เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My Italian memoriesPATNAKAN
My Italian memories : EP.5 ฮัลโลวีนและเพื่อนของฉัน (อีกแล้ว)
  • เอาล่ะค่ะ เพราะความไม่รู้จะตั้งชื่อตอนว่ายังไง เพราะเขียนเรื่องเพื่อนอีกแล้วเด้อ โอ่ย

    สำหรับเรื่องเพื่อนตอนแรก เผื่อใครยังบ่ได้อ่าน จิ้มโลด EP.4 พิซซ่าและเพื่อนของฉัน

    เลยเอาเรื่องฮัลโลวีนกับเพื่อนๆนักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศอื่นมาเล่าสู่กันฟังค่ะ

    หมายเหตุ : เรื่องเล่าจากชีวิตแลกเปลี่ยนที่อิตาลีเมื่อปี 2015-2016 นะคะ หากินใหม่ได้เรื่อยๆค่ะ อิอิ

    ฝากติดตามด้วยนะคะ /ไหว้ย่องาม 

    เชิญเฮฮาค่ะ

    (ภาพปกไม่เกี่ยว ถ่ายเองแล้วรู้สึกสวยดีเลยเอามาใส่แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยค่ะ ยอตัวเองไปค่ะ)

    ฮัลโลวีน

    ไม่ได้ตื่นเต้นกับงานเทศกาลฮาโลวีนเท่าไหร่เพราะว่าคิดว่าที่อิตาลีไม่น่าจะจริงจังเท่าประเทศอเมริกาแต่ก็แอบหวังลึกๆในใจว่าจะได้ไปงานปาร์ตี้ฮาโลวีนเหมือนคนอื่นบ้าง อยากไปตลอดแหละปาร์ตี้น่ะ ไม่ได้อยากไปเต้นหรือเมามายอะไร แต่อยากไปดูเฉยๆ ก็ตอนอยู่ไทยใช้ชีวิตโคตรเด็กอนามัย สองทุ่มก็ต้องรีบเข้าหอ เดี๋ยวหอปิด ไม่ได้ดูอะไรสักอย่าง

    อีกอย่างก็แบบอยู่บ้านมันเบื่ออ่ะนอกจากเล่นกับโอบาม่า (แมวที่บ้านค่ะ) กับเล่นของเล่นกับเด็กอายุ 12 เนี่ย ก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้วก็อยากออกไปแรดบ้าง อยากไปทำอะไรกับเพื่อนรุ่นเดียวกันบ้าง

     

    แต่ดาวิดโฮสน้องชายดูจะตื่นเต้นกับเทศกาลนี้มากกกน้องเตรียมถังใส่ลูกอม แล้วก็มาชวนเราออกไปข้างนอก จะไป trick or treat

    ก็ไม่อยากไปหรอก แต่เดี๋ยวโฮสจะหาว่าเราไม่อยากใช้เวลาร่วมกับครอบครัวไปก็ไปค่ะ

    ซึ่งไปตอนเวลาสี่โมงเย็นแล้วใครที่ไหนจะอินกับเทศกาลขนาดนั้นวะ ใครเค้าจะเอาลูกอมมาแจกตอนสี่โมง

     

    อีกอย่างเมืองเราเล็กมากก็เลยไม่ค่อยมีบ้านให้เคาะประตูเท่าไหร่ส่วนมากอยู่อพาร์ตเมนต์กัน จะไปกดออดให้เค้าลงมาชั้นล่างก็กระไรอยู่ก็เลยไปเคาะตามพวกร้านขายของแทน

    แล้วระหว่างที่เดินๆเราก็เป็นอีเด็กโข่งอายุใกล้จะ 17 คนนึงที่ถือถังพลาสติกรูปหัวแฟรงเกนสไตน์ไปขอลูกอมชาวบ้านแล้วเดินสวนกับเด็กอารมณ์ประมาณ 7-8 ขวบ ที่ใส่ชุดแม่มด แวมไพร์ กันทั้งเมือง...

    ถามจริงๆ...

    เรามาทำอะไรอยู่ที่นี่วะ!!!

     

    น้องก็ดูหรรษาเหลือเกินสวมหน้ากากผีเดินไปแจกยิ้มไป ส่วนเราหน้าตาเหมือนผีที่ไม่ได้กินของเซ่นไหว้

    ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้กูกำลังจะขึ้นมอหกอีกไม่กี่ปี ทำไมกูต้องมาเคาะประตูขอลูกอม มันสนุกตรงไหน บางทีเจ้าของร้านไม่อยากให้ด้วยซ้ำแม่งเอ้ยยยยยยยยยยยยยย

    เดินอยู่นาน ได้ลูกอมเกือบเต็มถังเลยจะเดินกลับบ้านกัน ฟ้าก็ยังไม่มืดเท่าไหร่ .. ได้แค่นี้ก็เล่นเนาะ จ้ะๆมีความสุขจ้ะ

    เออ ก็ความสุขเด็กอะเนอะตอนเด็กเราก็คงเป็นแบบนี้เหมือนกันแหละ..ว่าไม่ได้

     

    พอกลับถึงบ้าน ก็กะจะอาบน้ำนอนละไหนๆก็ไม่มีอะไรทำแล้ว ขอนอนแล้วกัน

    แล้วมาร์ติน่าก็ถามว่าจะออกไปเล่นโบว์ลิงกับเพื่อน จะไปด้วยกันไหม

    ไม่เคยไปเล่นนี่นา ไปสักหน่อยก็ได้

     

    เย็นวันนั้นก็เลยออกไปเล่นโบว์ลิงกับเพื่อนค่ะได้เพื่อนใหม่มาสามคน ก็คือ แอนโทเนลล่า คาร์เมล่า จูเซปปิน่า เป็นเพื่อนโฮสซิสเค้าก็ดูเป็นมิตรดี เราก็เลย อ่ะ ไม่มีปัญหา Just go with it

    ไปเล่นโบว์ลิงที่ ซอร์เรนโต้เดินไปก็เจอคนแต่งตัวไปปาร์ตี้กันเยอะแยะเลย อยากไปบ้าง...อยากจะงัดชุดไทยที่ซื้อมาแต่งเป็นผีตานี ผีเอเชียอยากประชันค่ะความหน้าผีของดิฉันจะต้องไม่แพ้ใคร

    แต่ก็เลยกะว่าจะหาอะไรกินกันก่อนร้านพิซซ่าก็อยู่ในร้านโบว์ลิงเลย พอเราเดินเข้าไปก็มีแก๊งเด็กประถมนั่งกินกันอยู่แอบอึ้งไปนิดนึง ตอนฉันอยู่ประถมจะออกจากบ้านหลังจากหกโมงเย็นไม่ได้เลยนะ ได้อย่างมากก็ไปซื้อผักชีให้แม่แค่นั้นแหละ นี่ออกมากินพิซซ่ากันตอนสองทุ่มพ่อแม่น้องไปไหนกันคะ..

    แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับพวกนางแต่พอกำลังจะสั่งพิซซ่า เราก็รู้สึกเหมือนโดนสายตาจ้องมากันหลายคู่

    ‘Giapponese?’ คนญี่ปุ่นป้ะ

    ‘No!Cinese’  ไม่ๆ จีนนะ

     

    ก็เถียงกันอยู่นั่น ถ้าจะซุบซิบกันดังขนาดนี้นะผิดทั้งคู่โว้ย!

    มาจากประเทศไทยค่ะ ! ดูย่ามลายช้างที่สะพายด้วยนะคะ อยากรู้ก็มาถามกันตรงนี้เลยไหมจ้องยังกะไม่เคยเห็นคนเอเชียอย่างนั้นแหละพวกนางก็เหมือนจะรู้ตัวว่าเราฟังอิตาเลียนออกนิดหน่อยก็เลยสงบปากสงบคำหลังจากที่เราสั่งพิซซ่าเสร็จ

     เออ ดีมีหน้าที่กินก็กินไป เลิกจ้องชาวบ้านได้แล้ว

     

    กินเสร็จก็เลยไปเล่นโบว์ลิงกัน เรื่องตลกก็ลุงเจ้าของร้านเค้าถามว่า ชื่ออะไร จะได้พิมพ์ลงในช่องข้อมูลจะได้ขึ้นที่จอว่าใครได้กี่คะแนนบ้าง เราก็ต้องพูดหยินซ้ำไปซ้ำมาประมาณ 6-7 รอบลุงแกก็เลย โอ๊ย ชื่ออะไรยากขนาดนี้ ฮ่าๆ

    พอตอนเล่น ...แน่นอนเราแพ้ ขนาดจับลูกโบว์ลิงยังเล่นไม่ค่อยเป็นเลย เพิ่งเคยจับครั้งแรกแล้วเพิ่งได้ลองใส่รองเท้าโบว์ลิงก็ตอนนี้แหละ ราคาก็แอบแพงด้วย ประมาณ 10 ยูโรเล่นได้ไม่กี่ตาเอง แอบเซ็งๆด้วย เพราะรำคาญแก๊งวัยรุ่นที่เล่นอยู่ข้างๆกันเสียงดังโหวกเหวกมาก

    พอเล่นเสร็จพวกนั้นก็แกล้งกันผู้ชายก็ไล่จูบผู้หญิงจนชนกระถางต้นไม้หน้าร้านล้มแตก ไม่รับผิดชอบแล้วก็วิ่งหนีออกนอกร้านไปอีก  โอ๊ย นี่ทำไมเราต้องมาเจอคนแบบนี้คะเนี่ย

    ส่วนทางเราเล่นไปสักพัก คะแนนก็เต็มตาราง หมดรอบเลยไม่รู้จะทำอะไร เลยเดินไปที่สวนสาธารณะกลางเมือง ไปนั่งคุยกันฆ่าเวลาเพราะไม่มีอะไรทำแล้ว

    โฮสซิสก็นั่งคุยกับเพื่อนไป คุยกันอยู่แค่สามคนในท็อปปิคที่เราไม่เข้าใจ เหมือนเราไปนั่งเป็นส่วนเกินในวงสนทนา ไม่รู้จะพูดอะไรนั่งเงียบตบยุงอยู่นั่นแหละ ทำไมไม่กลับบ้านสักทีวะ ปาร์ตี้กูก็ไม่ได้ไป แถมออกมาก็มีแต่อะไรน่าเบื่อน่าจะนอนอยู่บ้าน เซ็ง

    พอนั่งคุยไปสักพัก ได้ยินเสียงโหวกเหวกแบบเดิมๆกับเห็นคอสตูมมัมมี่...

    ใช่เลย พวกแก๊งเดิมที่ร้านโบว์ลิง..

    รังควานอยู่นั่น ยิ่งกว่าอินซีเดียสวิญญาณตามติดไปอีก พวกแก๊งนั้นก็พูดเหมือนกันค่ะ ว่าเจอแก๊งเราอีกแล้ว

     

    เออ  กูก็ไม่ได้อยากเจอกับมึงเท่าไหร่หรอก แหม

    แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันหรอกค่ะ นั่งห่างกันหลายเมตรอยู่

    สักพักพวกนั้นก็ไปซื้อพิซซ่ามากิน (อืมต้องยอมรับว่าจุดนั้นเราไม่มีอะไรทำจริงๆนอกจากนั่งเสือกการกระทำของคนเหล่านั้น) กินเสร็จแล้ว พวกนั้นก็เอากล่องพิซซ่าไปทุบรถที่จอดแถวๆนั้นแล้วก็ฉีกโปรยใส่พื้นสนุกสนานมาก แถมร้องเพลงกันเฮฮาปาจิงโกะด้วย

     

    เข้าใจละ...โอ้โหที่ไหนได้พวกเธอทั้งหลายก็มาในธีมฮัลโลวีน(เด็ก)เปรตนี่เอง เปรตทั้งแก๊ง

     

    ถึงฉันจะเป็นคนชั่ว นินทา ด่าใครในไดอารี่เกลียดครูวิชาจิตวิทยา หรือกรี๊ดผู้ชายไม่ซ้ำหน้— แต่เรารับการกระทำพวกนี้ไม่ได้นะ รู้สึกว่ามันก็มีอะไรที่ทำแล้วสนุกและสร้างสรรค์กว่านี้เยอะแต่ไม่ใช่การมาทำลายข้าวของชาวบ้านแล้วยังหัวเราะสนุกสนานกันแบบนี้ 

    โอ๊ย โมโหอารมณ์เสีย แทนที่ออกมาจากบ้านมาดูบรรยากาศฮาโลวีน เปิดหูเปิดตา ก็มาเจอแต่อะไรที่อัปมงคลชิบหายเลยว้อยยยย

    เวลาผ่านไปสักพัก เลยคิดว่าควรกลับบ้านได้ละเพราะไม่มีอะไรเลย เบื่อแล้ว เลยกลับไปสถานีรถไฟ เพื่อนของโฮสซิสทีแรกที่ก็ดูตลกดีก็เริ่มทำการกระทำที่มันขัดหูขัดตาเราอีกแล้ว

    นางเอาตัวไปขวางประตูไว้แล้วก็วิ่งเข้าวิ่งออกประตู แล้วก็โหนราวแกว่งตัวเล่นแล้วก็ชวนเพื่อนมาเล่นกับตัวเองอีก จนรถไฟจะออก นางก็ไม่ยอมเข้ามารถไฟก็ออกไม่ได้ เพราะนางมัวแต่กระโดดเล่นเข้าๆออกๆ เราก็เริ่มโมโห อดทนไม่ไหวแล้วนะเล่นเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย

    โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วยังเล่นอะไรไม่รู้กาลเทศะอีก

    บนหน้าผากเราคงจะมีคำด่าผุดขึ้นมา นางก็เลยเข้ามายืนรอดีๆแล้วเราก็เงียบใส่ไม่คุยกับใคร ทุกอย่างถึงกลับมาอยู่ในสถานการณ์ปกติ

    แล้วพอรถไฟจอดในสถานีถัดไป ก็มีพี่ผู้ชายคนนึงเมคอัพน่ากลัวมากขึ้นมาบนรถไฟ แต่งเป็นผีแล้วใส่คอนแทคเลนส์สีขาวเพิ่มความตาเหลือกอีก เรากลัวจนมือสั่น...แต่โฮสซิสอึ้งกับเมคอัพเค้ามาก นางถึงกับไปขอถ่ายรูปพี่คนนั้นเก็บไว้พี่แกยังมีการมาชวนเราอีก ยูจะเข้ามาถ่ายก็ได้นะ เราก็เลยเดินไปด้วย ยอมรับว่ากลัวแต่มันก็แค่เมคอัพอะนะ พี่เค้าแต่งหน้าได้เหมือนจริงๆ

    สรุปคือ ฮาโลวีนครั้งแรกของเรา....มาก ตั้งแต่ไปเดินขอลูกอมชาวบ้าน โดนคนจ้อง เจอแก๊งเด็กเปรต  มีมาจบดี มีอะไรตื่นเต้นตอนท้ายตอนเจอพี่ชายแต่งหน้าผีคนนี้แหละ ขอบคุณมากค่ะพี่ที่ขึ้นรถไฟเที่ยวเดียวกันวันนั้น

    ขอบคุณทำให้เรารู้สึกคุ้มค่าที่เสียเวลานอนไปค่ะ กราบ


    สี่สหายแห่ง Castellamare


    Castellamare ถ้าให้ภาพชัดเจนคืออำเภอหนึ่งของจังหวัด Naples ค่ะ

    เอามาตั้งเป็นชื่อตอนเก๋ๆ #เหรอ? มีนักเรียนแลกเปลี่ยนจากโครงการทั้งหมด4 คน รวมเราด้วยแต่เราเป็นคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในเมืองนี้ และเวลามีนัดเราต้องถ่อรถไฟมาไกลกว่าชาวบ้าน...

    ด้วยความคิดถึงพวกนางขอยกพาร์ทนี้ให้กับพวกเค้าไปเลยค่ะ เป็นความทรงจำดีๆที่แอบหมั่นไส้นิดๆ(?)

    คนแรก จูเลียตสาวโดมินิกันที่เจอวันแรกในค่ายที่โรมเป็นคนที่มั่นใจและค่อนข้างชอบโม้เรื่องตัวเองให้เราฟัง

    เราหมั่นไส้นางมากเป็นอันดับหนึ่ง เพราะนางพูดอิตาเลียนได้ราวกับเป็นชาวอิตาเลียนกลับมาเกิด ได้มีโอกาสไปเที่ยวมากกว่า เพราะโครงการเห็นว่าสื่อสารได้ ไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้วยังได้โฮสดี เพื่อนดี และนางก็ได้แอ๊วผู้ชายหลายคนมากแย่งผู้ชายในสต็อกเราไปหลายคนด้วย

    แถมชอบพาไปเสียเงิน ลากไปชอปปิงบ่อยๆด้วยทั้งๆที่เราเป็นคนจน... ในใจก็อยากบอกว่ากูจนกูไม่มีเงิน เลิกชวนกูได้แล้ว มึงรวยไง อย่ามาชวนกู กูไม่อยากไปยืนรอมึงเลือกของโว้ย แต่นางก็เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆเราก็ไม่ได้เกลียดนางหรอก เพราะจูเลียตคิดถึงตลอด ทักทายเป็นห่วงตลอดตอนที่เรามีปัญหา และนางก็เป็นล่ามสื่อสารให้กับเราสามคนที่เหลือที่ยังพูดอิตาเลียนไม่ได้อีกด้วย เก่งจ้า

    คนที่สอง ฟิออน สาวเอเชีย มาจากฮ่องกงที่หน้าตาดูไม่ฮ่องกงเท่าไหร่ หน้าดูคนไทยมาก เราชอบนาง เพราะเป็นคนตลก เฮฮา รั่วเวลาถ่ายรูปกับเราก็ชอบทำหน้าประหลาดๆ แต่ภาษาอิตาเลียนนางก็ดีมากกว่าเราสุดๆเราจึงโดนเปรียบเทียบไปโดยปริยายว่า

     “อ้าวมึง มาจากเอเชียเหมือนกันนี่ทำไมฟิออนพูดได้ แล้วมึงพูดไม่ได้ล่ะ”….. 

    ขอโทษได้ไหมล่ะสังคมที่เป็นคนเอเชียไร้ประสิทธิภาพ!!!

    และฟิออนก็มีโฮสพี่สาวเคยไปแลกเปลี่ยนที่จีน เพราะฉะนั้นเข้าใจกันดี และพี่สาวนางก็ยังนิสัยดีมากๆด้วย เผื่อแผ่ความใจดีนั้นมาถึงเราและถามหามาม่าต้มยำกุ้งจากไทยแลนด์ตลอด

    วันดีคืนดีก็มาโชว์สกิลล์พูดคำหยาบไทยให้ฟังเป็นชุด เพราะตอนไปจีนมีรูมเมทเป็นคนไทย

    อ้าว นี่ตกลงเราจะเล่าเรื่องฟิออนหรือโฮสพี่สาวนางกันแน่วะ

    แต่ฟิออนดูสนิทกับจูเลียตมากกว่ากับเรา เพราะเค้าอยู่เมืองเดียวกันเราผู้เหมือนเป็นส่วนเกิน เป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้น (กระซิกๆ)

    คนที่สาม โอซานหนุ่มตุรกีผู้หล่อ+รวยเหมือนมหาเศรษฐีดูไบ ไปกับนางทีไรไม่ได้ออกสักบาท เราก็พยายามจะจ่ายนะ แต่นางก็บอกไม่ได้สุภาพบุรุษตุรกีไม่ควรให้ผู้หญิงจ่ายเงินเอง เปย์ไม่อั้น 

    เสี่ยขาาาา แล้วก็หล่อ หุ่นดี สปอร์ตกายแปดแพ็กต้องมา ฮอตมากๆด้วย ให้คะแนนไปเลยสิบเต็มสิบ

    ขอสาบานว่าไม่ได้มีความเอนเอียงใดใดทั้งสิ้น.. 

    แรกๆค่อนข้างพูดน้อยหลังๆพี่แกเริ่มเล่นมุกจังไรใส่ และมองว่าเราเป็นเพื่อนที่แมนมาก และทักทายตบบ่าเราได้อย่างไม่เห็นว่าเป็นผู้หญิงสักนิด เศร้าค่ะ

    แต่โอซานก็เป็นคนเดียวที่ดูเข้าใจว่าเราเป็นคนยังไงเพราะเราสองคนพูดอิตาเลียนไม่ค่อยได้ และชีวิตค่อนข้างมีปัญหาคล้ายๆกันอีกด้วย เหมือนเป็นบุพเพสันนิวา----

    ทุกๆวันอังคารกับพฤหัสจะได้ไปเรียนอิตาเลียนเสริมตอนเย็นด้วยกันแรกๆก็นั่งเงียบไม่มีใครคุยกันเท่าไหร่ พักหลังๆก็ชวนแท็กซี่เมาท์มอยบ้างชวนอาจารย์อิตาเลียนคุยบ้าง เล่าเรื่องตลกให้กันฟังเล่าเรื่องวัฒนธรรมประเทศตัวเองให้กันฟัง เขียนๆไปนี่ก็คิดถึง อยากเจออีก

    คิดถึงตอนไปเดินเล่นด้วยกันนะ นัดกันไปกินโยเกิร์ต กินมันฝรั่งทอด ไปนั่งเล่นตรงท่าเรือ สวนสนุกบ้าง ชอปปิงบ้าง 

    และโอซานก็เป็นผู้ชายที่ต้องยืนหล่อๆรอหน้าร้านคนเดียวเหมือนเหล่าราชสีห์ไทยยืนรอกวางน้อยหน้าร้านeve and boy

    ตลอดเวลาที่ได้เป็นเพื่อนกับสามคนนี้เรามีความสุขมาก เราก็ไม่รู้ว่าเค้าจะคิดถึงเรา เหมือนที่เราคิดถึงเค้าตอนนี้ไหมแต่เราก็ยังอยากไปเจอพวกเค้าอีกครั้งนะ แต่ก็ไม่รู้จะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ก็คงจะแล้วแต่โชคชะตาและเงินจะนำพา แต่ก็หวังว่าคงจะมีวันนั้นเหมือนกัน ;D

    --------------------------------------------------------------------


    แวะมาแปะไว้ค่ะ เดี๋ยวอีกไม่นานก็จะลงตอนต่อไปนะคะ ตอนนี้เขียนเสร็จหมดทั้งปีแล้ว แฮะๆ




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Jirutchaya Sanprai (@fb1015589821381)
วัน​ฮัลโลวีน​ที่พี่เจอคนอิตาลีจัดเต็มมากค้าพี่เขียนไดอานีเหมือนกัน​ มีภาพประกอบ​ ถ้าคิดถึงอิตาลีก็ไปแวะอ่านได้นะจะ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1637045636334683&id=361598213879438