วีซ่าIcelandตัวยุ่งกับนายVFS
พยายามเข้าไปจองคิวในเว็บ แต่ดันไม่มีslotให้เข้าไปทำที่ศูนย์ลอนดอน แบบว่า-ไม่มีเลย- ก็ไม่รู้ว่าศูนย์นี้ยังเปิดใช้งานอยู่รึเปล่า ทำให้เราต้องกระเสือกกระสนไปถึงศูนย์แมนเชสเตอร์ แล้วใจก็ดันไปเลือกSlotเช้า9โมงเอาไว้
...พึ่งรู้ว่าจากลอนดอนไปแมนเชสเตอร์ต้องใช้เวลาถึง3ชม.
จะทำไงได้ นอกจากต้องไปค้างซักคืนแถวนั้น
จึงก่อเกิดเป็นทริป Liverpool-Manchesterด้วยประการฉะนี้
ทีนี้แมนเชสเตอร์เป็นเมืองที่โรงแรมแพงมาก เลยตัดสินใจมาค้างที่Liverpoolแทน EasyHotelคืนละ£35 ตั๋วรถไฟถูกกว่า£10
ปรากฏว่าเป็นเมืองที่มีดีกว่าที่คาด
เดิมทีหลายคนอาจจะนึกว่าLiverpool-Manchesterจะมีอะไรดีนอกจากการไปดูบอล ความจริงแล้วเป็น -เมืองที่ไม่ได้มีแค่ฟุตบอล- นาจา //ขอโควทคำพูดของBloggerท่องเที่ยวหลายคน
Liverpoolเป็นเมืองท่าปากอ่าวที่เป็นต้นกำเนิดของวงดนตรีชื่อดังหลายวง เช่น The Beatles คุณจะสามารถหาบาร์ที่มีดนตรีสด/Live jazzให้ฟังได้ทุกหย่อมหญ้า เป็นเมืองที่มีโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในUK และเป็นเมืองที่มีนกนางนวลบินว่อนทั่วทั้งเมือง
Period
เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มีบรรยากาศดีเมืองหนึ่ง
เราเริ่มต้นเดินทางจาก Euston station ในLondon สถานีติดกับKing's cross จองตั๋วในแอปTrainlineและกดใช้ส่วนลดrailcard 18-25 ได้ลด30% แต่เมื่อขึ้นรถไฟกลับพบว่ารถไฟไม่มีปลั๊กชาร์ต! มันจะมีแค่บางที่ที่เป็นที่นั่ง4คนเท่านั้น ฉะนั้นถ้าใครอยากใช้ปลั๊กก็แนะนำในกดเลือกpreferenceในแอปtrainlineไปด้วยว่าจะเอาปลั๊กชาร์ต ฟรี
พอไปถึงก็ต้องตกตะลึงกับSt.George hall ที่อลังการ+สวยงามกว่าLeeds town hall //no offence การเดินทางในเมืองจะใช้การเดินเท้าเป็นหลัก แต่ถ้าใครขี้เกียจเดินก็จะมีรถบัสที่รับContactless card ให้ใช้บริการอยู่หลายจุด
ร้านอาหารแนะนำคือ Shiraz เป็นอาหาร Mediterranean & Middle Eastern ที่อร่อยเป็นอันดับต้นๆของUK ที่พลาดไม่ได้เลยคือแกะ นุ่มราวกับไก่จนนึกว่าสั่งไก่ล้วนมากิน
ต่อด้วยรูปปั้นThe Beatles ที่pier head ประติมากรรมที่นี่ให้ฟีลลิ่งเหมือนTate Modern/Canary wharf ในระดับที่ใครที่เป็นสายติสต์น่าจะประทับใจพอสมควร
อีกหนึ่งจุดที่ไม่มาไม่ได้คือ Maritime mercantile หนึ่งในมรดกโลก UNESCO ตึกที่ก่อสร้างจากอิฐแดงล้วน สมกับฐานะเมืองผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการท่าและการก่อสร้าง เดิมทีเมืองนี้เป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญมากสมัยที่คนอพยพจากอเมริกาและยุโรปทางตอนเหนือ ที่มาของชื่อ Liverpoolก็ไม่ใช่เพราะเลี้ยงแกะหรือขายตับแต่อย่างใด แต่เพราะคำว่า 'Lifer' ดั้งเดิมหมายถึงน้ำที่เต็มไปด้วยโคลน ดังนั้นก็ผันกลายมาเป็น Liverpoolนั้นเอง
ความแรงลมของที่นี่เรียกได้ว่าน้องๆMt.St.Michaelได้เลย พัดแรงจนเมฆฝนไม่มีเวลามาหยุดแถวนี้เลย แต่นั้นก็หมายถึงการที่สิ่งปลูกสร้างต้องมีความแข็งแรงพอสมควร ไม่งั้นอาจต้านลมไม่ไหว
เดินจากท่าไปประมาณ30นาทีก็ไปถึงส่วนไฮไลท์ของเมืองคือโบสถ์ Liverpool Cathedral
ใหญ่อันดับ8ของโลกและอันดับ1ของUK สร้างจากอิฐแดงที่ถูกขุดมาจากแถวท่า ออกแบบโดยสถาปนิกหนุ่มวัย22ปีที่ชนะการแข่งขัน และเพราะว่าเราเข้าไปวันอาทิตย์ (Holy Sunday) ทำให้ได้มีโอกาสเข้าชมการแสดงOrganและChorusจนได้สกิลหูทองคำมาแล้วหนึ่ง (ตอนแรกนึกว่าปิด แต่ดันเข้าได้เฉย) interiorข้างในอย่างกับหลุดมาจากในHarry Potter
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย: churchหมายถึงที่ๆสาวกคริสต์เตียนมารวมตัวกัน ส่วนcathedralจริงๆหมายถึงSeat เป็นที่นั่งเทศน์นั่นเอง
หมดวันเราก็กลับมาCheck-inที่Easy hotelราคาคืนละ 32GBP ของเรา จองจากBooking.com พอไปถึงก็ทำเรื่องขอบัตรแสกนเข้าห้องง่ายๆแปปเดียวเสร็จ พนักงานที่นี่มีสำเนียงที่ฟังยากกว่าคนลอนดอน เป็น Local British แบบจัดๆเลย และดูวิวจากห้องสิคะะะะ
คุ้มมากกก ประทับใจจจกว่าจะแงะตัวเองจากเตียงออกมาหาข้าวเย็นกินได้นี่ต้องใช้พลังใจพอสมควรเลย ไปย่านเริงรมณ์ เอ้ย ย่านดนตรีสดกันต่อ
The cavern clubเป็นบาร์ใต้ดินที่สร้างในสมัยสงครามโลกก่อนจะถูกนำมาดัดแปลงเป็นคลับสำหรับแสดงดนตรีสด คนก่อตั้งได้รับแรงบันดาลใจมาจากJazz districtในปารีส เลยนึกอยากมาทำบ้าง จนออกมาเป็นcavern clubในทุกวันนี้ ฟีลลิ่งแบบนักดนตรีBritishดังๆต้องมาแสดงที่นี่ไรงี้
เป็นเมืองที่ค่อนข้างครื้นเครงเมืองหนึ่งเลยล่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in