เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[Fic: Thor x Loki] LIEnarscel
[Fic: Thor x Loki] LIE - Ep07 : Reunion
  • Author’s Note : มาถึงตอนที่ 7 แล้ว ในที่สุดพี่ชายก็กลับมา กลัวคนจะหนีขึ้นเรือ Frostmaster หรือ Grandki กันหมดแล้ว (T^T) (ไม่เว้นแม้แต่คนเขียน) หวังว่าคนอ่านจะสนุกไปกับเรานะคะ ปล. ดีใจมากเลยที่เริ่มมีคนคอมเม้นท์พูดคุยมา ขอบคุณและดีใจมากๆจริงๆค่ะ จะพยายามลงให้ต่อเนื่องเรื่อยๆนะคะ แล้วมาเม้าๆกันอีกน้า

    Pairing : Thor x Loki (แทรก Grandki / Frostmaster)

    Rate : 15+

    Warning : LGBT , Boy's Love , ฟิควาย , *Spoiler Alert* for Thor : Ragnarok


    ………………………………………………………………..

    LIE – Ep. 07 : Reunion

    ………………………………………………………………..

     

              ...อายุขัยของชาวแอสการ์ดคนหนึ่งอยู่ที่ราวๆห้าพันปี... หากเกินกว่าครึ่งหนึ่งของมันจะต้องถูกใช้เพื่อลืมใครสักคน...มันคงเป็นความทรมานที่ยาวนานน่าดู...

              โลกิ ลอเฟย์ซันไม่ใช่คนโง่ เขาฉลาดมากพอที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องจมปลักอยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนั้นแน่ๆ

              โลกิเลือกแล้ว... ที่จะมีชีวิตใหม่บนดาวดวงนี้... ดาวที่ไม่มีนิทานก่อนนอนเรื่องยักษ์น้ำแข็งตัวฟ้า... ไม่มีใครเรียกเขาว่า ‘บุตรองค์รองแห่งโอดิน’ หรือ ‘อนุชาแห่งธอร์’…ไม่มีใครให้เขาต้องซุกอาศัยอยู่ใต้เงามืดอีกแล้ว...

              ...ใช่...บนดาวดวงนี้...ไม่มีธอร์...

              ในความทรงจำอันคุ้นตา เป็นภาพผ้าคลุมสีแดงบนแผ่นหลังกว้างของผู้ที่ได้ชื่อว่าพี่ชาย เป็นแผ่นหลังซึ่งโลกิเคยวิ่งตามไขว่คว้า โหยหามันเหมือนเด็กๆ ขณะเดียวกันกลับเต็มไปด้วยความกลัวว่าตนจะถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง

              ในที่สุดฝันร้ายอันยาวนานของเขาก็ถึงเวลาปิดฉากลงเสียที...

              ทุกย่างก้าวของเขาจากนี้ เขาจะเดินเคียงข้างแกรนด์มาสเตอร์ เขาจะอยู่เบื้องหน้าคนทุกคนในซาคาร์ และที่นี่...เขาจะเป็นคนมีค่า...และถูกรัก...

              นั่นเป็นเรื่องน่ายินดีมิใช่หรือ?

              โลกิแค่นขำออกมาเบาๆ มือเรียวขาวฉวยเอาแก้วเครื่องดื่มสีสวยจากบริกรมากระดกดื่มรวดเดียวหมด เขาดื่มเฉลิมฉลองให้กับชีวิตใหม่ของตนเองด้วยการปล่อยให้ของเหลวรสร้อนแรงแผดเผาลงไปตามลำคอ

              แก้วนี้เป็นแก้วที่เท่าไหร่ของวัน เขาเองก็เริ่มจำไม่ได้ และไม่คิดใส่ใจจะจำ

              เขาเพียงต้องการปล่อยตัวปล่อยใจไปกับงานปาร์ตี้ ท่ามกลางบรรยากาศแปลกใหม่ไม่คุ้นตา ท่ามกลางผู้คนใหม่ๆ

              เสียงบีทดนตรี แสงสี และความฉูดฉาดของซาคาร์กลายเป็นสีสรรอันน่าอภิรมย์ขึ้นมากในสายตาเขาหลังจากปรับตัวกับมันอยู่พักใหญ่

              ดวงตาสีเขียวคู่สวยกวาดมองบรรยากาศไปรอบห้อง และตอนนั้นเองที่ใครคนหนึ่งหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันแต่เยื้องไปทางด้านหลังเขา และเลื่อนมือมาคล้องโอบเอวเขาไว้

              ลมหายใจอุ่นรินรดลงบนต้นคอด้านหลัง เรียกให้โลกิเหลียวหันไปมอง เขาประสานสายตากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของแกรนด์มาสเตอร์ซึ่งดูเร่าร้อนกว่าทุกที

              ใบหน้าของเขาทั้งคู่อยู่ใกล้กันมาก จนปลายจมูกของคนด้านหลังเกือบจะกดลงบนผิวแก้มเขาอยู่แล้ว หากโลกิไม่ทันได้เอนตัวออกห่างด้วยความตกใจ

              “แกรนมาสเตอร์...”

              อีกคนหลิ่วตาให้แทนการตอบรับ

              “เจ้าดูใจลอย ปาร์ตี้ไม่สนุกเหรอ?”

              “เปล่าเลย!... ข้าเพียงกำลังคิด... ว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ได้มาอยู่ที่นี่ ได้มาเจอท่าน”

              บุรุษผมสีดอกเลาหัวเราะเบาๆอย่างพึงใจกับคำตอบ

              “ข้าต่างหากที่เจอเจ้า...”

              คนสูงวัยกว่าเล่นลิ้น พลางไล้ข้อนิ้วบนผิวแก้มคนหนุ่มแผ่วเบา

              “เราไม่มีวันรู้...ว่าพายุคลั่งฟ้าคะนองเช่นนั้นจะพาให้เราได้พบเจออะไรบ้าง จริงไหม?”

              โลกิกลับปวดแปลบในใจขึ้นมาเฉยๆเมื่อพูดถึงเมฆฝนและพายุฟ้าคะนอง แต่เขาก็กลบเกลื่อนมันด้วยรอยยิ้ม และหันไปหยิบแก้วเครื่องดื่มจากบริกรที่เดินผ่านมาใกล้ๆ ยกดื่มเข้าไปจนหมดอีกครั้ง

              หลายวันมานี้เขาดื่มมากกว่าที่เคยดื่ม แต่ก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเมาจริงๆจังๆสักที มันคงฟังดูตลก ถ้าเทพแห่งคำลวงอย่างเขาจะมาพยายามรักษาสัญญาบ้าๆที่เคยรับปากไว้กับใครสักคน แต่ก็นั่นแหละ... กระทั่งอีกฝ่ายผิดสัญญาไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว เขาก็ยังคงรักษาคำพูดที่ให้ไว้อยู่ดี

              ‘…งั้นข้าขอให้สัญญา...โลกิ... ข้าจะเป็นพี่ชายที่ดีของเจ้า... จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังในตัวข้าอีก...’

              ...บางทีอาจเพราะเขาไม่เคยต้องการสัญญานั่น...

              ผู้ปกครองดาวซาคาร์ยังคงไม่ละสายตาจากดวงหน้างดงามของอีกฝ่าย รอจนอีกคนลดแก้วอันว่างเปล่าลง จึงค่อยเอ่ยถาม

              “...ไหนเจ้าบอกว่า คอไม่แข็ง”

              “...และท่านบอกว่า... จะดูแลข้าอย่างดี...หากข้าเมา”

              แกรนด์มาสเตอร์หลุดขำออกมา ชักหมั่นเขี้ยวในความช่างยอกย้อนของอีกฝ่ายนัก แววตาซึ่งกำลังจับจ้องจึงทอแววเสน่หาร้อนแรงขึ้นอีก และโลกิก็ยิ้มบางตอบรับ

              “แล้วนี่... ใกล้เมารึยัง? ข้าจะได้เตรียมตัวทำหน้าที่ของข้าให้พร้อม”

              ฝ่ายสูงวัยกว่าถามเย้า พลางหยั่งเชิงด้วยการโน้มหน้ากดปลายจมูกลากไล้ลงมาตามกรอบหน้าของอีกคน

              โลกิไม่ได้ถอยหนีหรือหลบเลี่ยง เขาเพียงขืนตัวไว้ และอดรู้สึกเกร็งนิดๆไม่ได้ด้วยยังตื่นในสัมผัส

    ฝ่ายเจนจัดกว่าดูออก และนั่นยิ่งทำให้เทพหนุ่มเบื้องหน้ายิ่งดูน่ารักและมีเสน่ห์ดึงดูดเข้าไปใหญ่

              “ข้า...”

              ไม่ทันที่โลกิจะได้ตอบ ริมฝีปากของแกรนด์มาสเตอร์ก็เลื่อนขึ้นไปจูบเบาๆเข้าที่หลังใบหู ทำเอาลมหายใจของแอสการ์เดี้ยนหนุ่มถึงกับสะดุด หัวใจพาลสูบฉีดเป็นจังหวะหนักหน่วงและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสัมผัสร้อนไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น แต่กลับพรมสัมผัสลงมาตามลำคอระหง จนผิวขาวซีดพลันปรากฏเป็นสีระเรื่อ และเจ้าตัวก็หลุดเสียงครางเบาๆในลำคอออกมาโดยไม่รู้ตัว

              ในหัวของเทพแห่งคำลวงคล้ายว่างเปล่าไปชั่วขณะ เขาไม่คุ้นชินกับสัมผัสหวามเช่นนี้เท่าไหร่นัก แอลกอฮอล์ในกายก็เหมือนจะเป็นใจตอบรับ ช่วยให้ร่างกายเขาค่อยๆผ่อนคลายลงช้าๆ ขณะที่ก้อนเนื้อในอกกลับเต้นโครมครามหนักขึ้นเรื่อยๆราวกับจะกระโจนออกมาฟ้องคนข้างนอก

              โลกิพริ้มหลับตาลง กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ค่อยเอ่ยตอบเสียงพร่า

              “...ดูเหมือน...ข้ากำลังจะเมาด้วยสัมผัสจากท่านมากกว่า...แกรนด์มาสเตอร์”

              “ข้าจะถือว่านั่นเป็นคำชมก็แล้วกัน”

              “…นั่นเป็นคำชม...”

              โลกิคลี่ยิ้มหวานให้ และมันก็เรียกรอยยิ้มกว้างจากบุรุษสูงวัยกว่าได้ราวมีมนต์สะกด

              “เจ้าช่างพูดจาได้น่ารักถูกใจข้านัก โลกิ”

              ชายสูงวัยกว่าหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี ริมฝีปากแต้มสีฟ้าเคลื่อนเข้าดูดเม้มผิวอ่อนตรงซอกคอและลาดบ่า ปรากฏเป็นร่องรอยสีจางไว้บนกายเทพหนุ่ม ขณะเดียวกันมือของแกรนด์มาสเตอร์เริ่มลูบไล้ไปตามหน้าขา แต่กลับถูกโลกิคว้ามือนั้นมากุมประสานนิ้วไว้ด้วยกันจนอีกฝ่ายต้องหยุด และถอนใบหน้าออกมามองอย่างสงสัย

              โลกิเม้มปากจนเป็นเส้นตรง ใบหน้ายังคงแดงเรื่อ เขาโน้มหน้าเข้ากระซิบข้างหูอีกฝ่าย

              “บาดแผลข้า...”

              แกรนด์มาสเตอร์มีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

              “ข้าคิดว่าบาดแผลเจ้าหายดีแล้ว...?”

              “…ใช่...และข้าคิดว่า...บางที...ท่านอาจอยากเห็นด้วยตาตนเอง...ให้แน่ใจ...”

              “ที่นี่?”

              แกรนด์มาสเตอร์สบตาอีกฝ่ายซึ่งเพิ่งฉวยจังหวะนั้นถอยกายออกห่างอ้อมอกเขา

              โลกิส่ายหน้า ทิ้งอีกคนไว้กับรอยยิ้มอ่อนหวานและแฝงไว้ด้วยความซุกซน

              “...คืนนี้...”

    ------

     

              โทแพซเป็นผู้รับใช้หญิงคนสนิทซึ่งติดตามแกรนด์มาสเตอร์มานานแล้ว… มองเพียงปราดเดียวหล่อนก็รู้ว่ามันผิดวิสัยแค่ไหน ที่บุรุษอายุอานามไม่ใช่น้อยแล้วอย่างแกรนด์มาสเตอร์จะดูกระวนกระวาย และพร่ำบ่น ทุกๆสิบนาที ว่าเวลาของวันนี้ช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้านัก...

              มิหนำซ้ำ คนคลั่งไคล้งานรื่นเริงบันเทิงใจอย่างเจ้านายของหล่อนยังทำท่ายุกยิก เหมือนอยากจะประกาศจบงานเลี้ยงในวันนี้เอาดื้อๆตั้งแต่ช่วงบ่ายๆอยู่หลายครั้ง

              ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของแกรนด์มาสเตอร์เป็นประกายราวกับคนหนุ่มแน่น ยามจับจ้องไปยังร่างของชายหนุ่มรูปงามชาวแอสการ์ด ซึ่งกำลังสังสรรค์เฮฮาอยู่ในงานปาร์ตี้กับเพื่อนใหม่

              โลกิ ลอเฟย์ซัน เป็นจอมเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจในสายตาของโทแพซ หนุ่มน้อยผู้นี้รู้ดีว่าต้องเล่นตามเกมเมื่อไหร่ ถอยเมื่อไหร่ และทำเช่นไรให้เขาถือไพ่เหนือกว่าเสมอ และการชื่นชอบความท้าทาย ชอบเอาชนะก็เป็นจุดอ่อนใหญ่มากของเจ้านายหล่อนเสียด้วย

              เพราะอย่างนี้โทแพซถึงรู้สึกโล่งใจที่วันนี้ประจวบเหมาะได้รับข่าวดีถึงสองข่าว

              พวกเขาได้ตัวคาโล... และสแคปเปอร์ 142 ก็มีของขวัญน่าตื่นใจมานำเสนอ...

              ...อย่างน้อย นี่คงช่วยให้แกรนด์มาสเตอร์มีเรื่องน่าตื่นเต้นในวันนี้มากพอจะละความสนใจจากเจ้าหนุ่มนั่น และลดความงุ่นง่านใจลงได้บ้างกระมัง...

    ------


              ...ให้ตายเถอะ!... นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย...

              เส้นประสาทตรงขมับยังคงเต้นตุบๆ ชวนให้ปวดหัวอยู่ตลอดจนน่ารำคาญ และกล้ามเนื้อทั้งกายก็ยังคงเกร็งจนปวดไปหมด ธอร์นึกอยากจะยกมือขึ้นนวดขมับตนเองเหลือเกิน ติดอยู่ที่มือทั้งสองของเขาดันถูกกำไลโลหะล็อคยึดไว้กับที่เท้าแขนของเก้าอี้โง่ๆซึ่งเขาถูกจับมานั่ง

              เครื่องพันธนาการพวกนี้คงไม่ครณามือเขาหรอก หากไม่ใช่เพราะเขาถูกช็อตไฟฟ้าติดๆกันด้วยเจ้าเครื่องปล่อยกระแสไฟฟ้าบ้าที่ติดอยู่ตรงคอจนอ่อนแรง กระทั่งจะเรียกสายฟ้าตอนนี้เขายังทำไม่ได้

              เจ้าชายแห่งแอสการ์ดเหลือบมองดูฝ่ามือของเขาซึ่งเพิ่งปล่อยประกายไฟฟ้าวิ่งแปลบปลาบไปมาหากันเพียงอ่อนๆต่อหน้าเจ้าคางฟ้าไปเมื่อครู่

              ...ช่างน่าขายหน้าและเสื่อมเสียเกียรตินัก ที่เทพเจ้าแห่งสายฟ้าเช่นเขา กลับต้องมาถูกสยบด้วยเครื่องมือผลิตกระแสไฟฟ้าประดิษฐ์อันจ้อยของคนพวกนี้...

              เสียงดนตรีแปลกๆ ในห้องใหม่ที่เขาถูกพามาชวนให้ธอร์ยิ่งปวดขมับ และแสงสีวูบวาบก็ทำให้นัยย์ตาเขาพร่าเบลอ มันทำให้เขาต้องเพ่งมองอยู่พักใหญ่ถึงแน่ใจว่า บุคคลที่เขานั่งจ้องหน้าอยู่คืออนุชาตัวจริงเสียงจริง ผู้ที่เขาลั่นวาจาจะพลิกโลกทั้งเก้าตามหา

              “โลกิ!! โลกิ!!!”

              ถ้าจะมีเรื่องดีๆสักเรื่องที่ทำให้เขาลืมเรื่องแย่ๆทั้งหมดในวันได้ ก็คงเป็นเรื่องนี้

              รอยยิ้มกว้างราวกับเด็กๆปรากฏบนใบหน้าทันที จนทำให้ธอร์ดูอ่อนลงกว่าเดิมหลายร้อยปี

              “โลกิ! มานี่ มาทางนี้!”

              เขาร้องเรียกอีกคนซึ่งกำลังดูผ่อนคลาย หัวเราะสนุกสนานอยู่ท่ามกลางผู้คน แต่อีกฝ่ายนี่สิพอเห็นเขาเข้า รอยยิ้มบนใบหน้ากลับหายวับไปกับตาเสียอย่างนั้น แม้จะลุกเดินตรงมาหาเขาตามเสียงเรียก แต่ท่าทางของอีกคนดูไม่ดีใจเอาซะเลยที่ได้พบเขา ทำเอาธอร์รู้สึกโหวงขึ้นมาในอก และเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

              อันที่จริงโลกินี่แทบจะสร่างเมาเมื่อหันตามเสียงเรียกคุ้นหู ไปเจอใบหน้าของคนบนเก้าอี้ประหลาด ความรู้สึกหลากหลายตีกันจนเจ้าตัวผุดลุกขึ้นยืนอย่างลืมตัว ก่อนจะนึกได้ รีบเอ่ยขอตัวกับเพื่อนใหม่และก้าวยาวๆเข้าหาเชษฐา

              “เจ้ายังไม่ตายเหรอ?”

              เจอคำถามแรกของอนุชาตัวดียิงเข้าให้ ทำเอาธอร์แทบจุก

              “แน่นอนข้ายังไม่ตาย”

              “เจ้ามาทำอะไรที่นี่!”

              ธอร์ยิ่งขุ่นเคืองหนักขึ้นไปอีกเมื่ออีกคนถามราวกับไม่อยากให้เขาปรากฏตัวที่นี่

              “ถามได้ว่าทำอะไร? ข้าติดอยู่บนเก้าอี้โง่ๆ แล้วไหนเก้าอี้เจ้า?”

              “ข้าไม่มีเก้าอี้”

              …ใช่... ธอร์เพิ่งสังเกต... โลกิไม่เหมือนเขา หมอนี่เหมือนจะได้รับการต้อนรับ และดูสุขสบายดีทีเดียว

              “ช่วยข้าออกไปสิ!”

              ธอร์ร้องขอ แต่อีกคนกลับลดเสียงลงและตอบกลับด้วยเสียงกระซิบกระซาบ พาให้ธอร์กระซิบกระซาบตามไปด้วย

              “ไม่ได้”

              “ช่วยข้าออกไป”

              “ไม่ได้!”

              “อะไรนะ?”

              ธอร์แทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่ออีกฝ่ายให้คำตอบสวนกลับมาแทบจะทันที โดยไม่เสียเวลาคิดเลยด้วยซ้ำ

              “ข้าคอยตีสนิทกับแกรนด์มาสเตอร์...”

              “แต่เขาเป็นบ้า”

              ธอร์สวนกลับไปโดยไม่รอให้อีกคนพูดจบ

              “…และเขาก็ชอบข้า”

              …อะไรนะ?!...

              นั่นเป็นข่าวใหม่ที่บุตรแห่งโอดินไม่คิดว่าเขาจะได้ยิน

              “ไบฟรอสต์ส่งข้ามาหลายสัปดาห์แล้ว”

              “หลายสัปดาห์เหรอ?”

              “ใช่!”

              “แต่ว่าข้าเพิ่งมา”

              เรื่องราวมากมายชวนสับสนตีกันอยู่ในหัวธอร์ อย่าว่าแต่ตอนหัวสมองเขามึนและเบลออย่างตอนนี้เลย กระทั่งยามปกติไม่ถูกช็อต ต้องมาเจอเรื่องปวดหัวมากมายติดๆกันไม่หยุดหย่อนแบบนี้เขาก็คงมึนตึ้บไม่ต่างกัน

              “เขากระซิบกระซาบอะไรกัน?”

              เสียงแปลกปลอมของบุคคลที่สามทำเอาวงสนทนาของเทพแอสการ์ดสองพี่น้องแตกกระจาย

              “เวลาของแต่ละที่มันไม่เท่ากัน…”

              แกรนด์มาสเตอร์พูดขึ้น ท่าทางแล้วเจ้าของดาวดวงนี้คงได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ไปบ้าง

              “...ถ้าเป็นโลกอื่น ข้าคงเป็นตาเฒ่าล้านปีแล้ว แต่ที่ซาคาร์...”

              แกรนด์มาสเตอร์ทอดเสียง แต่ไม่ได้ปิดประโยคนั้นให้จบ สายตายั่วเย้าของผู้พูดเลื่อนไปจับใบหน้าหวานของโลกิ แล้วหลิ่วตาให้เล็กๆ ทำเอาเทพแห่งคำลวงปั้นหน้าไม่ถูก

              โลกิสบตาแกรนด์มาสเตอร์ และเม้มปากแน่น แสร้งทำให้ดูเหมือนยิ้มรับ ขณะเดียวกันก็เหลือบมองใบหน้าเชษฐาอย่างว้าวุ่นใจ

              เขาไม่คิดว่าจะได้เจอธอร์ที่นี่ เอาเข้าจริงเขานอนร้องไห้อยู่หลายคืนเพราะคิดว่าเชษฐาของเขาคงถูกเฮล่าฆ่าตายแล้วด้วยซ้ำ แม้จะมีความหวังอยู่บ้างลึกๆ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะได้พบเชษฐาตนที่นี่ อย่างน้อยก็ไม่ใช่เร็วๆนี้ ...แล้วดูสิ... ทั้งที่เขาเพิ่งตัดสินใจจะเริ่มชีวิตใหม่ อีกคนก็กลับโผล่มา...

              ธอร์หรี่ตามองคนทั้งคู่สลับไปมา เขาอาจยังไม่รู้จักแกรนด์มาสเตอร์ดี แต่กับอนุชาที่เติบโตมาด้วยกันแต่เล็กแต่น้อย ทำไมเขาจะอ่านท่าทางมีลับลมคมในของอีกคนไม่ออก

              ‘ข้าคอยตีสนิทกับแกรนด์มาสเตอร์…และเขาก็ชอบข้า’

              คำพูดของโลกิเมื่อครู่วิ่งวนกลับขึ้นมาในหัว

              แน่นอนล่ะว่าเทพแห่งสายฟ้ามีคำถาม... ว่าอนุชาตัวดีของเขาไปตีสนิทกับตาเฒ่าคางฟ้านี่อิท่าไหนตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงขนาดทำให้อีกคนมา ‘ชอบ’ ได้

              ธอร์หยุดความคิดในทางร้ายของตนไว้เมื่อแกรนด์มาสเตอร์เริ่มแนะนำเขาให้กับโลกิ

              “และนี่... เจ้าแห่งสายฟ้า”

              “...เทพเจ้าแห่งสายฟ้า...บอกเขา”

              ธอร์แก้คำพูดให้ใหม่อย่างฉุนๆ ภายใต้รอยยิ้มเหี้ยมและเพยิดหน้าให้โลกิอธิบายต่อ

              “ข้าไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเลยในชีวิต”

              โลกิตอบด้วยใบหน้าฉาบรอยยิ้มหวาน และนั่นแทบกระชากเอาความอดทนเฮือกสุดท้ายออกจากหัวธอร์

              “เขาเป็นน้องชายข้า!”

              “น้องบุญธรรมน่ะ…”

              กลับเป็นฝ่ายโลกิที่หุบยิ้มแทบไม่ทัน เมื่อถูกเชษฐาฉีกหน้ากากคำลวงของเขาซึ่งๆหน้า จนโลกินึกอยากจะจ้วงแทงเจ้าพี่บ้าสักทีสองที ให้หายโมโหด้วยความที่ไม่รู้จักยอมตามน้ำกับเขาเลย

              ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อแกรนด์มาสเตอร์เคยเชื่อใจว่าเขาจะไม่มีวันหนีไปไหน เพราะเขาไม่มีใคร ไม่มีครอบครัว แล้วจู่ๆเจ้า ‘พี่ชาย’ ตัวเป็นๆกลับโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ซะนี่

              “เขาเป็นนักสู้รึเปล่า?”

              แกรนด์มาสเตอร์ดูจะเบลอการโกหกต่อหน้าต่อตาของโลกิไปอย่างง่ายดาย และนั่นเป็นสัญญาณที่ดีในความคิดของเทพเจ้าแห่งคำลวง

              “เอาที่คอข้าออกสิ จะทำให้ดู”

              บุตรแห่งโอดินขู่ฟ่ออย่างเกรี้ยวกราดภายใต้รอยยิ้มที่ทำเอาโลกิเย็นสันหลังวาบ

              โลกิได้แต่ยืนนิ่งดูเชษฐาของตนถูกนำตัวไป เขารู้ว่าบนดาวนี่มีการแข่งชิงแชมเปี้ยน แม้จะยังไม่เคยไปดูด้วยตา แต่ก็พอได้ยินมาบ้างว่า ผู้เข้าแข่งขันอาจถูกสังหาร หรือต่อให้ไม่ตายในการต่อสู้ หากพ่ายแพ้ก็อาจถูกสั่งฆ่าเพื่อเพิ่มความสะใจให้ผู้ชมในสนามอยู่ดี

              โลกิกัดริมฝีปากตน...พยายามใช้ความคิด

              เขารู้แค่ว่าต้องหาวิธีช่วยธอร์ให้ได้ และต้องแข่งกับเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดนี่ด้วย

              ...โลกิรู้ดี...เขาไม่มีแม้แต่เสี้ยวเวลาจะดีใจที่ได้พบหน้าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ...

              “ถ้าจะตาย...ก็ไปตายให้มันไกลๆ ไม่ต้องมาตายให้เห็นต่อหน้าไม่ได้รึไงฟะ! เจ้าพี่บ้าเอ๊ย!”

              โลกิ ลอเฟย์ซันได้แต่กัดฟันพูดกับตัวเอง ดวงตาสีเขียววูบไหวจ้องมองทางเดินว่างเปล่าซึ่งเชษฐาของเขาเพิ่งถูกนำตัวไป


    ==TBC.==
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Pinto (@fb1860343973999)
อ่านซ้ำรอบที่เท่าไหร่แล้วน้าาาาา ชอบจัง
narscel (@narscel)
@fb1860343973999 แงงงง ขอบคุณน้า เขินจัง ทยอยแต่งทีละตอน มาอ่านรวบทีเดียวแบบนี้ มีภาษากระโดด ไม่สอดคล้องกันตรงไหนไหมคะ กระซิบได้นะ เรายังไม่มีเวลามาเกลาสำนวนแบบอ่านรวดเดียวอีกทีเลยค่ะ
echizen_rima (@echizen_rima)
อิพี่!!!! หมดๆแผนน้องเปลี่ยนทันทีที่พี่มา5555
narscel (@narscel)
@echizen_rima กิเขย่าคอหมี.. รู้ใช่ไหมว่ามีกิมีกิ๊ก ถึงโผล่หัวมาตอนเน้!!! *กิเกรี้ยวกราด* 5555 ขอบคุณนะคะที่อ่านและมาคุยกัน ดีใจๆ อิอิ
narscel (@narscel)
@narscel อ่านเม้นละอยากเปลี่ยนชื่อตอนเป็น Plan B เลย 55555
supattrapongtee (@supattrapongtee)
แผนพังเพราะพี่มา ฮ่า~ โถว น้องกิ

ความจริงโลกิอาจจะเหมาะกับอยู่ที่ซาร์คาจริง ๆ ก็ได้ ดูมีความสุขเชียวไม่เหมือนตอนอยู่โลกโน้น แต่หนูจะรีบลงหลักปักฐาน ขอตามตาลุงที่เพิ่งเจอกันแป๊บ ๆ ไม่ได้นะหนู ถึงเขาจะเปย์หนู ต้อยหนูอย่างดีก็เถอะ

ps. จะธอร์กิ หรือ แกรนด์กิ เราก็จะเหยียบเรือทั้งสองลำให้ลอยไปด้วยกันค่ะ ฮา
narscel (@narscel)
@supattrapongtee จริงๆนี่แต่งๆไปเริ่มสงสารป๋า ดูเหมือนถูกน้องล่อลวงมากๆ 55555 ไม่รู้แล้วว่าใครหลอกใคร อารมณ์แบบแข่งกันใครแพ้เปงเมีย
Nion Philin (@fb1910338935951)
มานั่งรอนอนรอทุกวันเลยค่ะ
ชอบมากเลยค่ะ เนื้อเรื่องลื่นไหลกลมกลืนมากค่ะ ภาษาสวยด้วย ❤️ กิน่ารักกก
narscel (@narscel)
@fb1910338935951 โอ๊ะๆๆ ('0 ',,) รีบวิ่งทั่กๆๆ มาตอบคนอ่านเลย แงงงงง ดีใจจังคะที่ชอบ เราแอบกลัวว่าไลน์สตอรี่หลักๆมันเกาะตามหนังไป คนอ่านจะเบื่อกันไหมนะ ไรแบบนี้น่ะน้า ถ้าชอบก็ดีใจมากๆเลยค่ะ น้องกิมีแต่คนชม 55555 แต่คนแต่งแอบทีมพี่ชรัยนิดนึง แต่ไม่สามารถกลบความน่ารักน้องได้จริงๆค่ะ น้องกิ(ในหนัง)น่ารักมากจริมๆ