เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องเล่าจากเพื่อนๆNoi Beleza
ตามหา..Passion

  • หนูอยากค้นหาตัวเองให้เจอค่ะ

    คำถาม :
    หนูจบ ป.ตรี สาขาเศรษฐศาสตร์
    ปัจุบันหนูทำงานอยู่ในบ.เอกชน มา 5 ปี
    หนูได้ศึกษา ป.โท ด้วยค่ะ ใกล้จบแล้ว

    หนูเป็นคนชอบเรียน ศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ
    หนูชอบแสวงหาอะไรใหม่ๆ ชอบไปเที่ยว
    โดยเฉพาะต่างประเทศ ชอบดูผู้คน วิถีชีวิต

    แต่หนูกลับไม่รู้เลยว่า..
    ตัวตนของเรา ความสุขของเราจริงๆคืออะไร

    ขณะนี้งานที่ทำเป็นงาน routine
    ไม่มีอะไรแปลกใหม่ หรือพัฒนาทักษะอะไร
    หนูอยากค้นพบตัวเองว่าเราชอบอะไรกันแน่

    คำตอบ :

    ประเด็นที่ 1.
    จะตามหาพาสชั่น (passion) พบได้อย่างไร

    คนสมัยใหม่พากันตามหาพาสชั่น
    Follow your passion
    ถ้าตามหาเจอแล้วก็โอเค
    ทำสิ่งที่คุณชอบ ทำไปเถอะ

    สำหรับคนที่ยังหาพาสชั่นของตัวเองไม่เจอ..
    พาสชั่นคือความรู้สึกอิ่มเอิบ
    เมื่อได้ทำในสิ่งที่ตนเองรักชอบหรือเสน่หา
    ดังนั้นพาสชั่นนี้เป็น feeling
    มันไม่ใช่ความคิด
    มันไม่ใช่งานอาชีพหรืองานอดิเรก
    แต่มันเป็นพลังงานซู่ซ่าฟู่ฟ่าที่เกิดจาก
    แรงความสนใจของคุณต่ออะไรที่อยู่ตรงหน้า

    การตามหาพาสชั่นจึงไม่มีทางหาพบ
    หากไปหาในความคิด
    แต่ต้องหาเอาจากกิจกรรมที่ก่อความรู้สึก
    อิ่มเอิบเบิกบานเมื่อได้ทำ

    หมายความว่าเราจะหาพาสชั่นเจอ
    ก็ต้องมีกิจกรรมทำ ที่เริ่มหาทำได้ง่ายที่สุด
    ก็คือกิจกรรมที่ขยายออกไปจากงานประจำ
    ในชีวิตประจำวันนั่นแหละ

    เราไม่ต้องไปวิ่งตามหาพาสชั่นที่ไหนไกล
    ใช้เวลาและความสนใจพุ่งไปที่การทดลอง
    แก้ปัญหาใดๆใกล้ๆในงานหรือในชีวิตส่วนตัว
    ในแบบหรือในแง่มุมที่คุณชอบทำ

    มองหาปัญหาที่คุณจะช่วยแก้ไขได้ โน่น นี่ นั่น
    โดยไม่หวังอะไรตอบแทน
    คนก็จะมาชื่นชม คุณเกิดความรู้สึกดีๆขึ้น
    นั่นแหละ พาสชั่นมันอยู่ตรงนั้น
    เมื่อความพยายามหรือพลังงานของคุณ
    ช่วยใครบางคนที่กำลังต้องการมันได้
    .
    .

    ประเด็นที่ 2.
    การใช้ชีวิตไม่ใช่การวิ่งตามหาพาสชั่น
    แต่คือการที่พาสชั่นวิ่งตามคุณมา

    สมัยผมเป็นเด็กนักเรียน ผมเลี้ยงไก่เก็บไข่ขาย
    ผมจึงเป็นคนชอบไก่เจี๊ยบๆ
    ผมมาเรียนม.เกษตร ต่อมาน้องสาวป่วย
    ผมพักการเรียน พาน้องสาวกลับไปดูแลที่บ้าน

    พอน้องหายแล้วผมก็ลืมเรื่องเลี้ยงไก่ไปเลย
    ผมอยากเป็นหมอ เพราะพลังงานที่เกิดขึ้นในใจ
    เมื่อผมได้ดูแลน้องสาว พาสชั่นผมเปลี่ยนไป

    เห็นไหม พาสชั่นมันเป็นของที่เปลี่ยนได้
    เพราะมันเป็นแค่ feeling

    พอผมเรียนจบแพทย์
    ผมชอบความกว้างขวางผสานเชื่อมโยงกัน
    ไปทุกทิศทุกทางของวิชาแพทย์
    จึงตั้งใจจะไปเป็นหมออยู่บ้านนอก
    รักษามันหมดทุกโรค หรือหมออายุรกรรม

    แต่ขณะเป็นแพทย์ฝึกหัดอยู่
    ได้พบกับหมอฝรั่งที่มาทำงานที่รพ.ที่ฝึกงาน
    เกิดความประทับใจในลีลาวิธีคิดวิธีตัดสินใจ
    ของหมอฝรั่ง จึงอยากไปทำงานเมืองนอกบ้าง

    พาสชั่นของผมเปลี่ยนไปอีกละ
    ถ้าจะไปเมืองนอก ต้องทำสาขาที่ไม่มีใครทำ
    นั่นคือต้องทำสาขาศัลยกรรมทรวงอก

    เมื่อได้ไปทำงานเมืองนอกสมใจแล้ว
    การฝึกผ่าตัดหัวใจมันต้องฝึกทักษะ
    การใช้มืออย่างมาก เพราะผมเป็นคนมือสั่น
    เนื่องจากในใจมันมีความคิดฟุ้งซ่านแยะ
    ทุกเย็นผมต้องเอาอุปกรณ์เย็บไหม
    ฝึกเย็บหลอดเลือดหัวใจหมู ที่ใส่ตู้เย็นไว้ที่บ้าน
    ทำอย่างนี้ทุกวัน น่าเบื่อก็ต้องทน

    ถ้าทักษะไม่ดี ก็จะทำงานผ่าตัดหัวใจไม่สำเร็จ
    แต่การทำอย่างนี้..ก็ทำให้ผมต้องจดจ่อ
    เวลาฝึกเย็บแล้วเกิดความรู้สึกซู่ซ่ามีพลังขึ้นมา

    ผมมีพาสชั่นใหม่อีกละ คือการผ่าตัด
    ซึ่งเป็นพาสชั่นที่เกิดขึ้นหลังจาก
    ที่ผมมีทักษะจนทำสิ่งนั้นได้ดีแล้ว
    แสดงว่าพาสชั่นนี้..ส่วนหนึ่งเกิดจาก
    การฝึกฝนทักษะจนทำเรื่องที่ทำอยู่ได้ดี

    พาสชั่นของเราไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น
    และดำรงอยู่ล่วงหน้าเรียบร้อย
    แล้วรอให้เราไปค้นพบ ไม่ใช่เลย

    ในชีวิตจริงพาสชั่นของจริงเกิดขึ้น..
    เราทำอะไรที่เราทำอยู่อย่างจริงจัง จนทำได้ดี
    .
    .
    ประเด็นที่ 3.
    พาสชั่นควรสมยอมกับการทำมาหากิน
    ไม่ใช่ต่อต้าน

    พาสชั่นกับความสามารถเป็นคนละเรื่องกัน
    ถ้าเป็นงานอดิเรก ให้พาสชั่นนำทางคุณได้

    ในการจะทำมาหากินเลี้ยงชีพ
    คุณต้องใช้ชีวิตไปตามโอกาสที่ผ่านเข้ามา
    ไม่ใช่จะเอาแต่ไปตามพาสชั่นของคุณท่าเดียว

    เมื่อถามเด็กนักเรียนว่า
    อะไรเป็นพาสชั่นของพวกเขา
    ส่วนใหญ่เป็นเรื่อง ร้อง รำ เต้น ศิลปะ วาดรูป
    กีฬา ดนตรี ทำหนัง เล่นละคร
    แต่ในตลาดแรงงานมีงานอาชีพเหล่านี้น้อยมาก

    คนส่วนใหญ่ไปหางานในฝัน แต่ไม่มีงานให้ทำ
    ส่วนงานที่นายจ้างประกาศหา กลับไม่มีคนทำ
    อ้างว่ามันไม่ใช่พาสชั่นของตัวเอง

    ผมแนะนำว่าให้เริ่มเสาะหาพาสชั่นของคุณ
    ผ่านงานง่ายๆที่มีแต่คนอยากจ้าง
    แต่ไม่มีใครยอมทำ
    มันไม่สำคัญที่คุณจะเริ่มทำอะไร
    แต่มันสำคัญที่ทำแล้วคุณจะไปต่ออย่างไร
    .
    .
    ประเด็นที่ 4.
    ถ้าคุณยืนยันจะไปวิ่งตามหาพาสชั่น

    1. อย่ามองหาความคิด
    แต่ให้มองหาพลังงาน
    มองหาความรู้สึกซู่ซ่าฟู่ฟ่า ถูกจริต ถูกใจ
    อะไรที่ทำแล้วเกิดไฟชาร์ตขึ้นในตัวคุณ
    มัน energize คุณ นั่นแหละ ใช่เลย

    2. อย่าเอาพาสชั่นไปปะปนกับ
    สัญชาติญาณ (instinct)
    สัญชาติญาณเป็นธรรมชาติของร่างกาย
    อยู่ใต้อิทธิพลของฮอร์โมนและสารเคมี
    เช่นความหิว เป็นต้น
    อย่าไปวิ่งตามสัญชาติญาณ
    ด้วยความเข้าใจผิดว่ากำลังวิ่งตามพาสชั่น

    3. อย่าไปรับแรงกดดันจากคนอื่น
    ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ญาติมิตร เพื่อนฝูง
    ซึ่งต่างก็มีพาสชั่นที่ดีในเวอร์ชั่นของเขาเอง
    แต่มันไม่ใช่พาสชั่นของคุณ

    ให้คุณปลีกวิเวกหลีกเร้นผู้คนสัก 3 วัน 7 วัน
    ถามตัวเองว่าอะไรที่คุณทำแล้วคุณน่าจะสนุก
    ภายหน้าคุณจะไม่มานั่งตำหนิตัวเอง
    ด้วยการทำสิ่งนี้ คุณลงมือทำเลย

    ถ้ามีหลายอย่างก็ลองลงมือทำไปทีละอย่าง
    ยังทำได้ไม่ดีก็สร้างทักษะขึ้นมาจนทำได้ดี
    มันสนุกไหม ถ้าสนุกก็ทำต่อ
    ถ้าไม่สนุกก็ไปลองอันถัดไป

    4. การจะหยิบฉวยสิ่งที่ก่อพาสชั่น
    อย่าไปรอตรวจสอบหรือปรึกษาสมอง
    เมื่อเกิดความคิดจะทำอะไร
    ที่กระตุ้นพลังงานความตื่นตัวของคุณได้
    รีบลงมือทำเลย

    ใช้หลักการจุดบั้งไฟสมัยที่ผมเป็นเด็ก
    คือเมื่อจะจุดบั้งไฟ ไม่ต้องคิดมาก
    รีบจ่อไฟเข้ากับสายชนวนแล้ว
    เอามืออุดหูกระโดดหลบหมอบแนบกับคันนา
    แล้วนับเสียงดัง หนึ่ง สอง สาม เฟี้ยว..ว

    อย่าทิ้งเวลาให้สมองผู้ขี้ขลาดของคุณ
    ได้ทันคิดไตร่ตรอง เพราะถ้าให้เวลาสมอง
    ของคุณไตร่ตรอง คุณไม่มีวันได้ทำ
    เพราะสมองของเราคือความคิดวินิจฉัย
    มันมีธรรมชาติขี้ขลาดกับอะไรที่มันไม่เคยทำ

    แต่พาสชั่นเป็นพลังงาน
    มันซิงค์หรือเชื่อมโยงกับปัญญาญาณ
    ซึ่งรู้ว่าคุณควรทำอะไรใหม่ที่คุณไม่เคยทำ
    สมัยนี้การจะทำอะไรทำอย่างไรไม่ยากแล้ว
    เพราะแค่กูเกิ้ลหา..คุณก็รู้แล้ว
    แต่มันยากที่การชิงลงมือทำก่อน
    ที่สมองอันขี้ขลาดของคุณจะเข้ามาเทคโอเวอร์

    5. มองย้อนไปดูกิจกรรมในอดีตของตัวเอง
    มีกิจกรรมอะไรบ้างที่คุณยอมเสียเงินไปทำ
    โดยไม่ได้เงินตอบแทนเลย
    หรือมีกิจกรรมอะไรบ้างที่ว่างจากภาคบังคับ
    แล้วคุณเป็นต้องแว้บไปทำ
    หรืออะไรที่คุณทำแล้วเพลินลืมวันลืมเวลา
    หรือมองย้อนไปถึงวัยเด็กโน่นว่า
    อะไรบ้างที่คุณทำแล้วมันสนุก
    นั่นแหละจุดเริ่มต้น นี่เป็นสูตรของฝรั่ง

    6. จะเอาสูตรของหมอสันต์ก็ได้นะ
    สิ่งที่ควรค่าแก่การเสาะแสวงหามากที่สุด
    ในชีวิตนี้มีอยู่อย่างเดียวคือ
    การกลับไปเป็น "ความรู้ตัว"

    ชีวิตประกอบด้วย
    (1) ร่างกาย (2) ความคิด (3) ความรู้ตัว
    ทั้งหมดสามส่วนอยู่ในตัวคุณนี่แหละ
    คุณแสวงหาในนี้พอ ไม่ต้องไปเสาะหาอะไร

    ค้นหาให้รู้ว่าทั้งสามส่วนของชีวิตนี้
    มันมีกลไกการทำงานอย่างไร
    มันก่อความสุขความทุกข์ให้คุณได้อย่างไร
    ทำอย่างไรคุณจึงจะอยู่กับมัน
    และใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างเต็มศักยภาพ
    และมีความสุขด้วย

    คุณต้องแยกให้ออกว่าความคิดก็เป็นส่วนหนึ่ง
    ร่างกายก็เป็นส่วนหนึ่ง
    ความรู้ตัวก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง

    คุณจะต้องเรียนรู้ที่จะถอยความสนใจ
    ออกจากความคิด
    มาจอดนิ่งอยู่ในความรู้ตัว
    เฝ้าสังเกตยอมรับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัว
    ตามที่มันเป็นโดยไม่พิพากษา
    หรือใส่สีตีไข่ใส่อารมณ์
    หรือคาดหวังว่ามันควรเป็นอย่างไร

    คุณก็จะได้สัมผัสกับความสงบเย็น
    ของความรู้ตัว นั่นแหละ พาสชั่นของแท้

    Cr : นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

    https://www.facebook.com/onceapassion/

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Noi Beleza (@fb2093822714042)
พี่อ่านบทความของคุณหมอสันต์ ท่านตอบได้ครบถ้วนจริงๆ จึงนำมาแบ่งปันกันค่ะ และบทสรุปที่การตื่นรู้ แยกกาย และความคิด เป็นอะไรที่น่าศึกษา ค้นหาต่อไปค่ะ
fern's hae (@fernhae)
ขอบคุณสำหรับบทความค่ะ คิดว่านี่เป็นอะไรที่บรรยายคำว่า passion ได้ดีและเข้าใจที่สุดเลย