นเส้นตรง ใบหน้ายังคงแดงเรื่อ เขาโน้มหน้าเข้ากระซิบข้างหูอีกฝ่าย
“บาดแผลข้า...”
แกรนด์มาสเตอร์มีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
“ข้าคิดว่าบาดแผลเจ้าหายดีแล้ว...?”
“…ใช่...และข้าคิดว่า...บางที...ท่านอาจอยากเห็นด้วยตาตนเอง...ให้แน่ใจ...”
“ที่นี่?”
แกรนด์มาสเตอร์สบตาอีกฝ่ายซึ่งเพิ่งฉวยจังหวะนั้นถอยกายออกห่างอ้อมอกเขา
โลกิส่ายหน้า ทิ้งอีกคนไว้กับรอยยิ้มอ่อนหวานและแฝงไว้ด้วยความซุกซน
“...คืนนี้...”
---ℑ---
โทแพซเป็นผู้รับใช้หญิงคนสนิทซึ่งติดตามแกรนด์มาสเตอร์มานานแล้ว… มองเพียงปราดเดียวหล่อนก็รู้ว่ามันผิดวิสัยแค่ไหน ที่บุรุษอายุอานามไม่ใช่น้อยแล้วอย่างแกรนด์มาสเตอร์จะดูกระวนกระวาย และพร่ำบ่น ทุกๆสิบนาที ว่าเวลาของวันนี้ช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้านัก...
มิหนำซ้ำ คนคลั่งไคล้งานรื่นเริงบันเทิงใจอย่างเจ้านายของหล่อนยังทำท่ายุกยิก เหมือนอยากจะประกาศจบงานเลี้ยงในวันนี้เอาดื้อๆตั้งแต่ช่วงบ่ายๆอยู่หลายครั้ง
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของแกรนด์มาสเตอร์เป็นประกายราวกับคนหนุ่มแน่น ยามจับจ้องไปยังร่างของชายหนุ่มรูปงามชาวแอสการ์ด ซึ่งกำลังสังสรรค์เฮฮาอยู่ในงานปาร์ตี้กับเพื่อนใหม่
โลกิ ลอเฟย์ซัน เป็นจอมเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจในสายตาของโทแพซ หนุ่มน้อยผู้นี้รู้ดีว่าต้องเล่นตามเกมเมื่อไหร่ ถอยเมื่อไหร่ และทำเช่นไรให้เขาถือไพ่เหนือกว่าเสมอ และการชื่นชอบความท้าทาย ชอบเอาชนะก็เป็นจุดอ่อนใหญ่มากของเจ้านายหล่อนเสียด้วย
เพราะอย่างนี้โทแพซถึงรู้สึกโล่งใจที่วันนี้ประจวบเหมาะได้รับข่าวดีถึงสองข่าว
พวกเขาได้ตัวคาโล... และสแคปเปอร์ 142 ก็มีของขวัญน่าตื่นใจมานำเสนอ...
...อย่างน้อย นี่คงช่วยให้แกรนด์มาสเตอร์มีเรื่องน่าตื่นเต้นในวันนี้มากพอจะละความสนใจจากเจ้าหนุ่มนั่น และลดความงุ่นง่านใจลงได้บ้างกระมัง...
---ℑ---
...ให้ตายเถอะ!... นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย...
เส้นประสาทตรงขมับยังคงเต้นตุบๆ ชวนให้ปวดหัวอยู่ตลอดจนน่ารำคาญ และกล้ามเนื้อทั้งกายก็ยังคงเกร็งจนปวดไปหมด ธอร์นึกอยากจะยกมือขึ้นนวดขมับตนเองเหลือเกิน ติดอยู่ที่มือทั้งสองของเขาดันถูกกำไลโลหะล็อคยึดไว้กับที่เท้าแขนของเก้าอี้โง่ๆซึ่งเขาถูกจับมานั่ง
เครื่องพันธนาการพวกนี้คงไม่ครณามือเขาหรอก หากไม่ใช่เพราะเขาถูกช็อตไฟฟ้าติดๆกันด้วยเจ้าเครื่องปล่อยกระแสไฟฟ้าบ้าที่ติดอยู่ตรงคอจนอ่อนแรง กระทั่งจะเรียกสายฟ้าตอนนี้เขายังทำไม่ได้
เจ้าชายแห่งแอสการ์ดเหลือบมองดูฝ่ามือของเขาซึ่งเพิ่งปล่อยประกายไฟฟ้าวิ่งแปลบปลาบไปมาหากันเพียงอ่อนๆต่อหน้าเจ้าคางฟ้าไปเมื่อครู่
...ช่างน่าขายหน้าและเสื่อมเสียเกียรตินัก ที่เทพเจ้าแห่งสายฟ้าเช่นเขา กลับต้องมาถูกสยบด้วยเครื่องมือผลิตกระแสไฟฟ้าประดิษฐ์อันจ้อยของคนพวกนี้...
เสียงดนตรีแปลกๆ ในห้องใหม่ที่เขาถูกพามาชวนให้ธอร์ยิ่งปวดขมับ และแสงสีวูบวาบก็ทำให้นัยย์ตาเขาพร่าเบลอ มันทำให้เขาต้องเพ่งมองอยู่พักใหญ่ถึงแน่ใจว่า บุคคลที่เขานั่งจ้องหน้าอยู่คืออนุชาตัวจริงเสียงจริง ผู้ที่เขาลั่นวาจาจะพลิกโลกทั้งเก้าตามหา
“โลกิ!! โลกิ!!!”
ถ้าจะมีเรื่องดีๆสักเรื่องที่ทำให้เขาลืมเรื่องแย่ๆทั้งหมดในวันได้ ก็คงเป็นเรื่องนี้
รอยยิ้มกว้างราวกับเด็กๆปรากฏบนใบหน้าทันที จนทำให้ธอร์ดูอ่อนลงกว่าเดิมหลายร้อยปี
“โลกิ! มานี่ มาทางนี้!”
เขาร้องเรียกอีกคนซึ่งกำลังดูผ่อนคลาย หัวเราะสนุกสนานอยู่ท่ามกลางผู้คน แต่อีกฝ่ายนี่สิพอเห็นเขาเข้า รอยยิ้มบนใบหน้ากลับหายวับไปกับตาเสียอย่างนั้น แม้จะลุกเดินตรงมาหาเขาตามเสียงเรียก แต่ท่าทางของอีกคนดูไม่ดีใจเอาซะเลยที่ได้พบเขา ทำเอาธอร์รู้สึกโหวงขึ้นมาในอก และเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
อันที่จริงโลกินี่แทบจะสร่างเมาเมื่อหันตามเสียงเรียกคุ้นหู ไปเจอใบหน้าของคนบนเก้าอี้ประหลาด ความรู้สึกหลากหลายตีกันจนเจ้าตัวผุดลุกขึ้นยืนอย่างลืมตัว ก่อนจะนึกได้ รีบเอ่ยขอตัวกับเพื่อนใหม่และก้าวยาวๆเข้าหาเชษฐา
“เจ้ายังไม่ตายเหรอ?”
เจอคำถามแรกของอนุชาตัวดียิงเข้าให้ ทำเอาธอร์แทบจุก
“แน่นอนข้ายังไม่ตาย”
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่!”
ธอร์ยิ่งขุ่นเคืองหนักขึ้นไปอีกเมื่ออีกคนถามราวกับไม่อยากให้เขาปรากฏตัวที่นี่
“ถามได้ว่าทำอะไร? ข้าติดอยู่บนเก้าอี้โง่ๆ แล้วไหนเก้าอี้เจ้า?”
“ข้าไม่มีเก้าอี้”
…ใช่... ธอร์เพิ่งสังเกต... โลกิไม่เหมือนเขา หมอนี่เหมือนจะได้รับการต้อนรับ และดูสุขสบายดีทีเดียว
“ช่วยข้าออกไปสิ!”
ธอร์ร้องขอ แต่อีกคนกลับลดเสียงลงและตอบกลับด้วยเสียงกระซิบกระซาบ พาให้ธอร์กระซิบกระซาบตามไปด้วย
“ไม่ได้”
“ช่วยข้าออกไป”
“ไม่ได้!”
“อะไรนะ?”
ธอร์แทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่ออีกฝ่ายให้คำตอบสวนกลับมาแทบจะทันที โดยไม่เสียเวลาคิดเลยด้วยซ้ำ
“ข้าคอยตีสนิทกับแกรนด์มาสเตอร์...”
“แต่เขาเป็นบ้า”
ธอร์สวนกลับไปโดยไม่รอให้อีกคนพูดจบ
“…และเขาก็ชอบข้า”
…อะไรนะ?!...
นั่นเป็นข่าวใหม่ที่บุตรแห่งโอดินไม่คิดว่าเขาจะได้ยิน
“ไบฟรอสต์ส่งข้ามาหลายสัปดาห์แล้ว”
“หลายสัปดาห์เหรอ?”
“ใช่!”
“แต่ว่าข้าเพิ่งมา”
เรื่องราวมากมายชวนสับสนตีกันอยู่ในหัวธอร์ อย่าว่าแต่ตอนหัวสมองเขามึนและเบลออย่างตอนนี้เลย กระทั่งยามปกติไม่ถูกช็อต ต้องมาเจอเรื่องปวดหัวมากมายติดๆกันไม่หยุดหย่อนแบบนี้เขาก็คงมึนตึ้บไม่ต่างกัน
“เขากระซิบกระซาบอะไรกัน?”
เสียงแปลกปลอมของบุคคลที่สามทำเอาวงสนทนาของเทพแอสการ์ดสองพี่น้องแตกกระจาย
“เวลาของแต่ละที่มันไม่เท่ากัน…”
แกรนด์มาสเตอร์พูดขึ้น ท่าทางแล้วเจ้าของดาวดวงนี้คงได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ไปบ้าง
“...ถ้าเป็นโลกอื่น ข้าคงเป็นตาเฒ่าล้านปีแล้ว แต่ที่ซาคาร์...”
แกรนด์มาสเตอร์ทอดเสียง แต่ไม่ได้ปิดประโยคนั้นให้จบ สายตายั่วเย้าของผู้พูดเลื่อนไปจับใบหน้าหวานของโลกิ แล้วหลิ่วตาให้เล็กๆ ทำเอาเทพแห่งคำลวงปั้นหน้าไม่ถูก
โลกิสบตาแกรนด์มาสเตอร์ และเม้มปากแน่น แสร้งทำให้ดูเหมือนยิ้มรับ ขณะเดียวกันก็เหลือบมองใบหน้าเชษฐาอย่างว้าวุ่นใจ
เขาไม่คิดว่าจะได้เจอธอร์ที่นี่ เอาเข้าจริงเขานอนร้องไห้อยู่หลายคืนเพราะคิดว่าเชษฐาของเขาคงถูกเฮล่าฆ่าตายแล้วด้วยซ้ำ แม้จะมีความหวังอยู่บ้างลึกๆ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะได้พบเชษฐาตนที่นี่ อย่างน้อยก็ไม่ใช่เร็วๆนี้ ...แล้วดูสิ... ทั้งที่เขาเพิ่งตัดสินใจจะเริ่มชีวิตใหม่ อีกคนก็กลับโผล่มา...
ธอร์หรี่ตามองคนทั้งคู่สลับไปมา เขาอาจยังไม่รู้จักแกรนด์มาสเตอร์ดี แต่กับอนุชาที่เติบโตมาด้วยกันแต่เล็กแต่น้อย ทำไมเขาจะอ่านท่าทางมีลับลมคมในของอีกคนไม่ออก
‘ข้าคอยตีสนิทกับแกรนด์มาสเตอร์…และเขาก็ชอบข้า’
คำพูดของโลกิเมื่อครู่วิ่งวนกลับขึ้นมาในหัว
แน่นอนล่ะว่าเทพแห่งสายฟ้ามีคำถาม... ว่าอนุชาตัวดีของเขาไปตีสนิทกับตาเฒ่าคางฟ้านี่อิท่าไหนตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงขนาดทำให้อีกคนมา ‘ชอบ’ ได้
ธอร์หยุดความคิดในทางร้ายของตนไว้เมื่อแกรนด์มาสเตอร์เริ่มแนะนำเขาให้กับโลกิ
“และนี่... เจ้าแห่งสายฟ้า”
“...เทพเจ้าแห่งสายฟ้า...บอกเขา”
ธอร์แก้คำพูดให้ใหม่อย่างฉุนๆ ภายใต้รอยยิ้มเหี้ยมและเพยิดหน้าให้โลกิอธิบายต่อ
“ข้าไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเลยในชีวิต”
โลกิตอบด้วยใบหน้าฉาบรอยยิ้มหวาน และนั่นแทบกระชากเอาความอดทนเฮือกสุดท้ายออกจากหัวธอร์
“เขาเป็นน้องชายข้า!”
“น้องบุญธรรมน่ะ…”
กลับเป็นฝ่ายโลกิที่หุบยิ้มแทบไม่ทัน เมื่อถูกเชษฐาฉีกหน้ากากคำลวงของเขาซึ่งๆหน้า จนโลกินึกอยากจะจ้วงแทงเจ้าพี่บ้าสักทีสองที ให้หายโมโหด้วยความที่ไม่รู้จักยอมตามน้ำกับเขาเลย
ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อแกรนด์มาสเตอร์เคยเชื่อใจว่าเขาจะไม่มีวันหนีไปไหน เพราะเขาไม่มีใคร ไม่มีครอบครัว แล้วจู่ๆเจ้า ‘พี่ชาย’ ตัวเป็นๆกลับโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ซะนี่
“เขาเป็นนักสู้รึเปล่า?”
แกรนด์มาสเตอร์ดูจะเบลอการโกหกต่อหน้าต่อตาของโลกิไปอย่างง่ายดาย และนั่นเป็นสัญญาณที่ดีในความคิดของเทพเจ้าแห่งคำลวง
“เอาที่คอข้าออกสิ จะทำให้ดู”
บุตรแห่งโอดินขู่ฟ่ออย่างเกรี้ยวกราดภายใต้รอยยิ้มที่ทำเอาโลกิเย็นสันหลังวาบ
โลกิได้แต่ยืนนิ่งดูเชษฐาของตนถูกนำตัวไป เขารู้ว่าบนดาวนี่มีการแข่งชิงแชมเปี้ยน แม้จะยังไม่เคยไปดูด้วยตา แต่ก็พอได้ยินมาบ้างว่า ผู้เข้าแข่งขันอาจถูกสังหาร หรือต่อให้ไม่ตายในการต่อสู้ หากพ่ายแพ้ก็อาจถูกสั่งฆ่าเพื่อเพิ่มความสะใจให้ผู้ชมในสนามอยู่ดี
โลกิกัดริมฝีปากตน...พยายามใช้ความคิด
เขารู้แค่ว่าต้องหาวิธีช่วยธอร์ให้ได้ และต้องแข่งกับเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดนี่ด้วย
...โลกิรู้ดี...เขาไม่มีแม้แต่เสี้ยวเวลาจะดีใจที่ได้พบหน้าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ...
“ถ้าจะตาย...ก็ไปตายให้มันไกลๆ ไม่ต้องมาตายให้เห็นต่อหน้าไม่ได้รึไงฟะ! เจ้าพี่บ้าเอ๊ย!”
โลกิ ลอเฟย์ซันได้แต่กัดฟันพูดกับตัวเอง ดวงตาสีเขียววูบไหวจ้องมองทางเดินว่างเปล่าซึ่งเชษฐาของเขาเพิ่งถูกนำตัวไป
ความจริงโลกิอาจจะเหมาะกับอยู่ที่ซาร์คาจริง ๆ ก็ได้ ดูมีความสุขเชียวไม่เหมือนตอนอยู่โลกโน้น แต่หนูจะรีบลงหลักปักฐาน ขอตามตาลุงที่เพิ่งเจอกันแป๊บ ๆ ไม่ได้นะหนู ถึงเขาจะเปย์หนู ต้อยหนูอย่างดีก็เถอะ
ps. จะธอร์กิ หรือ แกรนด์กิ เราก็จะเหยียบเรือทั้งสองลำให้ลอยไปด้วยกันค่ะ ฮา
ชอบมากเลยค่ะ เนื้อเรื่องลื่นไหลกลมกลืนมากค่ะ ภาษาสวยด้วย ❤️ กิน่ารักกก