เรื่องพุทธประวัติสำหรับเราไม่ได้มีประเด็นอะไร ปล่อยให้เป็นเรื่องของวิชาการ ไม่ได้มีข้อสงสัยอะไรเป็นพิเศษและค่อนข้างชื่นชมหมอกฤษที่เล่าได้มีรายละเอียดเยอะมาก และคมกฤษก็เล่าฝั่งวิชาการและพูดถึงอคติทางด้านศาสนาที่ควรปรับตัวได้เข้าใจและค่อนข้างเห็นด้วยมาก 

เรากำลังมีความเห็นว่าการที่คนไทยบางกลุ่มอาจจะกำลังขวนขวายหาพุทธแท้และเริ่มมีการเบลมหรือล้อเลียนพุทธผีพุทธเทพว่านั้นคือไม่ใช่พุทธ เราไม่เห็นด้วยเพราะเราก็มีการตั้งคำถามว่าแล้วพุทธผีเขาผิดยังไง เพราะสุดท้ายพุทธเองที่ไทยรับมาและสถาบันนำมาเผยแพร่มันก็มีหลายนิกาย หลายรูปแบบ หรือพุทธที่ถูกผสมและแยกมาจากศาสนาอื่นๆก็เยอะแยะ ส่วนนี้เราว่ามันมาจากช่วงสมัยนึงที่เรารู้แค่ว่าที่เรากำลังนับถือเนี่ยคือพุทธ ไม่ว่าจะพุทธผีหรือพุทธพรามหณ์หรือพุทธอื่นๆ พอเริ่มมีการขยายข้อมูลที่มากขึ้นและมีการกระจายสารมากขึ้น บางคนจึงเริ่มที่จะพยายามหาพุทธแท้

เราชอบที่แพร์รี่เล่ามากนะ เขาเปรียบเทียบภาพให้เห็นชัดเจนว่าในตัวองค์ศาสนาเองปัญหาเองก็มาจากหลายด้าน ไม่ว่าจะด้านความเชื่อที่หลากหลายที่พระเองก็จำกัดตัวเอง เป็นการตั้งคำถามและถกถึงปัญหาที่มีประโยชน์ ซึ่งตอนที่แพร์รี่บอกว่าศาสนามันมีข้อบกพร่องและตัวศาสนาเองก็ยังไม่เท่าเทียม แล้วหมอบีแย้งมา เราไม่เห็นด้วยกับการที่มาอธิบายว่ากฎที่ว่ามันมีเพื่ออะไร โอเคเราเข้าใจว่ากฎมันเกิดมาตั้ง2500ปีที่แล้ว แต่ทำไมเรายังถึงต้องรับฟังว่ากฎที่มันมีขึ้นมามันมีเหตุผลเหล่านี้รองรับอยู่ ทั้งๆที่เหตุผลที่อธิบายมามันล้าหลัง แบ่งแยก กีดกัน เหยียดเพศและลดทอนสิทธิมนุษยชนด้วยซ้ำ คิดดูนะแล้วลูกกอล์ฟกับแพร์รี่คือcome outแล้วอะว่าเป็นเควียร์ถูกมะ เป็นเรานั่งฟังคงหน้าชาแล้วถามว่าแล้วยังไงต่อเหรอ กฎที่ว่าตั้งขึ้นมาเพื่อกันไม่ให้ถูกบูลลี่แล้วยังไงต่อ สุดท้ายการเล่าต้นกำเนิดกฎมันก็ไม่ได้นำไปสู่สิ่งที่น่าเข้าใจอะไรได้เลย เพราะมันเป็นความคิดที่ล้าหลังไงและควรถูกชี้ด้วยว่ามันไม่ถูกต้อง มันบกพร่อง 

สำหรับเราทัศนคติที่ถ้ามันกดคนอื่น ต่อให้พูดปกติไม่มีคำหยาบ มันก็ไม่ควรมีและเกิดขึ้น เพราะมันไม่ได้ประโยชน์กับใครเลยนอกจากผู้ที่กดขี่ นึกออกมะ คือเราไม่คิดว่าความเห็นต่างแบบนี้จะต้องรับฟังหรือแบบยอมรับว่า อ้อ นี่คือความเห็นต่าง ความเห็นประมาณนั้นมันก็เหมือนเราต้องยอมรับความเห็นเผด็จการ เพราะโลกเราต้องมีหลายๆมุมเหรอ ทั้งๆที่เผด็จการมันกดขี่คนทำร้ายคน