ผ่านไปเร็วราวกับชั่วพริบตา ก็ผ่านฤดูใบไม้ผลิเข้าสู่ฤดูร้อนเสียแล้ว
ไหนๆก็เรียกว่าย่างเข้าฤดูร้อนทั้งที เราไปหาที่ดูวิวทะเลสวยๆกัน!
วันนี้จะขอแนะนำเมืองเล็กๆแต่ความสำคัญไม่เล็กอย่างที่คิด เมืองหนึ่งทางตอนตะวันออกเฉียงใต้ของ UK อันมีนามว่า Dover
ตอนที่เลือกจะไปเมืองนี้ก็ไม่ใช่เพราะเหตุใด เห็นรุ่นน้องไปเที่ยวถ่ายรูปมาแล้วสวยดีเลยไปตามรอย 5555 ปรากฏพอลองresearchดูดีๆกลับมีเรื่องเล่าประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเมืองนี้อยู่พอสมควรเลย
รู้จักDunkirkกันมั้ยคะ
สมรภูมิอันเลื่องชื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่2 เมื่อคราที่ทหารฝั่งสัมพันธมิตรถูกกวาดล้อมให้ต้องร่นถอยไปยังชายหาดของฝรั่งเศสแล้วข้ามฝั่งหนีตายกัน
ใช่ค่ะ Dover คือเมืองอีกฝั่งหนึ่ง อันเป็นที่ตั้งของศูนย์บัญชาการลับใต้หน้าผาสีขาวบริสุทธิ์ ยุทธการช่วยเหลืออันเป็นที่รู้จักกันในนาม Operation Dynamo
ด้วยความที่ที่ตั้งของเมืองนี้ ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบอังกฤษ จึงนับว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลไม่ใช่แค่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเท่านั้น แต่ย้อนกลับไปถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง หรือแม้กระทั่งสงครามกับฝรั่งเศส (ตลกร้ายคือป้อมที่สร้างขึ้นเพื่อสู้กับฝรั่งเศสสุดท้ายกลับมาถูกใช้เพื่อช่วยฝรั่งเศสในท้ายที่สุด)
เขาว่ากันว่าวันไหนฟ้าเปิด จะสามารถมองเห็นชายฝั่งฝรั่งเศสได้ด้วยล่ะ
วิธีการเดินทางไปเมืองนี้ก็เช่นเดียวกับที่ผ่านมา จองตั๋วรถไฟในtrainline ใช้ส่วนลดrailcard 30% ออกจาก Victoria station ไป Dover priory ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. (รถไฟหวานเย็น) แต่ถ้าใครอยากประหยัดเวลา (แต่ไม่ประหยัดเงิน) ก็สามารถจองรถด่วน 1 ชม.จาก Kings cross ไปได้
เมื่อไปถึงสถานีสามารถเดินเข้าเมืองไปเพื่อที่จะขึ้นรถบัสสาย 80/81 ขึ้นเนินไปยังDover castleได้ มีรถทุก20-30นาที ราคาประมาณ2GBP (Single) จ่ายโดยContactless card
ตัวฐานบัญชาการนี้ก็อยู่ในเขตของDover castleเช่นกัน ดังนั้นถ้าใครอยากไปต้องซื้อตั๋วเข้าDover castleด้วย มีส่วนลดของนักเรียนอยู่ เหลือประมาณ25GBP มีทางเข้าสองทาง คือจากทางเชิงเขาขึ้นไปหรือลงมาจากบนยอดเขา สามารถซื้อตั๋วได้ทั้งคู่ ดังนั้นจึงอยากแนะนำให้เลยไปลงป้ายที่เข้าจากทางด้านบนลงมามากกว่า จะได้ไม่ต้องเดินขึ้น
ตัวอย่างทางขึ้น
เอาล่ะ ไปดูภาพจาก Dover Castle กัน
ในส่วนของอุโมงค์ใต้ผาและฐานบัญชาการOperation Dynamoจะมี guide ฟรีให้อยู่ (แน่นอนว่าคงรวมกับค่าตั๋วเข้าไปแล้ว) รับได้รอบละ 25 คน รอบละครึ่งชม. ข้างใต้ห้ามถ่ายรูปแต่นับว่าเป็นนิทรรศการที่บอกเล่าเรื่องราวออกมาได้น่าสนใจมากราวกับดูหนังเลยทีเดียว ใครที่ไปก็ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
Dover castle ถ่ายจากรถบัสสาย 80 ขากลับจาก St'Margaret beach ไป Dover
เมื่อเดินทัวร์เสร็จเรียบร้อยก็เดินทอดน่องลงมากินข้าวในเมือง ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปยัง Dover white cliff อีกหนึ่ง Highlight ของเราในวันนี้ เดินเน้นๆ ไปค่ะ!
นี่คือทางเดินขึ้น
จริงๆมีทางแยกหลายทางและหลายrouteให้เลือกเดิน ไม่ว่าจะเป็นทางเดินหลัก หรือทางเดินเลียบผา แน่นอนว่าเรา...เลือก ทาง เดิน หลัก
เดินไปวิวอย่างอลังงงงง ไม่กล้าชะโงกไปถ่ายผา กลัวตก 5555
เกาหลีมั้ย?
แต่ละShotอาศัยความกล้าที่สั่งสมมาทั้งชีวิตตตต
มีทุ่งดอกไม้อย่างใหญ่
ไม่เน้นถ่ายผา เน้นถ่ายดอกไม้ LOLLL
ประภาคารนี้ใช้เวลาในการเดินไปถึงประมาณ40-50นาทีนะคะ ใครอยากไปก็เผื่อเวลาไว้โหน่ยยยยย เผื่อกำลังขาเอาไว้ด้วยยยย
พอมาถึง Landmark สำคัญก็มีทางเลือกให้เลือกสองทาง เดินย้อนกลับทางเดิมไปที่Dover หรือเดินเลยไปSt.Margaret beachแล้วนั่งรถบัสจากในหมู่บ้านกลับDover
มาถึงขนาดนี้แล้ว...เดินต่อสิคะ
St.Margaret Beachที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มาพักร้อน
วิวจากSt.Margaret beachถ่ายย้อนกลับมา
แต่พอถึงคราปีนขึ้นเนินกลับขึ้นไปที่หมู่บ้านนี่ก็เล่นเอาขาลากเหมือนกันนะ ฮืออออออ
รถสาย80จากหมู่บ้านเข้าDoverมีทุกๆ1ชม.เน้อ เราเวลาเหลือเลยถือโอกาสพักขาไปในตัว ปรากฏดันมาพบว่าเจ้าหมู่บ้านนี้เคยเป็นที่พักผ่อนของHenry Royce เจ้าของ Rolls Royce และใช้สถานที่นี้เป็นต้นกำเนิดไอเดียของEagle engineในสมัย WW1 ก่อนจะEvoมาเป็นEngineที่ใช้ในSpitfireในสมัย WW2 ด้วย unseen Dover ไปอีกกกก
นั่งรถบัสกลับมาที่เมืองDover ชมชายหาดกับเก็บภาพบรรยากาศในเมืองยามเย็นกันเล็กน้อย
มีเทศกาลพอดีเรยยย ครึ้กครื้นมาก
แล้วก็นั่งรถไฟกลับ London โดยสวัสดิภาพ เย่!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in