เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวนิยายคุณชายรีวิวหนังสือ
คุณชายรีวิวฮวาปู๋ชี่นางนี้ที่ฝากรัก - 4 เล่มจบ


  • คุณชายรีวิวฮวาปู๋ชี่นางนี้ที่ฝากรัก - 4 เล่มจบ
    แนวหนังสือ : แปลจีนโบราณ ย้อนเวลา ขอทานสาวอาภัพทั้งสองชาติ พระรองวายวุ่น ปริศนาตัวละคร นิยายกึ่งเนื้อหาบรรยายละเอียด สุขนิยม

    เรื่องนี้ผูกเรื่องราวไว้ได้แปลกและน่าสนใจตั้งแต่ชายเปิดอ่าน นางเอกในชีวิตแรกเป็นเด็กอาภัพที่ถูกลักพาตัวไปเหมือนตามหน้าข่าว ห้าขวบถูกฝึกให้ร้องไห้ใช้น้ำตามารยาของเด็กเป็นอาวุธ เรียนรู้วิชาขอทาน หัดลักขโมยหลอกลวงผู้คน ทว่าสิ่งเหล่านี้คือโชคชะตา 'ไม่ทำก็ตาย' 

    พอตายแล้ว เธอได้ย้อนมาเกิดในร่างของเด็กหญิงตัวน้อยในยุคโบราณ และในชาตินี้เธอก็ยังหนีไม่พ้นอาชีพขอทาน ถูกเลี้ยงดูโดยขอทานรุ่นที่ 9 นามว่า 'ฮวาจิ่ว'(ท่านอาเก้า) แต่ท่านเก้าไม่ทันได้อยู่ให้ทดแทนคุณ เขาก็ตายหนีจากนางไปอีกคน โดยทิ้งชามขอทานไว้ให้นางสืบทอดสกุลฮวารุ่นที่ 10 กอปรกับด้วยช่วงวัยของนางเอก ไร้ทั้งพ่อขาดทั้งแม่ สุดท้ายต้องอาศัยดื่มนมสุนัข นับถือสุนัขที่ช่วยชีวิตนางไว้เสมือนมารดา กลายเป็นภาพติดตาของผู้คนภายนอก ทว่าฮวาปู๋ชี่ไม่เคยอายใคร 

    กระทั่งถึงวันที่นางโตขึ้น ไม่รู้ว่าโชคชะตาปั้นแต่งหรือเทพองค์ใดว่างงาน ถึงส่งให้นางมีรูปลักษณ์คล้ายพระชายาของอ๋องเจ็ดผู้วายชนม์ไปเสียได้ พอเรื่องนี้ได้ยินถึงหูนายท่านหลินกับสกุลมู่ ทั้งสองตระกูลจึงใช้โอกาสนี้เข้าช่วยเหลือนางแบบหวังผล พลันเปลี่ยนโฉมจากขอทานยากไร้ให้เป็นคุณหนูผู้พรั่งพร้อม 
    โดยมีชายหนุ่ม(ว่าที่พระเอก)ถึง 5 คนเข้ามาพัวพันเพิ่มความซวยให้เธอไปอีกพันทวี 
    - อวิ๋นหลาง ตระกูลมู่ ย้อนเวลามาจากโลกปัจจุบันเหมือนกับเธอ 
    - ซื่อจื่อ บุตรชายของอ๋องเจ็ดที่เกลียดเธอจับจิต 
    - เหลียนอีเค่อ ชายหนุ่มยอดวรยุทธ์ อยากฆ่าเธอทุกเมื่อเชื่อวัน 
    - บุรษผู้ฆ่าสุนัข 
    - ตงฟางสือ คุณชายตระกูลตงฟางผู้เรืองอำนาจทางการค้า 
    ส่วนเนื้อเรื่องน่าสนใจแค่ไหน ชายจะสรุปให้ฟัง 

    [คุณชายสรุปเรื่องราวหลังอ่าน]

    เรื่องนี้ชายใช้เวลาอ่านอยู่นาน เพราะด้วยการจัดหน้า ขนาดตัวอักษร ทั้งความละเอียดลออของเนื้อหาในแต่ละบท ไหนจะตัวละครมากกว่าสิบคนผูกโยงกันอีรุงตุงนัง บวกกับแนวการเขียนของจวงจวงขึ้นชื่อว่าเป็น 'เจ้าแม่บรรยายอรรถรส' ดินฟ้าอากาศเมฆครามนกบินลาดผ่านพลิ้วกิ่งไหวโอนโยก สีหน้า เครื่องแต่งกาย ตลอดจนการเล่นสำนวนคำได้สมกับเป็นนักเขียนแนวพีเรียด 'แสงศศิสาดส่องหน้าตั่งเตียง ดั่งน้ำค้างแข็งทาบทอพื้นห้อง แหงนหน้ามองดาวเดือนกระจ่างฟ้า ก้มหน้าคะนึงหาถิ่นกำเนิด' 
    เขาจะสอดแทรกสิ่งเหล่านี้เข้ามาให้เราได้กลิ่นอายของความเป็นจีนโบราณอย่างเต็มรูปแบบ มันเลยเป็นที่มาของคุณชายนิยามว่า... 'จวงจวงสไตล์'

    ความน่าสนใจสำหรับชายอยู่ที่การวางตัวละครไว้แปลกและแตกต่างจากเรื่องอื่นไปไกล อย่างการวางบทให้นางเอกเป็นขอทานอาภัพ ชาติแรกว่าลำบากแล้ว ชาตินี้ดันย้อนมาอยู่ในร่างหญิงขอทานอีก ขาดทั้งความรู้ไร้ทั้งโอกาส ไม่มีความสามารถพิเศษใด ๆ นอกจากวิชาขอทานแบบขอทานขนานแท้เป็นอาวุธติดกาย จำพวกใช้น้ำตามารยา แสร้งโง่งม ซึ่งล้วนเป็นพื้นฐานของการเอาตัวรอด 

    จะเห็นชัด ๆ เลยตอนเผชิญหน้ากับว่าที่พระเอกทั้งหลายที่อยากฆ่านางเพราะเป็นลูกของ 'เย่ว์เฟย' สตรีที่ถูกนิยามว่างามล่มเมืองล่มใจ ทำให้คุณชายเก้าสกุลจู อ๋องเจ็ด คุณชายสกุลมู่ และปี้หลัวเทียน หลงรักจนเกิดวิบัติรักแบบจวงจวงบันดาล กรรมตรงนี้สืบทอดมาถึงรุ่นลูกแบบนางเอกที่ต้องคอยรับมือกับบุญคุณความแค้นที่เย่ว์เฟยก่อไว้ 

    ส่วนตัวชายจึงมองว่าเนื้อเรื่องช่วงเล่ม 1 - 2 ค่อนข้างน่าติดตาม นางเอกเปลี่ยนจากขอทานมาเป็นคุณหนู มีเรื่องราวให้เราลุ้นอยู่ตลอด แต่ด้วยความละเอียดของการบรรยายอาจทำให้เราสปีดอ่านได้ช้าหน่อย

    จุดที่ชายเริ่มตึง ๆ หัวคิ้วคือช่วงเล่ม 3 ไปเล่ม 4 เหมือนกับเรากำลังสนุกกับการเดินตามติดชีวิตนางเอกในบทขอทานสาวทั้ง 2 ชีวิต 2 ชาติภพ เพิ่งเปลี่ยนมาอยู่ลุคคุณหนูจำแลง คอยลุ้นว่าเอชีวิตนางจะเป็นยังไงนะ เออนางไม่เก่งแต่มีซัมติงให้เราชอบ พระเอก-พระรองใครจะปาดหน้าใคร ทว่าพอมาเจอความเรื่อยเปื่อยของจวงจวง อย่างการหยิบตระกูลท่านอาเก้า(ฮวาจิ่ว/ขอทานที่เลี้ยงนางเอก)ดึงกลับมาเล่นให้เรารู้ตัวตนของพวกเขา จากนั้นใส่การเมืองนิด ใส่พระรองมาอีกหน่อย ตรงนี้เองที่ทำให้เนื้อเรื่องมันดูวุ่นวายอย่างไม่ควรจะเป็น ดังนั้นสำหรับเรื่องนี้อาจต้องยกให้เป็นความชอบของแต่ละคนไป 

    ถ้าหากชอบนิยายแนวบรรยายอรรถรส ภาษาสวย ตัวละครแปลก เนื้อหาอ่านได้เรื่อย ๆ มีจุดแผ่วอยู่ช่วงเล่มจบ เราก็หยิบมาอ่านได้ 
    แต่ถ้าไม่ชอบนิยายสายบรรยายละเอียด พระรองเยอะ พระนางไม่ใช่สไตล์เราก็ให้ปล่อยผ่าน 

    ส่วนที่ต้องชมแบบสวม-มงพร้อมคำเขียน Ver Ver Ver พาดสายสะพายให้คืองานแปล สำนวนดี เกลาคำละเอียด มีคำลงวรรคลงตอนพ้องเสียงกันตอนอ่านเหมือนบทกลอน ซึ่งตรงกับแนวการเขียนของจวงจวง เพราะอย่างที่เรารู้กัน งานของจวงจวงมันท้าทายคนแปลว่าจะเอาอยู่ไหม แล้วงานเรียบเรียงคำแบบนี้หายไปจากอรุณนานมาก รอบนี้มาดีชายก็ขออวยยศให้หนึ่งกรุบ 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in