เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
วันนี้ดูอะไรmylifesucker
call me daddy รักหนูมั๊ยมองเห็นอำนาจผู้หญิงแค่ไหน?
  • **เกริ่นก่อนว่าคือดีใจที่ได้กลับมาเล่ามาบ่นนะ เพราะด้วยปัญหาสุขภาพทั้งกายและจิตมันแปรปรวนไปหมด เลยทำให้หมดแรงที่จะพิมพ์และบรรยายความรู้สึกบางอย่างออกมาได้ยาวๆ ก็ได้แต่บ่นสั้นๆกระปอดกระแปดกับตัวเองหน้ากระจก มีหลายเรื่องและหลายประเด็นมากๆที่อยากพูดถึงเต็มไปหมด และดราฟทิ้งไว้ก็มี มีหนังและซีรีส์ รายการหลายเรื่องหลายอย่างที่ได้ดูแต่ก็ยังไม่ได้มาบ่นมาเล่า แต่วันนี้ได้เห็นบนทวิตมีแนะนำหนังเรื่องนี้และเห็นเข้าเนทฟลิกพอดี ก็ได้ฤกษ์มั้ง ฮ่าๆ**

    ก่อนอื่นเราต้องบอกเลยว่านักแสดงแสดงดีกันทุกคนเลย สมบทบาทที่ได้รับกันมา ไม่ว่าจะนางเอกหรือพระเอกทั้ง3คน บรรยากาศในหนังและแสงสีสวยอบอุ่นมาก สมกับที่ผู้กำกับตั้งใจไว้ เราคิดว่าเรื่องโปรดักชั่นส่วนนี้คือดีมาก เผลอๆดีกว่าหนังทุนสูงกว่าในไทยบางเรื่องซะอีกที่ตั้งใจทำมาให้มันอบอุ่นอะนะ 
    ออกตัวก่อนว่าเราไม่ได้มีปัญหากับแนวคิดpolygamyหรือการที่มีหลายผัวหลายเมียแบบconsentเลยนะ รวมทั้งยังสนับสนุนด้วยถ้ากลุ่มหรือคู่ไหนที่พร้อมจะมีความสัมพันธ์แบบนี้ มันคือchoiceของคุณอะ โดยส่วนตัวก็คิดว่าหนังเสี่ยงอยู่เหมือนกันที่จะเล่าออกมาในรูปแบบครอบครัวเมีย1ผัว3คน ด้วยศีลธรรมในประเทศเองที่คับแคบ ยากจะเปิดกว้างด้วยอำนาจของวัฒนธรรมและศาสนาเองที่มากำหนดว่าอะไรคือครรลองของคนในประเทศนี้  

    หนังก็เล่าออกมาอย่างเรียบง่ายว่าผู้ชายเพื่อนกัน3คนอยู่บ้านของตัวละครชื่อจอน ได้จ้างเด็กไซด์ไลน์มานอนด้วยซึ่งก็คือนางเอก ก็ไม่ได้มีการเล่าเจาะจงอะไรและนางเอกก็ท้องในหลายเดือนถัดมา ก็มาอยู่กับผู้ชาย3คนในบ้าน จนมีฉากจะพาไปทำแท้ง
    ทีเนี่ยสำหรับเราเองเรารู้สึกว่าเรื่องนี้มันสำคัญมากที่จะนำเสนอ เพราะอย่างแรกเลยเรื่องทำแท้งยังไม่ได้เปิดกว้างในแง่ของการเป็นตัวเลือกให้กับผู้ตั้งครรภ์ในไทย ผู้ตั้งครรภ์เองยังเลือกได้ยาก ขนาดที่ว่าวันนี้ณปัจจุบันยังมีกำหนดว่า12สัปดาห์ แต่ถ้าเกิน12สัปดาห์ยังต้องปรึกษาหรือได้รับอนุญาตจากผู้เชี่ยวชาญ และตัวรัฐเองก็ไม่ได้ให้คำแนะนำเชิงสาธารณะหรือมีการประกาศว่ามีสถานที่ใดบ้างที่สามารถรับบริการได้ แม้แต่ตัวหน่วยงานรัฐเองที่ให้บริการก็ยังไม่ส่งต่อผู้ประสงค์ทำแท้งไปยังสถานบริการตั้งหลายร้อยราย อันนี้คืออ่านจากข่าวบีบีซีอะนะ 

    คิดดูว่ามีกฏหมายออกมาชัดเจนแบบนี้แต่เหมือน ย้ำนะว่าเหมือน ยังมีการเลือกปฏิเสธรึเปล่าจากผู้ให้บริการในหน่วยงานของรัฐเองที่ควรบริการในเรื่องทำแท้งนี้ ถ้าเป็นแบบนี้คือมันไม่ได้แก้แค่กฎหมายแต่คงต้องแก้ที่mindsetและอคติที่สังคมโดยรวมมีต่อเรื่องทำแท้งด้วย 

    โอเคนอกเรื่องไปมาก คือเราเห็นฉากที่กิวพาพาพลอยไปคลินิคทำแท้งแล้วมีหมอที่ดูไม่ถูกสุขอนามัย มีคนไข้ก่อนหน้าที่ดูสภาพร่างกายอ่อนแอ สำหรับเรามันดูเป็นมุมมองที่เก่ามาก ลองนึกถึงหนังละครไทยหลายเรื่องๆเวลาที่เราดูสมัยนู้น เรามักจะเห็นสภาพคลินิคทำแท้งคล้ายๆกันว่ามันสกปรก มันไม่อนามัย เราก็ไม่เก็ทนะ ว่าทำไมตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันถึงยังมีแนวคิดว่าคลินิคทำแท้งเถื่อน=น่ากลัว อึมครึม สกปรกไรงี้  ขนาดในหนังที่ว่าดูอบอุ่นอย่างเรื่องนี้บรรยากาศในคลินิคยังดูแบบเสี่ยงตายแน่ๆ พลอยติดเชื้อตายแน่ๆ เราเลยมีคำถามว่าสรุปแล้วคลินิคเถื่อนที่ว่าในสมัยก่อนมันเป็นแบบนี้จริงๆ หรือว่าศีลธรรมจากสื่อทำให้เราคิดกันไปเองว่ามันน่ากลัว มันผิด มันสร้างความเสียหายแก่คนตั้งครรภ์ไม่ว่าจะทางร่างกายและจิตใจอะไรแบบนี้อะ เราสงสัยมาตลอดเลยนะ เพราะส่วนตัวก็ไม่ได้มีประสบการณ์จริงๆ แต่แค่เห็นจากคนอื่นว่าการทำแท้งจริงๆก็ไม่ได้น่ากลัวแบบนั้น แบบในสื่อหรือในหนัง 

    โอเคแต่เราต้องวกกลับมาเพราะนางเอกในเรื่องไม่consentในการทำแท้งถูกมั๊ย พลอยต้องการที่จะเก็บเด็กไว้ พอมันเข้าพาร์ทนี้ ตัวบรรยากาศหนังเองมันทำให้เรานึกถึงเรื่องอุ้มรักอะ ที่ว่านางเอกพระเอกไม่ได้ตั้งใจแต่พลาดที่มีเซ็กส์กัน แล้วนางเอกท้องเลยต้องทำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน และตกหลุมรักกันเพราะความผูกพันและเพราะ"ลูก" ดูคลีเช่เน๊าะ ^^" อุ้มรักก็หลายปีละนะ 

    ซึ่งเราไม่ชอบอุ้มรัก 555+ซ็อตฟีลบ่? คือต้องอธิบายก่อนว่าเข้าใจบริบทสังคมในเมื่อหลายปีที่แล้วไง ว่ามันเก่าและก็ยังไม่ได้มีการมองแบบก้าวหน้าในเรื่องของตัวเลือกผู้หญิงที่ควรได้รับแต่แรก แต่เรามีแนวคิดว่าแต่มันไม่ควรเป็นข้ออ้างสำหรับบทหนังบทประพันธ์อะ คือคนเขียนคนแต่งสามารถนำความคิดที่ก้าวหน้าและพัฒนามาก่อนสังคมที่จะเป็นได้ อย่างอุ้มรักที่เมื่อก่อนคนดูโคตรจะฟินเลย แต่ก็คงมีคำถามว่าถ้านางเอกได้ทำแท้งและสามารถใช้ชีวิตต่อได้ โดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิดและไม่ได้ถูกกึ่งสังคมบังคับว่าการทำแท้งคือสิ่งที่ผิด นางเอกอาจจะไปมีชีวิตที่ดีขึ้น ได้ทำอะไรอย่างที่อยากทำก็ได้ 

    แต่ก็ต้องวกกลับอีกรอบว่าตัวหนังรักหนูมั๊ยก็ไม่ได้อธิบายชัดเจนว่าพลอยเองไม่อยากทำแท้งเพราะอะไร เพราะรู้สึกผิดบาปต่อศีลธรรมหรือเพราะอยากเก็บเด็กไว้จริงๆ ซึ่งอันนั้นก็คงหาคำตอบไม่ได้แหละ เราจะเห็นสิ่งนึงในหนังที่ชัดเจนมากคือตัวพลอยเองก็ไม่ได้มีทางเลือกอะไรเลย ถ้าพลอยเองอยากจะเก็บเด็กไว้ แต่พลอยไม่มีเงินที่จะซัพพอร์ตชีวิตตัวเองและลูก ตรงนี้เราสามารถมองเห็นในแง่ปัญหาเชิงโครงสร้างได้ชัดเลยว่าถ้ารัฐเองมีรัฐสวัสดิการให้ผู้ตั้งครรภ์+กับต้องการเลี้ยงลูกคนเดียว ซึ่งถ้ารัฐมีให้ ตัวพลอยเองอาจจะไม่ต้องมาพึ่งพาผู้ชาย3คนนี้เลยก็ได้ เพราะในหนังก็ไม่มั่นใจว่าผู้กำกับตั้งใจหรือเพราะลืมพลอยจริงๆ 555+ บทของพลอยค่อนข้างจางมากๆ แต่ด้วยความที่นักแสดงแสดงดีและมีเสน่ห์สุดๆเลยดึงบทพลอยเองให้เด่นขึ้นมาได้มากอยู่

    แต่ด้วยความที่มันเป็นหนังโรแมนติคคอมเมดี้ถูกมั๊ย โทนการเล่าเรื่องก็เลยออกมาแบบค่อนข้างเบาและตัวหนังก็โฟกัสที่ชีวิตของตัวละครผู้ชายมากกว่าที่จะนำเสนอตัวละครพลอย กิวงี้ก็เจ้าชู้พาหญิงมานอนที่บ้าน ออฟก็มีเมียอยู่แล้ว ส่วนจอนก็เป็นผู้ชายใจดีอยู่ ให้เราพูดตรงๆเลยว่าเราโรแมนติคไม่ลงจริงๆ เพราะแอบสงสารผู้หญิงแฟนออฟและพลอยที่ช่วงนะหว่างนั้นต้องเห็นออฟมาผู้หญิงมานอน คือต่อให้พลอยยังไม่ได้รักออฟก็คงรู้สึกอึดอัด ฟีลรูมเมทพาผัวมานอนที่ห้องอะเออนึกออกช้ะ มันดูหดหู่อยู่นะ สาวเหนือแฟนของออฟก็ไม่รู้ว่าระหว่างนั้นแฟนตัวเองนอกใจนอนกับสาวบริการ แล้วออฟก็ไปรักกับพลอยแบบเห้ยได้เหรอ 

    ด้วยความนางเอกไม่มีตัวเลือกมาก พลอยเองก็ต้องรอความสงสารจากผู้ชาย3คน ซึ่งส่วนมากก็เป็นจอนที่คอยช่วยเหลือ แต่ก็ช่วยได้ไม่มากเพราะจอนเองก็ยังเรียน จอนก็ขายของเก่า ขายสัตว์เลี้ยงเพื่อเอาเงินมาให้พลอยดูแลตัวเองระหว่างท้องจนคลอด มันน่าแปลกใจมากที่หนังก็ยังวนเวียนโฟกัสที่ชีวิตของผู้ชายที่ไม่ได้น่าสนใจเลย 5555+ ในหัวมีแต่คำถามว่าพลอยล่ะ พลอยเป็นใคร  อายุเท่าไหร่ เรียนที่ไหนระหว่างวันที่พลอยอยู่บ้านนั้นเป็นไง เจออะไรบ้าง ทำอะไรระหว่างนั้น 

    พอพลอยคลอดตรวจดีเอนเอ สรุปกิวเป็นbiological fatherนะ แล้วกิวก็สติหลุดไปเลยว่าผลตรวจผิด เดินเพ้อจนรถซิว ดีนะที่ไม่ตายแหม๋ ไม่รู้กิวเจ็บปวดอะไรนัก ช็อคเหลือเกิน ทั้งๆที่พลอยเองก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากกิวเลย แค่อยากรู้ว่าใครเป็นพ่อ ส่วนมากคนที่ให้ความช่วยเหลือก็มักเป็นจอนอยู่แล้วนี่ อินไง 555+ แบบคือดูแล้วก็ไม่เข้าใจนิดหน่อย เพราะว่าพอกิวโดนรถซิวแล้วก็ขาเจ็บเข้าเฝือกไปพักใหญ่ จนทำให้ตอนเจ็บป่วยที่ขยับร่างไม่ได้นั้น อยู่ดีๆกิวก็สำนึกและคนดีที่รักลูกขึ้นมาซะงั้น มันอัศจรรย์มากอะ ผู้ชายอ่าแกร ตอนแรกไม่มีจิตสำนึกอะไรเลยนะ เดินโวยวายเพ้อๆจะตรวจดีเอนเอใหม่อย่างเดียว 99.99% แม่งตรวจผิดแน่ๆ ขาด0.01ไง ด่าพลอยกะหรี่งี้ เออนั้นแหละ พอป่วยก็ทำให้คิดได้ รักลูกขึ้นมา 

    กิวชงนมให้ลูกแล้วใช้น้ำเย็นชง ลูกขี้แตกท้องเสียจ้า พากันไปโรงพยาบาล แล้วก็มีช็อตฟีลหมอออกมาถามได้จังหวะมาก ไผคือพ่อเด็กงี้ บักจอนก็เฮิร์ทเดินไปกลางถนนฟีลแบบกิวอะ แต่โชคดีไม่โดนชนเพราะคิวรถเป๊ะ แล้วกลับมาบ้าน2คนเพราะออฟก็เฮิร์ทเหมือนกัน มานั่งร้องไห้ซดเหล้ากันย้อมใจว่ารักพลอย มากๆ พลอยไม่รัก มึงรับได้มั๊ยที่มีเมียคนเดียวกัน ฮืออๆ ร้องไห้กันระงม ตอนดูคือเกาหัวแกร่กๆ คือถ้าใส่สถานการณ์นี้มาในช่วงเวลาอื่นหรือหลังจากที่ลูกป่วยจะไม่อะไรเลยนะ แต่นี่คือมาเฮิร์ทอะไรตอนที่ลูกป่วย ไม่รู้นะว่าเขาตั้งใจเขียนแบบนี้รึเปล่า แต่เรารู้สึกว่าตรรกะง่ายๆคือมึงรักพลอย มึงรักลูกเหมือนลูกตัวเองแท้ๆ คือควรกังวลเรื่องลูกเรื่องพลอยมากกว่ามานั่งร้องไห้แล้วถามกันเองว่ามึงรับได้ปะวะมีเมียคนเดียวกัน ฮือๆๆ คือมันดูเป็นมุมมองของผู้ชายที่มองอะไรหมุนรอบตัวเองอะ นึกออกปะ 

    ทีเนี่ยก็ยังดีที่ตัวละครออฟจะให้พลอยเลือก พอมาถึงตอนเลือกพลอยบอกพลอยไม่เลือก พลอยจะอยู่แบบนี้ ใครจะอยู่ก็อยู่ไรงี้ แต่สิ่งที่ออกจากปากออฟดันทำเรากุมขมับอีกรอบคือบอกว่าไม่มีใครเชื่อหรอกว่าพลอยเป็นเมียพวกพี่ เขาก็จะว่าพลอยเป็นกะหรี่ คือเราช็อตฟีลแทนมากๆนะ เอาจริงๆถ้าคุณรักพลอยจริงๆ คุณควรเคารพที่พลอยตัดสินใจแล้ว1 อีกอย่างที่2คุณไม่ควรพูดแบบนั้นต่อให้คุณคิดแบบนั้นรึเปล่าก็ตาม เพราะคุณรักเขาหนิ คุณก็รักเพื่อนคุณถ้ามันconsentแล้วพร้อมจะอยู่กัน4คน มันก็ควรโอเคละปะ ไม่รู้นะ สำหรับเรา เราว่าฉากนี้ไม่จำเป็นต้องใส่คำว่ากะหรี่มาก็ได้อะ เพราะตอนที่กิวด่าพลอยแบบนี้ตอนได้ผลตรวจก็หนักพอแล้วนะ มันเหมือนยิ่งตอกย้ำความคิดอะไรของสังคมซักอย่างอะที่ไม่ใช่ในแง่ดี 

    แต่เราก็ชอบที่หนังจะแสดงถึงความเป็นplatonic relationshipเข้ามานะ เรารู้สึกว่าเออมันดูน่ารักอยู่ ส่วนตัวเราดูจบแล้วเราอยากให้คนเขียนบทใส่อำนาจของผู้หญิงลงไปมากกว่านี้ เราดูแล้วเรากำลังรู้สึกว่ามันดันเป็นสิ่งที่ผู้ชายกำลังตัดสินกันมากกว่า ทุกอย่างเหมือนหมุนรอบตัวละครชาย3คน ไม่ใช่พลอยที่ควรเป็นศูนย์กลางของเรื่องแบบจริงๆอะ เพราะถ้าใส่ประเด็นสังคมปิตาแล้วเรื่องนี้จะดูพีคขึ้นมากๆ มันต้องมีอะไรที่น่าพูดถึงมากกว่านี้แน่ๆ +ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจที่ต้องใช้เงินเพื่อดูแลเด็ก และความสัมพันธ์แบบpolygamy
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in