เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Dependencyอายเด้น
ฉันเป็นมนุษย์ ดังนั้นฉันจึงมีหัวใจ
  • ฉันไม่รู้ว่าสิ่งนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร และมันเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่...
    ที่ใบหน้าฉันนั้นมีแต่รอยยิ้ม แต่ในแววตาของฉันนั้นมีแต่ความหม่นเศร้า
    ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นภายในจิตใจฉัน นั่นอาจเป็นเพราะวัยของฉันที่กำลังเติบโตขึ้น
    ความรับผิดชอบที่มากขึ้น ความเครียด และความกดดัน
    ในวัยเด็กนั้นฉันเคยสงสัยและไม่เคยเข้าใจเลย ว่าความรู้สึกเครียดนั้นเป็นอย่างไร และทำไมการที่เราโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นนั้นกลับมีแต่ความรับผิดชอบ ความเครียดและความกดดันที่โหมกระหน่ำใส่

    ฉันเคยสงสัยว่าทำไม? เมื่อเราโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เราควรจะได้รับอิสระภาพมากขึ้นไม่ใช่หรือ?
    เพราะการที่เราเป็นเด็กเรามักถูกจำกัดความอิสระด้วยคำว่าเด็ก แต่พอเราโตขึ้นจะมีคำ ๆ ไหนมาจำกัดอิสระภาพของเราได้อีก

    จนเมื่อฉันได้เข้ามาเผชิญกับสิ่งที่ฉันสงสัยในวัยเด็ก ฉันจึงได้เข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่ฉันเคยสงสัยในวัยเด็กนั้นเป็นอย่างไร ในวันนี้ฉันได้เรียนรู้ความรู้สึกที่ฉันเคยสงสัยต่าง ๆ จนหมดสิ้น และรับรู้จนลึกเข้าไปข้างในหัวใจของฉัน และมันอาจจะลึกจนเกินไป จนมันเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตัวฉัน

    ฉันอยู่กับสิ่งนั้นมานานแสนนาน ความรู้สึกจอมปลอมที่หล่อหลอมฉันขึ้นมาให้กลายเป็นตัวฉันอีกคน
    เป็นตัวฉันที่รู้สึกอึดอัด เป็นตัวตนของฉันที่ไม่มีความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยในการที่จะทำอะไร เป็นเพียงตุ๊กตาหุ่นเชิดที่มีตัวฉันเองเป็นคนคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง เป็นเพียงตุ๊กตาที่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ เป็นเพียงร่างกายที่ไร้ซึ่งความรู้สึกและจิตใจ เป็นตัวตนของฉันที่น่าแปลกใจ ว่าทำไมเราถึงสามารถทนฝืนความรู้สึกของตัวเองได้ขนาดนี้ หรือการเป็นผู้ใหญ่คือการต้องทนฝืนความรู้สึกตัวเองที่มากขึ้น มากขึ้น หรือฉันจะต้องอยู่กับสิ่ง ๆ นี้ไปตลอดทั้งชีวิต?

    นานแค่ไหนแล้วที่เวลาฉันจะทำอะไร ฉันมักจะได้ยินเสียงคำพูดของคนอื่นก่อนความรู้สึกของตัวเองเสมอ นานแค่ไหนที่สุดท้ายฉันต้องฝืนใจทำในสิ่งที่ฉันไม่ชอบ เพียงเพราะฉันไม่อยากได้ยินเสียงบ่นด่า วิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบข้าง
    แล้วมันนานแค่ไหนแล้วนะ ที่ท้ายที่สุดแล้วคนที่ตัดสินใจและทำทุกอย่างให้มันกลายเป็นแบบนี้คือตัวตนจอมปลอมของฉันเอง สุดท้ายแล้วคนที่บดทำลายความรู้สึกและจิตใจของฉันจนละเอียดไม่เหลือชิ้นดี
    คน ๆ นั้นก็คือตัวฉันนั่นเอง...

    ฉันเลยลองคิดดูอย่างมีเหตุและผล ว่าทำไมเพราะอะไรฉันถึงได้ตัดสินใจเมินเฉยต่อความรู้สึกตัวเอง
    และทำร้ายตัวเองด้วยการสร้างความรู้สึกจอมปลอมขึ้นมาหลอกลวงความรู้สึกลึก ๆ ตัวเองในใจและกัดกร่อนสภาพจิตใจตัวเองได้อย่างเลือดเย็นถึงเพียงนี้

    นั่นคงเป็นเพราะตัวฉันเองที่มีนิสัยในแบบของตัวเอง ฉันค่อนข้างเป็นคนที่พูดจาโผงผางไม่ค่อยเข้าหูใคร และชัดเจนต่อความต้องการของตัวเองเสมอ  แต่ฉันไม่เคยว่าร้ายใครและด่าให้ใครเสียใจ มันตรงกันข้ามกันกับสิ่งที่เขาเข้าใจ เพราะฉันมักจะพูดจาตรงไปตรงมา ถึงแม้ว่าความหวังดีของฉันจะถูกสื่อออกไป แต่ผู้ฟังเค้าคงไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งนั้น อาจเพราะเขากำลังโกรธในสิ่งที่ฉันพูดความจริงที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เขากระทำ ซึ่งนั่นอาจเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถยอมรับได้

    และนั่นเองคงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันเริ่มเรียนรู้ว่าฉันต้องเริ่มทำในสิ่งที่คนอื่นชอบ เริ่มศึกษาในสิ่งที่ฉันไม่ชอบ หัวเราะในเรื่องที่ฉันไม่ตลก ไปในที่ ๆ เขาอยากไปแต่ฉันไม่ ชอบในสิ่งที่เขาชอบแต่ฉันไม่ชอบ พูดในสิ่งที่เขาพูดแต่ฉันไม่อยากพูด และทำตามสิ่งที่สังคมทำถึงแม้ฉันไม่อยากจะทำ

    แท้จริงแล้วสิ่งที่ฉันทำลงไปนั้น มันคือความกลัว
    กลัวที่ต้องอยู่ลำพังเพียงคนเดียว กลัวไม่มีเพื่อน กลัวครอบครัวไม่รัก กลัวจะถูกคนอื่นต่อว่า กลัวจะไม่เป็นที่ชื่นชอบของใคร ๆ และกลัวที่ตัวตนของฉันจะถูกเกลียด

    ฉันได้เข้าใจแล้วว่าสิ่งที่ฉันต้องการแท้ที่จริงแล้วคือความกล้า
    กล้าที่จะเผชิญสิ่งเหล่านั้น ในทุก ๆ อย่าง
    หากฉันกลัวที่จะกลายเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนและต้องอยู่เพียงคนเดียว ฉันก็จะอยู่เพียงลำพัง
    หากฉันกลัวคำวิจารณ์ในการทำสิ่งที่ฉันรัก ฉันจะหยิบหูฟังมาฟังเพลงโปรดของฉันและยังคงทำในสิ่งที่ฉันรักนั้นต่อไป
    หากฉันกลัวเสียงและสายตารอบข้าง ที่คอยจับจ้องว่าฉันจะทำพลาดหรือไม่
    ฉันก็จะทำมันต่อไปถึงแม้ว่ามันจะผิดพลาดก็ตาม
    หากฉันกลัวความฝันอันงดงามของฉันว่าฉันจะทำไม่สำเร็จ ฉันจะออกไปตามล่าหาความฝัน
    ฉันจะยอมให้คนทั้งโลกเกลียดฉัน แต่ฉันจะไม่ยอมให้ฉันเกลียดตัวฉันเองอีกต่อไป


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in