Author’s Note : ไหลมาจนถึงตอนที่ 6 แล้ว มีใครพาเอาตัวเองไปติดบ่วงบ้างในตอนนี้ลองอ่านดูละกันค่ะ ชอบกันรึเปล่าน้า (. .,,) ถ้าทำให้ชาวเรืออ่านสนุกได้เราก็ดีใจนะคะ
Pairing : Thor x Loki
Rate : G เด็กอ่านได้ผู้ใหญ่อ่านดีไปค่ะ ณ จุดๆนี้
Warning : LGBT , Boy's Love , ฟิควาย , *Spoiler Alert* for Thor : Ragnarok
………………………………………………………………..
………………………………………………………………..
...แปลก...
เจ้าชายองค์รองแห่งแอสการ์ดบอกกับตัวเองเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ในช่วงหลายวันมานี้ หนังสือบนตักถูกเปิดค้างหน้าเดิมมาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่กลับไม่มีความคืบหน้าเท่าใดนัก เมื่อคนอ่านเผลอใจลอยมองออกไปทางหน้าต่างอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อไม่สามารถทนอยู่เฉย ปล่อยให้เรื่องเจ้าพี่บ้านั่นมากวนใจการอ่านหนังสือของเขาได้อีก โลกิก็ตัดสินใจปิดหนังสือลง และเดินตามหาเจ้าตัวต้นเหตุเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป
ในวันพิธีแต่งตั้งธอร์เป็นรัชทายาท นอกจากได้ยืนมองเชษฐาตนเข้าพิธีแล้ว เขาก็ไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายอีกเลย นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ราวกับอีกคนจงใจหลบหน้า ทำเอาเขาต้องมานั่งนึกอยู่เป็นนาน ว่ามันตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาไปทำให้เชษฐาตนไม่พอใจเข้า
...วันพิธี?... ไม่น่าใช่ เพราะนอกจากพูดคุยแสดงความยินดีสั้นๆแล้ว วันนั้นทั้งวันเขาก็แทบไม่ได้เจอตัวธอร์เลย แถมเจ้าตัวดูจะหลบตาและหลบหน้าเขาแปลกๆ...ถ้างั้นก็ต้องก่อนหน้านั้น...
จะว่าไป...ในวันเฉลิมฉลอง โลกิเองก็จดจำอะไรไม่ได้มากนัก เขาจำได้ว่าเขาเมามากตั้งแต่หัววัน แล้วก็เมาเละเทะถึงขั้นจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนกลับมาห้องตัวเองได้ยังไง
ปะติดปะต่อเอากับการทำตัวแปลกๆของเจ้าพี่ชาย ซึ่งหลายวันมานี้หายจ้อย ไม่เหลือให้เห็นแม้แต่เงา ทั้งที่ปกติจะคอยมาวอแวลากเขาไปทำนู่นนี่อยู่ตลอดแท้ๆ โลกิเลยค่อนข้างมั่นใจว่า เขาคงเผลอพล่ามหรือทำอะไรแปลกๆให้เชษฐาตนขุ่นเคืองใจในงานเลี้ยงวันนั้นเป็นแน่
…แค่นึกเขาก็เสียวสันหลังวาบแล้ว…
---ℑ---
ภาพของสนามซ้อมอันคุ้นตา ซึ่งเขาเคยมานั่งเบื่ออยู่หลายครั้ง วันนี้กลับดูเหงาๆลงไป เมื่อไม่มีแม้แต่เงาของเชษฐา กวาดตามองไปสายตาดันป๊ะเข้ากับคนที่ไม่อยากเจอซะได้
...เฮ้อ...เจ้านั่น...
โลกิถอนหายใจ ขณะเดินเข้าไปหาผู้ที่ยืนฝึกดาบอยู่ไม่ไกลนัก
“...วันนี้แอบมาฝึกอะไรของเจ้าคนเดียว เฟนดรัล แล้วคนอื่นๆล่ะ?”
โลกิเลือกที่จะถามกว้างๆ เพราะไม่ต้องการให้คู่ปรับเขาจับพิรุธได้ แล้วเก็บเอามาเป็นประเด็นแกล้งเขาในวันหลัง ตายังคงกวาดมองไปรอบๆสนามฝึก
เทพแห่งความสำราญปรายตามองเจ้าชายองค์รองแห่งแอสการ์ด แล้วเหยียดยิ้มอย่างรู้ทัน เขาลดดาบในมือลง และหันมาเผชิญหน้ากับอีกคน
“ข้าควรตอบคำถามไหนของท่านก่อนดีล่ะ? …อนุชาแห่งธอร์”
คนพูดจงใจยั่วอีกฝ่ายให้โมโหเล่นเสียอย่างนั้น ด้วยคำเรียกที่รู้ว่าอีกคนไม่สบอารมณ์กับมันนัก แล้วก็ได้ผลเสียด้วย
“ข้าควรแยกถามทีละคำถามเพื่อเห็นแก่ระดับสติปัญญาท่านสินะ? งั้นก็ข้ามคำถามตามมารยาทไปแล้วกัน... คนอื่นๆอยู่ไหน?”
โลกิเปิดฉากฉะกับอีกคนอย่างเสียไม่ได้ ด้วยความที่กัดกันมานานจนการพูดคุยแบบปกติดูจะเป็นไปไม่ได้เอาซะเลยระหว่างเขากับสหายของเชษฐาตนคนนี้
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่า ‘คนอื่น’ ที่ว่า ท่านถามถึง ‘คนไหน’ ”
“ธอร์! ท่านแม่ฟริกก้าให้ข้ามาถามหาเขา”
เจ้าชายองค์รองตอบด้วยน้ำเสียงเกือบกระชาก
“อ้อ...”
เฟนดรัลแกล้งลากเสียงยาว และเผยรอยยิ้มกวนบนใบหน้า
“ข้าแปลกใจนะ... ที่เห็นเงาใต้ชายผ้าคลุมของธอร์เช่นท่านมาถามหาเขาแบบนี้ ...บางทีไม่ลองถามตัวเองดูล่ะ ว่าทำอะไรลงไปในคืนวันเฉลิมฉลอง”
ดวงตาสีเขียวหรี่มองคนตรงหน้า เมื่อคำพูดของอีกฝ่ายเหมือนยืนยันความคิดของเขาก่อนหน้านี้
โลกิเดินเข้าหาอีกฝ่าย มือขาวซีดกำขยุ้มปกเสื้อของสหายเชษฐา แล้วดึงเข้าหาจนปลายจมูกคมเป็นสันของทั้งคู่แทบชนกัน แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พี่ข้าบอกอะไรเจ้า?”
“เปล่า...”
เห็นอีกคนเริ่มเดือดจริงจัง เฟนดรัลก็ยอมอ่อนลงให้
“…พวกทหาร...บอกว่าธอร์เป็นคนพาเจ้าไปส่งที่ห้องคืนนั้น... เขาไม่ได้บาดเจ็บด้วยน้ำมือเจ้า แต่...กลับจากคืนนั้น เขาก็ดู...ไม่รู้สิ...แปลกๆ”
โลกิผ่อนแรงมือจับปกเสื้ออีกคนจัดให้คืนรูป แล้วดันออกห่าง เมื่อได้ฟังคำตอบ
“ตอนนี้เขาอยู่ไหน?”
เทพแห่งความสำราญไม่ทันได้ตอบ โลกิก็สังเกตว่าสายตาของเฟนดรัลกำลังเพ่งมองข้ามไหล่ตนไปทางด้านหลัง และนั่นทำให้เขารีบหันกลับไปทันสบสายตาเย็นชาของเชษฐาซึ่งกำลังมองมาจากระเบียงทางเดินในตัวปราสาท ไม่ห่างออกไปนัก
และธอร์ซึ่งน่าจะเดินผ่านมาพอดี ก็กำลังหันหลังเตรียมเดินหนีกลับไปทางด้านในตัวปราสาทแล้ว
“ท่านพี่!!”
โลกิร้องเรียกแม้จะรู้ดีว่าอีกคนคงไม่หยุด เขาปล่อยมือจากเฟนดรัล แล้วรีบสาวเท้ายาวๆตามหลังเชษฐาของตนไปทันที
“ท่านพี่!! รอข้าก่อน!!”
กะว่าพ้นระยะสายตาของเฟนดรัล โลกิก็แทบจะวิ่งตามเจ้าของแผ่นหลังกว้างอันคุ้นเคยเบื้องหน้า ซึ่งดูไม่มีทีท่าจะยอมชะลอความเร็วลงเลย โลกิเห็นเชษฐาตนหยิบโยลเนียร์ออกมาก็รู้ว่าอีกฝ่ายเตรียมจะบินหนีเขาดื้อๆต่อหน้าต่อตาแบบนี้นี่แหละ เขาตกใจจึงรีบหาทางหยุดอีกฝ่าย
“พี่ข้า รอข้…โอ๊ย!!!”
เทพจอมเจ้าเล่ห์แกล้งร้อง และครั้งนี้เขาก็ทำให้บุตรคนโตแห่งโอดินชะงักเท้าหันกลับมามองตามเสียงจนได้
...สำเร็จ!!...
โลกิโห่ร้องในใจ แต่ยังเก็บสีหน้าไว้ให้ดูเหมือนเจ็บ
พอเห็นอนุชาตนทรุดนั่งแปะอยู่บนพื้นหินรัชทายาทแห่งแอสการ์ดก็จึ๊ปากอย่างหงุดหงิด
ธอร์เก็บโยลเนียร์ในมือแล้วเดินกลับมาทางโลกิ เขานั่งคุกเข่าลงเบื้องหน้าอีกฝ่าย แล้วก้มลงมองขาอนุชา
แม้จะเลี่ยงไม่ยอมสบตาและไม่พูดอะไรโลกิก็อดลอบยิ้มออกมาจางๆไม่ได้ เขาคว้าข้อมือเชษฐาตนหมับทันที เพื่อกันอีกฝ่ายชิ่งหนีเขาไปอีก ได้ตัวแล้วก็รีบชิงพูดก่อนเลย
“ข้าขอโทษ ท่านพี่ ข้าขอโทษ!!”
“…”
ผู้เป็นเชษฐาไม่ได้ตอบรับใดๆ เขาพยุงอีกคนลุกขึ้นยืนเงียบๆ หัวคิ้วยังคงมุ่นหากันแสดงความหงุดหงิด
“ข้าไม่แน่ใจว่าทำเรื่องใดให้ท่านพี่ขัดเคืองใจ แต่... ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
อนุชาน้อยตีหน้าหงอยใส่
“…เจ้าไม่แน่ใจ?”
ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองหน้าอีกฝ่าย และเลิกคิ้วนิดเป็นเชิงถาม
“…ข้าเมามาก ข้า...จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากลับถึงห้องตัวเองได้ยังไง และข้ากังวลว่า ข้าคงทำเรื่องโง่ๆให้ท่านพี่โกรธเคืองเป็นแน่”
โลกิสารภาพ
เขาอาจจะเชี่ยวชาญในการใช้วาจาโน้มน้าวให้ผู้อื่นเห็นคล้อยตามเขา หรือแม้กระทั่งให้อภัยเขาได้ง่ายๆ แต่ไม่ใช่ในเรื่องที่เขาจำอะไรไม่ได้เลยเช่นนี้ สภาพเขาในตอนนี้จึงมีเพียงทางเดียวคือ อาศัยความรักและเอ็นดูที่เชษฐามีให้เขาเสมอมาเป็นเครื่องต่อรอง
ธอร์เงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะระบายลมหายใจออกยาว ดูจะใจเย็นลงบ้าง
“เจ้า...พูดว่าข้าไม่คู่ควรเป็นรัชทายาทแห่งแอสการ์ด...”
ดวงตาสีฟ้าซึ่งจับอยู่บนใบหน้าอนุชาปราศจากแววโกรธขึ้ง แต่ถึงกระนั้นโลกิก็รู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว
...เจ้าเทพปากพล่อยเอ๊ย!!!...หายนะแล้วไหม!!...
แต่ไหนแต่ไร ทุกคนรู้ดีว่าเขาอิจฉาริษยาผู้เป็นเชษฐา และน้อยใจพระบิดาในเรื่องนี้เพียงใด หากแต่เขาก็วางตัวเป็นน้องชายที่ดีของธอร์มาตลอด
...จะเกิดอะไรขึ้นถ้าธอร์สิ้นความเอ็นดู และคิดกำจัดเขาทิ้ง โทษฐานคิดคดต่อกษัตริย์หลังได้ครองบัลลังก์แอสการ์ดแล้ว...
เทพแห่งคำลวงเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง แล้วรีบส่ายหน้ารัวๆ
“ไม่ว่าคืนนั้นข้าจะพูดหรือทำสิ่งใดลงไป ข้ามั่นใจว่ามันเป็นเพียงตลกร้ายอันโง่เขลาของข้า... ท่านพี่... เป็นเพียงความคึกคะนองชั่ววูบเพราะฤทธิ์สุราเท่านั้น ...ข้าสาบานก็ได้ว่า...”
มือใหญ่เช่นนักรบตะปบปิดปากอนุชาตนทันที และมืออีกข้างก็คว้าท้ายทอยอีกคนกดไว้เสียแน่นจนโลกิแทบเสียหลัก ธอร์มองอีกฝ่ายคล้ายมีคำพูด แต่ก็เปลี่ยนใจ เสมองไปทางอื่นแทน
“ไม่จำเป็นต้องเอ่ยสัตย์สาบานใดๆ โลกิ... คืนนั้นเจ้าบอกข้าแล้ว...”
เสียงของธอร์เบาลงก่อนยอมเอามือที่ปิดปากอีกคนอยู่ออก
“ข้าบอกแล้ว?”
“…ใช่...เจ้าบอกข้าแล้ว...ว่าทั้งหมดมันแค่เรื่องหยอกล้อสำหรับเจ้า...”
“แต่ท่านก็ยังโกรธและหลบหน้าข้า?”
เจ้าของดวงตาสีเขียวหรี่ตาลงมองเชษฐา โลกิรู้สึกเหมือนจิ๊กซอว์ตรงหน้ายังมีบางอย่างไม่ลงตัวในความคิดเขานัก
“...ข้าอาจไม่ใช่...พี่ชายที่ดี...”
บุตรองค์โตแห่งโอดินพยายามเรียบเรียงคำพูด แต่ก็ถูกอีกคนขัดขึ้นแทบจะทันที
“อย่าพูดเช่นนั้น พี่ข้า ท่านเป็นพี่ชายที่ดี เป็นพี่ชายที่ข้ารักและภูมิใจเสมอมา...”
ธอร์รับฟังอย่างเงียบๆ นิ่งอยู่พักหนึ่งค่อยพยักหน้ารับ
“…งั้นข้าขอให้สัญญา...โลกิ... ข้าจะเป็นพี่ชายที่ดีของเจ้า... จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังในตัวข้าอีก...”
โลกิยิ้มกว้างตอบรับ และรอยยิ้มนั้นก็จุดรอยยิ้มบนใบหน้าผู้เป็นเชษฐาเช่นกัน แม้รอยยิ้มของธอร์จะยังดูฝืดฝืนและเศร้าๆอยู่บ้าง
“...มีเรื่องนึง...”
รัชทายาทแห่งแอสการ์ดเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง หลังจากที่เงียบไปครู่ใหญ่
“...อย่าดื่มจนเมาอีก... ถือว่าข้าขอร้องเจ้า”
คนขอทำหน้ายุ่งยากใจจนโลกิอดขำออกมาไม่ได้
เทพแห่งสายฟ้ามุ่ยหน้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขำคำขอซึ่งเขาออกจะจริงจังกับมัน
“เฮ้!”
ธอร์คว้าต้นคออนุชาดึงรั้งให้เซเข้ามาใกล้เช่นทุกที เหมือนหมีขี้หงุดหงิดไม่มีผิด
ส่วนโลกิน่ะเหรอ เขากำลังนึกสภาพธอร์ถูลู่ถูกังลากเขากลับห้องพักในคืนนั้น และเจ้าตัวก็รู้สึกผิดและอายขึ้นมานิดๆ ใบหน้าเขาเลยขึ้นสีฝาดเรื่อขณะพยายามกลั้นขำและเงยขึ้นสบตาเชษฐา
“ได้...ท่านพี่...ข้ารับปากท่าน ”
---ℑ---
แก้วค็อกเทลสีฟ้าใสถูกยื่นมาตรงหน้า
โลกิมองแก้วนั้นก่อนเงยสบตาผู้ที่ยื่นมันมาให้
“ชิมดูสิ มันเป็นเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของซาคาร์เชียวนะ”
แกรนด์มาสเตอร์ส่งยิ้มหวานให้เขา โลกิจึงรับมันมา กะจะแค่ถือไว้เนียนๆ แต่เหมือนสายตาอีกคนดูเหมือนยังจับจ้องรอให้เขาลิ้มรสเครื่องดื่มนั้นอยู่
‘...มีเรื่องนึง...’
โลกิ ลอเฟย์ซันจรดริมฝีปากบางลงบนขอบแก้ว
‘อย่าดื่มจนเมาอีก... ถือว่าข้าขอร้องเจ้า’
...จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อคนที่เคยขอไว้ไม่อยู่ข้างกายเขาอีกแล้ว…
นับจากวันแรกที่เขาตกลงมาบนดาวดวงนี้... แต่ละวันที่เขาเฝ้ามองออกไปนอกหน้าต่าง เฝ้ารอข่าวคราวของอีกคน
...จากชั่วโมงก็กลายเป็นวัน ...จากวันก็ยาวนานจนเป็นสัปดาห์ จนนี่ก็ปาไปหลายสัปดาห์แล้ว...
ยิ่งนานวัน ความเชื่อที่ว่าเจ้าพี่บ้านั่นจะยังมีชีวิตอยู่และกำลังตามหาเขาก็อ่อนจางลงไปทุกที...
โลกิไม่ได้จิบชิมเครื่องดื่มนั้น เขายกแก้วในมือขึ้นดื่มรวดเดียวหมดเลยตะหาก เรียกรอยยิ้มจากคนข้างกายเขาในตอนนี้ได้ทันทีตามคาด
เครื่องดื่มสีสวยมีรสชาติกลมกล่อมดีทีเดียว หากแต่ทำให้ลำคอรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาจนโลกิต้องยกมือขึ้นทาบคอตนเองไว้ เขาเม้มปากก่อนฝืนยิ้มแหยๆให้แกรนด์มาสเตอร์
“อร่อยดี... ข้าชอบมัน... แต่ดูเหมือนมันจะค่อนข้างแรงไปนิดสำหรับข้า”
ริมฝีปากแต่งแต้มสีฟ้าคลี่ยิ้มกว้างขึ้น
“เจ้าจะชอบมันมากขึ้นเอง...”
คนพูดยิ้มกรุ้มกริ่มดวงตาที่มองทางอีกคนทอประกายวิบวับ ก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายไปยังห้องโล่งคล้ายโถงทางเดินทอดยาว โลกิเดินตามไปช้าๆ พอก้าวเข้าไปในห้องก็มีเสียงหญิงสาวดังขึ้นราวกับกล่าวต้อนรับเขา ภาพประกอบถูกฉายขึ้นบนผนังทั้งด้านข้างและด้านหลังราวกับเครื่องฉายหนัง
[อย่าได้กลัวที่ถูกพบ...
...ท่านถึงบ้านแล้ว และจะไม่ย้อนกลับไป
…ไม่มีใครไปจากที่นี่]
...บ้าน...
...คำพูดสุดท้ายของโอดิน...
โลกิคิดถึงคำนี้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก... เขาไม่รู้สึกถึงความหมายของคำๆนี้มานานมากแล้ว
[…เราคือศูนย์รวมของสิ่งที่สูญหายและไม่มีใครรัก...เช่นท่าน!]
เทพหนุ่มยกมุมปากหยักขึ้นคล้ายรอยยิ้มในขณะที่เสียงนั้นยังคงพูดต่อไป
[...แต่ที่นี่ในซาคาร์ ท่านเป็นคนสำคัญ และท่านเป็นคนมีค่า
…ที่นี่มีคนรัก และไม่มีใครรักท่านมากไปกว่า...แกรนด์มาสเตอร์…
ก่อนหน้านี้ท่านไม่มีค่า... ตอนนี้ท่านมีค่า...
...ท่านเป็นสมบัติของแกรนด์มาสเตอร์...]
รอจนเสียงกล่าวต้อนรับเงียบลงแล้ว ดวงตาสีเขียวค่อยเหลือบมองไปทางบุรุษสูงวัยกว่าซึ่งยืนอยู่ข้างๆเขา และยิ้มให้
“…ข้าไม่มีบ้าน และไม่มีครอบครัว บางทีที่นี่น่าจะเหมาะกับข้า...”
“แน่นอน โลกิ ถ้าเจ้าไม่มีที่ให้กลับไป ที่นี่จะเป็นบ้านอันอบอุ่นของเจ้า”
“…และข้า...เป็นสมบัติของท่าน?”
เทพจอมลวงเลิกคิ้วขึ้น สีหน้ากลับมีรอยยิ้มบางๆกึ่งท้าทาย
...รอยยิ้มซึ่งใครบางคนเคยบอกเขาว่ามันดูเหงาๆเศร้าๆในบางที...
ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของดาวดวงนี้ยิ้มกริ่ม
“…เมื่อเจ้าพร้อม... โลกิ ลอเฟย์ซัน...”
==TBC.==
แล้วแวะมาคุยกันอีกนะคะ (^u^,,)