เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แด่คุณนะ...แด่คุณPasu Intara
ความโดดเดี่ยวอันฟูมฟาย จากการบันทึกอันฟูมฟาย : 9 เมษายน 2553
  • นี่คงเปนอีกหนึ่งบทอันฟูมฟาย
    อันเกิดจากตัวฉันเอง

    สามวันมานี้ฉันรู้สึกเหงาอย่างน่าแปลกใจ
    โดดเดี่ยว
    เวิ้งว้าง
    เหมือนจะลอยไปไกลแสนไกล

    -ระหว่างทางกลับบ้านกูคุยกับน้อง ยัยเด็กคนนี้เปนลูกพี่ลูกน้องที่เกิดจากพี่ชายแม่ 'ไม่จริงอ่ะพี่ม้อ หนูไม่เคยเหนใครเหงาแบบไม่รู้ตัวมาก่อน' ขอโทษเถอะหวะ กูก็ไม่รู้ ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง-

    ความบันเทิงที่กระทำอยู่เปนนิจไม่ได้ช่วยให้ฉันดีขึ้นมา

    -น้องกูบอกว่า กูทำตัวเหมือนเด็ก เธอยังมองฉันเหมือนเดิม ขณะที่ฉันมองเธอเปลี่ยนไป ใช่เธอได้โตขึ้น วัฒนธรรมของโรงเรียนรัฐทำให้เธอโตขึ้น วัยรุ่นทั่วไป เดินตามสยาม ตัวสูงโปร่ง เกาะกันเปนกลุ่ม และมีความคิดว่าผู้ชาย ถ้าไม่มีเงินและรถ ก็อย่ามีหญิงเลยดีกว่า-

    ฉันหาความสุขใส่ตัวในวันอังคารที่ผ่านมา
    การหายใจทิ้งในงานหนังสือไม่ได้ช่วยฉัน
    การหายใจทิ้งในโรงหนังไม่ได้ช่วยฉัน
    ลิเกฝรั่งดูเพลินในโรงหนังไม่ได้ช่วยฉันเช่นกัน

    -ยัยเด็กนั่นถามกูว่า 'พี่ม้อไม่มีแฟนจริงเหรอ' เออ ไม่มี 'ไม่มีใครชอบหรอก เขาดูกันที่เสื้อผ้า หน้า ผม' เออ กูรู้ กูพูดในใจ และยิ้มแหยๆให้น้องมัน-

    เมื่อหนังฉายจบราวๆสองทุ่ม หลอดไฟจากโรงหนังเปิดขึ้น สว่าง อย่างไม่เคยเจอมาก่อน
    รอบที่ฉันดูคือรอบหกโมงครึ่ง รอบสุดท้ายของวัน
    สองทุ่ม บนราชประสงค์ยังไม่หลับ

    -ฉันกลับบ้าน ด้วยเหตุบางประการ โดยมียัยน้องคนนี้ตามติดมาด้วย ฉันไม่ชอบที่จะนัดใครๆกลับบ้านด้วย ฉันไม่อยากรอใคร หรือไม่อยากให้ใครต้องมารอ-

    ฉันไม่รู้จะขอบคุณใครดี ใครที่ฉันโทรหา หรือใครที่โทรหาฉัน
    ขอบคุณมันทั้งสองเลยแล้วกัน

    ใครเหล่านั้นช่วยเยียวยาฉันจากความเศร้าหมอง ที่แทบจะปริออกจากหัว อยากจะทุบกระโหลกให้มันหาย
    วันพุธ ฉันมีสุขกับออฟฟิศที่อยู่ กับงานที่ได้ทำ โดนเรียกให้ทำ
    วันพุธ ความอ้างว้างยังเกาะอยู่ในตัวฉัน แต่งานทำให้ฉันลืมมันได้ อย่างน้อยก็จนค่ำ

    แต่แล้วเช้าวันนี้ -พฤหัส-
    โทรศัพท์ในยามเช้า ช่วงเวลาที่ไม่น่าจะมีใครโทรมา
    กลับมีคนโทรมา
    แม่ฉันเอง -เมื่อวางหู ฉันกลับพบว่ามีคนโทรหาฉันถึงสามครั้ง กว่าจะตื่นขึ้นมารับเบอร์ของแม่ เบอร์ที่สี่
    'ตาไปแล้วนะ'
    .......
    .......
    .......
    .......
    ระหว่างบรรทัดคือความเงียบ และความเงียบ
    และประโยคที่จับต้องไม่ได้
    ประโยคที่มาจากแดนไกล
    โสตประสาทที่หลอมรวม
    ละลาย จับต้องไม่ได้
    วานิลลา คุกกีแอนดฺครีม สตรอวฺเบอร์รี
    หลอมรวมกับฟองดู
    ในถ้วยที่จุดแอลกอฮอลฺอัดแท่ง

    แค่นี้เองเหรอ
    ไม่ใช่ชีวิต แต่เปนคำพูดหนึ่ง
    แค่นั้นเอง

    หรือสาเหตุที่ฉันเหงาเจียนตายสามวันสี่วัน มันคืออาการล่วงหน้า
    อาการแห่งความอ้างว้าง
    ของชีวิตที่เกี่ยวโยงกับตา
    อาการที่ส่งผลกระทบถึงฉัน
    ให้เตรียมตัวล่วงหน้า
    รอรับมือกับสิ่งที่จะเกิด

    -กูเขียนอะไรอะไรที่คล้ายๆกันนี้ในตอนเช้า แต่โปรแกรมเวรตะไลกลับหายไปดื้อๆ ทึ้งไว้เพียงความอึ้ง และเดียวดาย กลางห้องคอมพิวเตอร์ที่อาคารหอสมุด-

    -กูและยัยน้องคนนั้นจึงต้องนัดกันกลับบ้าน ทั้งๆที่ไม่อยากไปด้วยเลย กูไม่ชอบที่จะนัดใครๆกลับบ้านด้วย ไม่อยากรอใคร หรือไม่อยากให้ใครต้องมารอ-

    'อาการพี่ตอนนี้เปนยังไงบ้าง' น้องคนหนึ่งถามฉัน
    'ยังเหมือนเดิม' ฉันตอบ
    'มันจะหายไปมั้ยคะ'
    'คงจะนะ เราหวังว่าเช่นนั้น'

    คงเปนเช่นนั้น ความโดดเดี่ยวเหล่านั้นคงจะหายไป
    มันคงจากไปพร้อมกับตา
    ฉันหวังเช่นนั้น
    'เราหวังเช่นนั้นนะน้อง'
    หวังว่าความโดดเดี่ยวอันมหึมานี้จะจากไปพร้อมกับชีวิตของตา

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in