เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
วันนี้ดูอะไรmylifesucker
ดูไลฟ์พูดคุยบอลยอดหนังพาไป Ep10 บนYT รัฐนี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง
  • ก็ไม่มีอะไรมาก ก็เป็นไลฟที่เขาไว้คุยกับแฟนคลับเขา แจกของ แจกมะม่วงแผ่น ?? 5555 (ว่าบาปนะ มะม่วงแผ่นที่ยอดถือคือดูน่ากินมาก >_<) เราเพิ่งรู้ว่าไลฟ์หนังพาไปที่คุยกับแฟนคลับมีเอฟเฟคไฟแบบอลังการ ตื่นเต้นสุดๆ 555555555+ 

    โอเค ประเด็นที่อยากจะเขียนคือ เราไปสะดุดตรงที่เขาเล่าว่ามีรุ่นน้องเขาได้ทุนรัฐบาลแล้วไม่กล้าที่จะวิจารณ์รัฐบาล สิ่งที่บอลยอดเขาพูดถูกแหละเรื่องที่ประชาชนควรที่จะวิจารณ์รัฐบาลและเงินภาษีที่เราจ่ายไปได้อย่างเสรีและควรจะเป็น เพราะนั้นคือเงินที่ประชาชนจ่าย รัฐไม่ใช่เจ้าของเงิน เป็นเพียงหน่วยงานที่จัดสรรเงินทุน แต่เราอยากจะพูดเพิ่มเติมที่ทำไมคนไทยบางส่วนหรือส่วนมาก ไม่รู้แหละ จะมากหรือจะน้อยแต่มีหลายคนที่ได้รับทุนจากรัฐบาลไปแล้วมักจะไม่กล้าวิจารณ์รัฐแบบตรงๆ และอาจจะมีความรู้สึกผิดไปในเชิงบุญคุณที่รัฐนั้นมีต่อตนเอง 

    เราไม่รู้นะว่าคิดถูกหรือเปล่า แต่เราว่าส่วนนึงมันมาจากการปลูกฝังในโรงเรียน อันนี้จากประสบการณ์เรานะ คือโรงเรียนมักจะตอกย้ำนักเรียนว่าชาติ ( หรือที่พวกรัฐบาลมักนำมาใช้แทนตนเองแบบเนียนๆ ) นั้นมีบุญคุณกับคนไทย มีบรรพบุรุษบลาๆ สร้างชาติให้เรา ได้มีเอกราช บลาๆๆ โรงเรียนไทยมักไม่ได้ถูกหลอหลอมให้นักเรียนตั้งคำถาม มักให้เชื่อในสิ่งที่ครูในโรงเรียนสอน โรงเรียนไม่เคยสอนจริงจังว่าเงินที่ได้บริหารประเทศได้เงินมาจากไหน ชาติไทยจริงๆมาจากไหน ชาติคือใครเป็นแค่บุคคลหรือแค่กลุ่มคนหนึ่งหรือใคร

    แล้วบุญคุณเนี่ยมันไปทุกบริบทในสังคมไทยเลยนะ ในสังคมครอบครัวพ่อแม่ตายายบรรพบุรุษ, ครูในโรงเรียน หรือแม้กระทั้งหมอพยาบาลในโรงพยาบาล 555+ อันนี้เรื่องจริงนะ ไม่ได้เต้า คือพูดแล้วก็ยาว แต่เราเข้าใจว่าสายวิทย์สุขภาพรุ่นใหม่ๆ ไม่ค่อยมีแบบนี้แล้ว แต่เมื่อก่อนเรามักเจอหมอพยาบาลที่มักทวงบุญคุณเวลาเจอคนไข้ที่ไม่ถูกใจตนเอง เช่น คนไข้เบาหวาน คนไข้ติดเหล้า ที่ใช้30บาท ประมาณนี้ (ย้ำว่าอันนี้เจอกับตัวในโรงพยาบาลรัฐในจังหวัดหนึ่ง) คนไข้โดนด่าด้วยเรื่องบุญคุณว่ารัฐออกค่าใช้จ่ายให้เพียงเพราะเลิกเหล้าไม่ได้ น้ำตาลในเลือดสูง เนี่ยทำไมอะ มันน่าโมโหนะ ที่เจ้าหน้าที่รัฐที่รับเงินเดือนภาษีมาปากเก่งกับชาวบ้านตาสีตาสาที่ไม่ทันพวกเขาอะ แล้วสิ่งพวกนี้ถูกปลูกฝังหลอหลอมมานานมากๆ นานก่อนที่เราจะเกิดอีก มันทำให้คนเชื่อในเรื่องพวกนี้จนเกิดการกดทับในสังคม มันสร้างปัญหามากนะ

    ซึ่งเราว่าคนรุ่นใหม่หรือจะเก่าแต่คุณพร้อมที่จะรับไอเดียใหม่ๆก็ควรจะวิจารณ์สิ่งที่เป็นองค์กรหรือกลุ่มหน่วยงานในรัฐได้ มันไม่ได้แค่คนนอกหน่วยงานเท่านั้น แม้กระทั้งคนในหน่วยงานเอง เช่น คนในสายวิชาชีพวิทย์สุขภาพอะ ก็ยังควรวิจารณ์หน่วยงานของตัวเองเลย ไม่ใช่หลับหูหลับตาหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงสิ่งที่ผิดพลาดหรือสิ่งที่ควรแก้ไข เช่นเรื่องหมอทำงานหนักอยู่เวรทับซ้อน หรือเงินตกเบิก เนี่ยของพวกนี้ตัวองค์กรไม่ควรนำคำว่าบุญคุณมากดเรื่องพวกนี้ไว้ พวกหมอพยาบาลหรือสายอาชีพพวกนี้เขาก็ทำงานหนัก เขาต้องกินต้องใช้อะ 

    พอพูดถึงเรื่องวิจารณ์เราก็นึกถึงอีกเรื่องที่แตกประเด็นออกไปอีกคือ อย่างบางองค์กรหรือหน่วยงานถูกวิจารณ์ คนในองค์กรก็มักจะ take it personalอะ เช่น ระบบโรง'บาลไม่ดีเลยบลาๆๆ หรือที่นี่ไม่โอเคเลย ก็มักจะมีคนออกมาพูดและ ออกตัวแทนองค์กร รับแทนองค์กร ทั้งๆที่บางองค์กรก็ยังกดขี่พนักงานเจ้าหน้าที่ในองค์กรเลย เรารู้สึกว่าการวิจารณ์หรือการเรียกร้องบางอย่างมันยากในไทยเพราะบุคคลมักเอาตัวเองไปเป็นตัวแทนองค์กรนั้นๆ จนแบบ overprotectiveอะ ทั้งๆที่องค์กรก็ไม่ได้เห็นหัวพนักงาน ไม่ได้เห็นใจเจ้าหน้าที่ พวกตำแหน่งสูงๆที่ตัดสินใจเรื่องนโยบายก็สบายไปเลย เพราะตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่เคยได้รับสวัสดิการดีๆ ยังออกมาปกป้องไปอีก เราบอกเลยว่าเรื่องนี้ประเด็นนี้ใช้ได้เกือบทุกสถานการณ์ทุกอาชีพในไทย เราต้องกล้าที่จะลุกกันมาวิจารณ์กันนะ เราต้องเปลี่ยน mindset วิจารณ์ = อยากให้สิ่งนั้นดีขึ้น  
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in