วันนี้ได้ระลึกถึงหนังเรื่องนึงที่เคยดูเมื่อนานมาแล้ว เรื่องeat drink man woman ชื่อไทยอะไรไม่รู้ เป็นหนังไต้หวันยุค90 หนังของอั่งลี เรื่องย่อก็คือเป็นหนังครอบครัว single dad ที่ดูแลลูกสาว3ใบเถา ดูเป็นคุณพ่อที่ใส่ใจการกินลูกมาก เพราะอาจจะด้วยตัวเองเป็นเชฟโรงแรมดัง เรื่องราวก็ดำเนินเนิบๆนะ ดูตอนแรกอาจจะง่วงๆหน่อย มีพี่น้อง3คน คนโตเป็นครู คนกลางทำงานบริษัทสายการบิน น้องสาวสุดท้องเรียนมหาลัยทำงานพาร์ทไทม์ ก็ไม่มีอะไรมาก เหมือนครอบครัวเอเชียปกติที่กินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา กินกันแบบสไตล์คนจีน แต่เป็นอาหารเหลาแบบหรูๆแต่กินกันในบ้าน อันนี้คือเรื่องย่อ ถ้าพิมพ์เพิ่มมากกว่านี้ก็คงได้สปอยกันแต่เริ่มเลย
ลองไปดูซีนทำอาหารของคุณพ่อได้ น่ากินมาก สมเป็นเชฟชื่อดังจริงๆ
ต่อจากนี้จะเป็นการเริ่มสปอยเนื้อหาแล้วนะจ๊ะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ไกลพอแล้วมะ มาเริ่มกัน 555+
หนังเริ่มมาด้วยฉากทำอาหารอันเทพๆของคุณพ่อ ที่ทำอาหารด้วยความชำนาญอย่างคล่องแคล่ว ฉากนี้ชอบมากๆ เป็นการทำอาหารจีนแบบจริงๆ เพราะอาหารจีนนั้นไม่ใช่อาหารที่เน้นแต่ไฟแรงอย่างเดียว และมีหลากหลายกรรมวิธีที่ใช้ใน 1 เมนู อย่างเมนูหมูตุ๋น ก็เริ่มจากการเอาหมูไปตุ๋นก่อนแล้วเอาหมูไปทอดเพื่อให้หนังนั้นเด้งแบบหยุ่นๆในปาก หั่นและเอาไปเรียงในชามแล้วนึ่ง พอนึ่งเสร็จก็เอาน้ำซุปในชามที่มาจากการระอุของไอน้ำมาใส่กระทะ เปิดไฟอ่อนๆแล้วอาจจะใส่แป้งมันนิดหน่อยให้น้ำข้นหนืด เอาหมูใส่จานและราดด้วยน้ำ เป็นอันเสร็จ ขนาดเขียนและนึกถึงว่ามันทำยังไงยังเหนื่อยเลย กรรมวิธีเยอะมาก และใช้เวลาสุดๆ นี่ยังเห็นในซีนคุณลุงแกเป่าปากห่านแล้วก็เอาน้ำร้อนมาราดเพื่อให้หนังห่านมันพองออกมาจากเนื้อด้วย ขั้นเทพจริงๆ
ช่วงทำอาหารคุณพ่อก็รับโทรศัพท์แล้วก็ตัดไปที่พี่สาวคนโตที่กำลังนั่งฟังเพลง พี่สาวเป็นคุณครูสอนวิชาเคมี เหมือนจะสอนในโรงเรียนชายล้วนมั้ง และก็ตัดมาคนกลางเป็นสาวออฟฟิศทันสมัย ทำงานคล่องแคล่ว ใช้คอมพิวเตอร์เก่งๆ ทำงานให้บริษัทการบิน ถัดมาน้องสาวคนสุดท้องก็ทำร้านฟาสฟู้ด กำลังคุยกับเพื่อนเรื่องแฟนเพื่อน
ในช่วงเย็นๆทั้ง3คนก็รีบตรงกลับมาบ้านเพื่อมากินข้าวที่พ่อทำไว้ตั้งแต่กลางวัน ภาพฉายไปที่ข้างบ้านร้องคาราโอเกะกันในครอบครัว แต่ตัดภาพมาที่ครอบครัวตัวละครหลักก็คือเรียบง่าย(แต่อาหารบนโต๊ะไม่เรียบง่ายเลย555+) แบบความเฉยชา ลูกสาวคนเล็กก็เริ่มใส่เนื้อลงไปในหม้อไฟ จัดแจงอาหารที่จะกำลังกินกัน พ่อมานั่ง ลูกสาวคนกลางชิมอาหารแล้วแสดงออกด้วยสีหน้า พ่อก็ถามว่าอะไรไม่อร่อยเหรอ ลูกสาวก็ตอบไปในเชิงว่าพ่อลิ้นไม่ดีแล้ว พ่อก็ไม่พอใจ ตบโต๊ะแล้วเดินออกไป
ซีนเริ่มต้นมาก็แสดงถึงความไม่ค่อยลงรอยระหว่างลูกสาวคนกลางกับพ่อแล้ว ก็ไม่แปลกใจ เพราะลูกสาวคนกลางบอกว่าได้ซื้อคอนโดไว้แล้วด้วยเงินเก็บของเธอทั้งหมด เธอบอกว่าเธออยากจะออกจากบ้านหลังนี้ อยากออกไปใช้ชีวิตเองซักที
หนังก็ดำเนินเรื่องไปอย่างเนิบๆ เนิบจริงๆ ดูตอนแรกก็ยังคิดว่า อืมนี่มันก็ครอบครัวปกตินี่น่า หนังตัดไปที่เรื่องราวของลูกสาวคนเล็กที่ไปคุยเจ๊าะแจ๊ะกับแฟนเพื่อน ซึ่งเพื่อนกับแฟนก็ระหองระแหงกันอยู่แล้ว เพราะเพื่อนเองก็ดูอยากจะสลัดแฟนทิ้ง แต่ผู้ชายก็มาตื้อรอเพื่อนหน้าทำวานทุกวัน ลูกสาวคนเล็กก็เลยช่วยซะเลย 55555+
ทั้ง2คนก็ทำความรู้จักกัน พากันไปบ้าน สุดท้ายก็ตกลงเป็นแฟนกัน ส่วนเพื่อนนั้นก็มาร้องไห้ทีหลัง หลังจากที่ผู้ชายไม่ติดต่อกลับมาเลย จากนั้นทั้งคู่คบกันและตัดสินใจจะย้ายไปอยู่ด้วยกัน ลูกสาวคนเล็กเลยบอกพ่อและพี่สาวกลางโต๊ะอาหารมื้อเย็นในวันหนึ่ง

มาเริ่มสตอรี่ฝั่งพี่สาวคนโต อย่างที่เล่าไปตอนต้นพี่สาวคนโตเป็นครูสอนเคมี วันนึงในมีครูพละที่กำลังสอนวอลเลย์บอล ได้โยนบอลเข้ามาในห้องที่เธอสอน เธอโยนบอลลงไปคืนก็โดนนักเรียนแซวไปเรื่อยเปื่อย ระหว่างนั้นนักเรียนในห้องกำลังส่งจดหมายรักของใครไม่รู้อะ เธอกลับมาเห็นนักเรียนไม่เรียบร้อยจึงได้ดุและยึดจดหมาย (ถ้าลำดับเวลาผิดก็ขออภัยนะเพราะจำสับสนช่วงนี้นิดหน่อย) ในช่วงสตอรี่ของพี่สาวคนโตเวลาไปสอนก็ได้รับจดหมายรักวางไว้บนโต๊ะของเธอในห้องพักครูในทุกๆวันหลังจากที่เธอได้เจอกับครูพละคนนั้น เรื่องราวก็เริ่มน่าสนใจ
พี่สาวคนโตก็เริ่มสงสัยว่าเอ๊ะใครกันนะส่งจดหมายมา ใช่ครูพละคนนั้นหรือเปล่า จนเรื่องแตกว่าจริงๆคือเด็กนักเรียนในห้องเรียนแกล้งครู ส่งจดหมายรักมาให้ เพียงเพราะครูยึดจดหมายรักของตัวเองไป แต่สุดท้ายพี่สาวคนโตก็จูบกับครูพละในโรงเรียนต่อหน้านักเรียน แบบอย่างพีค 555+
ตัดกลับมาที่มื้อเย็นในบ้าน ทุกคนพร้อมหน้ายกเว้นน้องสาวคนเล็กที่แยกตัวออกไปอยู่อีกบ้านแล้วพี่สาวคนโตก็กระอักกระอ่วน สารภาพกับทุกคนว่าตัวเองมีแฟนแล้วและอยากออกไปใช้ชีวิตด้วยกัน ถึงตอนนี้ในตอนแรกที่ดูหนังเราเริ่มเข้าใจไปแล้วว่าหนังกำลังนำเสนอว่าคุณพ่อกำลังจะโดดเดี่ยวหรือเปล่า ลูกสาวทั้ง3คนกำลังจะแยกตัวออกไป บ้านกำลังจะเงียบเหงา มันน่าเศร้านะที่พอเดาว่าเนื้อเรื่องต่อไปจะเป็นแบบนี้ แล้วพี่สาวก็ซ้อนท้ายมอไซต์ครูพละออกจากบ้านไปแบบน้ำตานองหน้า มีพ่อกับน้องสาวคนกลางคอยยืนบอกลาอยู่หน้าบ้าน
ก่อนที่จะเล่าเรื่องลูกสาวคนกลางเราจะแนะนำอีกตัวละครคือ เพื่อนของลูกสาวคนโต คือคนเสื้อชมพูขวามือเรา

เธอคือแม่หม้ายที่เพิ่งหย่าร้างจากสามี ส่วนฝั่งซ้ายคือแม่ของเธอ คุณป้าฝั่งซ้ายมือเหมือนจะชอบคุณลุงเชฟอยู่ และคิดว่าคุณลุงเชฟชอบตัวเองด้วย ตอนแรกพวกเขาอยู่ที่เมืองนอกแล้วเพิ่งย้ายกลับมาเพราะทะเลาะกับสามีเก่าและหย่าขาดกัน เธอมีลูกสาว1คน คุณลุงเชฟมักจะให้อาหารให้เธอเอากลับบ้านไปกิน รวมทั้งบางวันคุณลุงเชฟพ่อของ3สาวก็ยังเอาอาหารกล่องไปให้ลูกสาวเธอด้วยเพื่อนๆตาลุกวาวมีลุงเอาอาหารเหลามาเสริฟถึงโรงเรียน 55555+

ส่วนคุณลุงนั้นก็มากินอาหารกล่องของเด็กแทน เนื้ออย่างเหนียว ดูจากสภาพไม่น่าอร่อยเท่าไหร่ ตอนดูยังคิดว่าเด็กจะกินยังไงวะนั้น ดูเหนียวขนาดนั้น 5555+
มาเข้าเส้นเรื่องหลักต่อ
วันนึงลูกสาวคนกลางไปเห็นพ่อที่โรงพยาบาล จึงตกใจและคิดว่าพ่อกำลังป่วยแน่ๆ โทนเรื่องยิ่งเศร้าไปอีก เพราะว่าพี่สาวกับน้องสาวแยกออกไปอยู่แล้ว แล้วพ่อจะอยู่ยังไง พ่อจะดูแลตัวเองยังไง จะเหงามั๊ย จนถึงว่ามีงานที่อัมสเตอร์ดัมให้ลูกสาวคนกลางไป แต่เธอก็ยังปฏิเสธเพราะเป็นห่วงพ่อ เก็บงำไว้คนเดียวไม่ยอมบอกพี่สาวกับน้องสาวว่าพ่อป่วย
ในเวลาต่อมาที่บ้านหลังนี้ก็ได้จัดมื้อเย็นและนัดแนะเพื่อที่จะมากินข้าวเย็นกันพร้อมหน้าพร้อมตารวมถึงลูกสาวแต่ละคนก็พาแฟนมาด้วย เย็นวันนั้นก็ยังมีครอบครัวเพื่อนลูกสาวคนโตมาด้วย รวมถึงแม่และลูกสาว คุณลุงเชฟเอาอาหารเสริฟบนโต๊ะและกินดื่มฉลองกัน

ซักพักคุณลุงเชฟก็ดูตื่นเต้นเหงื่อออกจนคอเสื้อเปียก กินเหล้าแบบรวดเร็วและบอกว่ามีเรื่องจะบอกกับทุกคน คุณลุงบอกว่าจะขายบ้านหลังนี้เพราะบ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่แล้ว ต่างแยกย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ส่วนตัวลุงเองก็กำลังย้ายไปบ้านใหม่ที่กำลังจะตกแต่งเสร็จ คุณป้าฝั่งซ้ายมือก็พูดแทรกมาว่าต้องดีมากแน่เลยบ้านใหม่ ครอบครัวใหม่ ภรรยาใหม่ จากซีนนี้คุณป้าคงคิดว่าคุณลุงจะมาประกาศว่าจะย้ายบ้านไปแต่งงานใหม่คือคุณป้าแกนั้นแหละ แต่.....
หนังทั้งเรื่องมันมาพลิกล็อคตรงนี้แหละ คุณลุงประกาศว่าจะแต่งงานใหม่กับคนเสื้อชมพูที่นั่งฝั่งขวา ซึ่งเป็นเพื่อนรักลูกสาวคนโตและเป็นลูกสาวของคุณป้าฝั่งซ้าย ทั้งโต๊ะได้แต่เงียบและบรรยากาศอึดอัด ลูกสาวคนโตก็บอกว่าพ่อเมาแล้วพูดจาเรื่อยเปื่อย ส่วนคุณป้าช็อคหมดสติและเป็นลม ทุกคนรีบพาคุณป้าไปโรงพยาบาล หนังแพนมาที่ลูกสาวคนกลางที่เกาะเสาร้องไห้ เพราะเรื่องทุกอย่างมันพลิกล็อคสำหรับเธอ ไหนจะเรื่องพ่อป่วย เธอก็เข้าใจผิดไปเองจริงๆพ่อไปตรวจสุขภาพว่ายังแข็งแรงเพื่อเอาผลตรวจมาให้คุณป้าสบายใจว่ายังแข็งแรงที่จะดูแลลูกสาวเธอได้ เรื่องความรักของเธอก็ไม่ประสบความสำเร็จ ไหนจะบอกปฏิเสธงานที่ก้าวหน้าไปเพราะคิดจะอยู่เป็นเพื่อนพ่อ สุดท้ายคือเธอต่างหากที่ถูกทิ้งจากทุกคนและอยู่คนเดียว ทุกอย่างผิดคาดหมดสำหรับลูกคนกลาง สำหรับคนที่ดูครั้งแรกก็เหมือนกัน
แต่ถ้าดูรอบ2ก็จะเก็บรายละเอียดได้ว่าคุณลุงคุยโทรศัพท์กับใคร ทำไมออกกำลังกายฟิตร่างกายทุกเช้า ทำไมเอ็นดูลูกสาวของภรรยาใหม่ ทำอาหารห่อข้าวไปให้ทุกวัน หรือมีบางฉากที่ค่อนข้างเอิ่ม แบบตอนลูกสาวคนกลางกอดกับเพื่อนตัวเอง หนังก็โคสหน้าคุณลุงอย่างจงใจ คือถ้าดูอีกรอบมันก็เป็นหนังที่ยังน่าดูอยู่ดี แต่แค่คนละมู๊ดกับตอนดูครั้งแรก
เอาจริงๆตอนแรกที่เรารู้ว่าคุณลุงกับเพื่อนลูกสาวคบกันก็ย่นคอแบบมีมบริทนีย์
แต่ก็คิดไปคิดมาอีกที เพื่อนลูกสาวก็โตแล้ว เธอคงสามารถตัดสินใจได้เองแหละว่าเธอจะเลือกอะไรหรือกำลังเลือกอะไร เป็นความสัมพันธ์แบบ age gapที่ค่อนข้างห่างมากๆ
ถ้าคนที่ดูหนังส่วนมากอาจจะคิดว่าคุณลุงหรือเปล่าที่จะโดนทิ้งให้อยู่อย่างเดียวดาย หนังเล่นกับคนดูได้แบบ ไม่รู้ว่าเป็นแค่เราปะนะ แต่เรารู้สึกหนังเล่นหลอกคนดู หนังดำเนินไปอย่างช้าๆเหมือนหนังชีวิตที่ไม่มีอะไร
หนังนำเสนอด้านครอบครัวแบบเอเชี๊ยเอเชีย คือกินข้าวตอนเย็นที่พร้อมหน้าและพูดคุยเรื่องราวในแต่ละวัน และอาจจะเป็นเรื่องสำคัญที่อาจจะเปลี่ยนสถานะในครอบครัวไปได้เลยก็มี ส่วนมากในหลายๆครอบครัวจะมาเจอหน้าและพูดคุยอย่างจริงจังก็บนโต๊ะอาหารมื้อเย็นนี่แหละ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in